เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1368

ตอนที่ 1368

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1368 จับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ราชันภูเขาม่วงสูญเสียมิติช่องว่าง เขาสูญเสียรากฐานการบ่มเพาะ โดยปราศจากมิติช่องว่าง อนาคตของเขาจะกลายเป็นหลุมดำ

แต่ลืมอนาคตไปได้เลย กระทั่งตอนนี้เมื่อมิติช่องว่างถูกแยกออกจากร่างของเขา เขาก็สูญเสียพลังงานแห่งเต๋าไปเป็นจำนวนมาก

แม้เขาจะเก็บวิญญาณไว้บนร่างกาย แต่โดยปราศจากความช่วยเหลือจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า พลังอำนาจของพวกมันก็จะตกลงสู่จุดต่ำสุด

แต่เขาไม่มีทางเลือก

หากถูกดูดกลืนปราณสวรรค์ มิติช่องว่างของเขาจะแตกสลยทันที ลมมรณะจะพัดมา ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย

ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

มันโจมตีไปที่รากฐานของผู้อมตะโดยตรง กระทั่งราชันภูเขาม่วงที่ยิ่งใหญ่ยังต้องละทิ้งมิติช่องว่างของตนเอง มันเหมือนผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ฝ่ามือเหล็กที่ต้องตัดแขนทั้งสองข้างของตนเองทิ้ง

ฟางหยวนเห็นเหตุการณ์นี้และเต็มไปด้วยความตกใจ

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานมีผู้อมตะระดับเก้าปรากฎขึ้นเพียงไม่กี่คน

ทุกสิ่งที่เกิดข้องกับตัวตนเหล่านี้ล้วนอัศจรรย์

ไม่ว่าจะเป็นมือปีศาจปล้นวิญญาณของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขตแดนสนามรบกลับชาติมาเกิดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ หรือท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามของเทพอมตะแรกกำเนิด

‘พวกเราทำสิ่งใดได้บ้าง?’ ฟางหยวนคิดหาวิธีพลิกสถานการณ์อย่างหนัก

แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้

ตอนนี้เขาทำได้เพียงรู้สึกยินดี

ยินดีที่ราชันภูเขาม่วงมอบคริสตัลสวรรค์ทั้งหมดให้เขาเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่เขาต่อต้านเทพธิดาจื่อเว่ย เขาก็เริ่มให้อาหารอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้เขามีคริสตัลสวรรค์มากมาย แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะกลายเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันก็จะไม่อดอาหารตาย

“สมกับเป็นราชันมังกรจริงๆ” ราชันภูเขาม่วงกล่าวชื่นชม

ราชันมังกรทรงพลังเกินไป

เขามีพลังการต่อสู้กึ่งระดับเก้าอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดทั่วไป เขาสามารถบดขยี้ตัวตนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย มีเพียงคนเช่นราชันภูเขาม่วงที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปดและเป็นหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่บ่มเพาะมานับแสนปีเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายเขา

แต่หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ ราชันมังกรก็ตระหนักว่าราชันภูเขาม่วงไม่ใช่คู่ต่อสูของเขา ดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้ไพ่ตายของตน

ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะทำให้ผู้ใช้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงหากถูกตอบโต้

ดังนั้นผู้อมตะจึงต้องระวังตัวอย่างมากในการใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา

เช่นเดียวกับฟางหยวนที่ต้องการเลี้ยงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมากกว่าการใช้ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน

“ในการต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าข้ากลั่งแกล้งรุ่นน้อง หากเจ้าไม่ใช่คนที่ท้าทายโชคชะตา เราอาจสามารถนั่งลงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ท้ายที่สุดโลกนี้ก็มีคนน้อยเกินไปที่สามารถทำให้ข้ารู้สึกสนใจ”

“อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ โลกทั้งใบจะสว่างไสวและน่าตื่นเต้นขี้นอย่างไม่น่าเชื่อ”

“และข้าจะเป็นผู้เปิดฉากยุคที่ยิ่งใหญ่ด้วยตนเอง!”

ราชันมังกรถอนหายใจขณะไล่ล่าราชันภูเขาม่วง

ราชันภูเขาม่วงต่อสู้และล่าถอย เขาถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์

เขาถูกโจมตีด้วยสองรูปแบบของท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามไปแล้ว พลังการต่อสู้ของเขาในเวลานี้ลดลงอย่างมาก เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกรอีกต่อไป

ราชันมังกรโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

ราชันภูเขาม่วงตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่เขายังพยายามสร้างกายาแห่งความฝันต่อไป

เขาไม่มีทางเลือกอื่น

อิงอู๋เซี่ยยังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน สำหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆโดยไม่สามารถทำสิ่งใด

ฟางหยวนกัดฟันด้วยความหนักใจ

เขามองไปรอบๆสนามรบ วิธีเดียวที่สามารถทำได้ในเวลานี้คือค้นหาจุดอ่อนของศัตรูเพื่อกอบกู้สถานการณ์

อย่างไรก็ตามราชันมังกรทำนายเรื่องนี้ไว้แล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่เขาส่งออกมาล้วนเป็นตัวตนที่ทรงพลัง

โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงราชันมังกร เพียงเทพธิดาจื่อเว่ยและหอคอยดวงตาสวรรค์ก็ทรงพลังมากแล้ว

ผู้อมตะภาคใต้ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้

‘โอ้ ไม่!’

‘เหตุการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป’

‘หากราชันภูเขาม่วงแพ้ สถานการณ์จะหันไปทางวังสวรรค์’

‘เมื่อเวลานั้นมาถึง ความหวังของข้าที่จะหลบหนีจะเหลือน้อยเกินไป!’

‘ข้าควรถอยตั้งแต่ตอนนี้หรือไม่?’

‘ข้าควรเดิมพันหรือไม่ว่าวังสวรรค์จะมีวิธีตอบโต้เกราะหวนคืนของข้าหรือไม่?’

ฟางหยวนลังเล

นี่เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ

แต่ในเวลานี้การต่อสู้ระหว่างราชันมังกรกับราชันภูเขาม่วงกลับเกิดจุดพลิกผัน

ทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ลึกลับเปิดออกขณะที่กองทัพอสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาจากภายใน

ราชันภูเขาม่วงใช้อสูรวิญญาณเหล่านี้ป้องกันการโจมตีของราชันมังกรขณะที่เขาล่าถอยเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว

‘แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา!’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาถูกย้ายมาที่นี่โดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ภายใน เทพปีศาจจิตวิญญาณเดินทางผ่านประตูแห่งชีวิตและความตายบานนี้ออกมาเพื่อต่อต้านภัยพิบัติและสร้างวิญญาณทารกอมตะ

หลังจากฟางหยวนฉกชิงร่างทารกอมตะมาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาก็ปิดตัวลงและตัดขาดจากโลกภายนอก

ราชันภูเขาม่วงใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาเปลี่ยนอาณาจักรแห่งความฝันเป็นกายาแห่งความฝันอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันได้รับอิสระ

ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงสามารถเปิดประตูทางเข้าของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้และปลดปล่อยอสูรวิญญาณออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย

กองทัพอสูรวิญญาณพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกร

ท่ามกลางพวกมันมีอสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรเดียวดายมากมาย มันมีกระทั่งอสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรแรกกำเนิด

พวกมันโจมตีราชันมังกรโดยไม่สนใจชีวิตของตนเอง

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ราชันภูเขาม่วงประสบความสำเร็จในการเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา

การปรากฏตัวของกองทัพอสูรวิญญาณไม่ได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง มันเป็นเพียงการซื้อเวลาให้ราชันภูเขาม่วงเท่านั้น

“ฟางหยวน เจ้ารอสิ่งใดอยู่? เหตุใดไม่ปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา?” ราชันภูเขาม่วงเร่งเร้า

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

นี่เป็นครั้งที่ห้าสิบแล้วที่เขาถาม

ตั้งแต่ราชันภูเขาม่วงถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสาม เขาก็กระตุ้นให้ฟางหยวนใช้ประโยชน์จากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดซึ่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขา แม้เขาจะไม่สามารถควบคุม มันก็ยังสามารถสร้างความโกลาหล

แต่ฟางหยวนจะปล่อยมันออกมาตามคำร้องขอของราชันภูเขาม่วงได้อย่างไร?

‘บุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาเลย’ ฟางหยวนต้องการให้ราชันมังกรบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาเพราะเขาเชื่อว่าที่นั่นจะเต็มไปด้วยกับดัก

แต่ราชันมังกรกลับหยุดไล่ล่าราชันภูเขาม่วง

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกผิดหวังขณะที่ราชันภูเขาม่วงรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ริมฝีปากของราชันมังกรม้วนตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม

ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปบางแห่งด้วยความเร็วสูง

“ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” ราชันมังกรตะโกนและใช้กรงเล็บเปิดเส้นทาง

“เขารู้ตัวแล้ว!” ราชันภูเขาม่วงรู้สึกราวกับตกลงไปในแม่น้ำที่เย็นยะเยือก

ท่ามกลางกองทัพอสูรวิญญาณ มีดวงวิญญาณร่างมนุษย์ปรากฏขึ้น เขาไม่ได้หลบเลี่ยงราชันมังกรแต่เผชิญหน้าโดยตรง

“บึม!”

กระทั่งราชันมังกรก็ยังถูกส่งลอยกับหลังขณะที่ดวงวิญญาณร่างมนุษย์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ราชันมังกรถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือดแต่เขายังหัวเราะ “เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชจริงๆ”

“บัดซบ!” ราชันภูเขาม่วงพุ่งไปข้างหน้า เขาพยายามเป็นกำลังเสริมแต่ใบหน้าของเขากลับแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก

เห็นเหตุการณ์นี้ ฟางหยวนเข้าใจทุกสิ่ง

‘นิกายเงาฉลาดแกมโกงจริงๆ’

‘การสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมหาศาลอาจดูเหมือนการสร้างเส้นทางหลบหนีให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณ’

‘แต่ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาก็คือการปล่อยกองทัพอสูรวิญญาณออกมาเพื่อให้เทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินและเสริมกำลังให้กับตนเอง’

‘เทพปีศาจจิตวิญญาณสามรถกลืนกินดวงวิญญาณ นั่นคือวิธีกู้คืนความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วของเขา หากประสบความสำเร็จ เขาอาจสามารถพลิกสถานการณ์’

แต่ทั้งหมดกลับถูกทำนายไว้ล่วงหน้าโดยราชันมังกร

ราชันมังกรโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณในสภาพที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นราชันภูเขาม่วงจึงต้องเข้าแทรกแซง

“สายไปแล้ว” ราชันมังกรหัวเราะและใช้กรงเล็บมังกรกวาดผ่านอากาศ

ราชันมังกรพุ่งเข้าโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณอีกครั้ง

เดิมทีร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณทรงพลังมาก เขาถือเป็นอสูรวิญญาณระดับเก้าที่สามารถใช้วิญญาณอมตะและพลังงานอมตะที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง

แต่หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เทพปีศาจจิตวิญญาณเหลือเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

ดวงวิญญาณร่างมนุษย์คำรามและป้องกันการโจมตีของราชันมังกร

ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “คิดว่าสามารถต่อต้านข้างั้นหรือ?”

“โอ้ เทพปีศาจจิตวิญญาณ หากเจ้ายังเป็นเทพปีศาจระดับเก้า ข้าจะหลีกทางให้เจ้าและจะหลบหนีไปสุดขอบโลก”

“แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณที่เหลืออยู่และยังไม่มีวิญญาณอมตะหรือพลังงานอมตะใดๆ”

“ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว!”

“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้ามาที่นี่เพื่อจับตัวเจ้าและกักขังไว้ในวังสวรรค์เพื่อให้คนทั้งโลกตระหนักถึงพลังอำนาจอันเป็นที่สุดของวังสวรรค์!”

ดวงวิญญาณร่างมนุษย์พยายามดิ้นรนขณะที่ราชันภูเขาม่วงโจมตีราชันมังกรราวกับคนบ้า

ราชันมังกรป้องกันการโจมตีของราชันภูเขาม่วงได้อย่างง่ายดายขณะที่เขามองดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเย้ยหยัน “ยังดิ้นรนอย่างสิ้นหวังอีกงั้นหรือ?”

“ในอดีตกระทั่งตาแก่เทพปีศาจบัวแดงยังถูกข้าขัดขวาง!”

“เอาล่ะ ยอมจำนนซะ!”

เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สามารถต่อต้านและถูกขังไว้ในกรงอากาศของราชันมังกร

ราชันมังกรสามารถจับกุมเทพปีศาจจิตวิญญาได้จริงๆ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท