เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1390

ตอนที่ 1390

ท่าไม้ตายใหม่ถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด

หัตถ์ภูตวายุ!

มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและคว้าจับมังกรวายุเอาไว้ในพริบตา

มังกรวายุกรีดร้องอย่างน่าเวทนาก่อนที่มันจะระเบิดและกลายเป็นสายลมกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง

การแสดงออกของฟงจิวเก้อกลายเป็นเคร่งขรึม

มังกรวายุเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หัตถ์ภูตวายุกลับทรงพลังกว่ามาก!

หากฟงจิวเก้อถูกโจมตีโดยสิ่งนี้ ผลลัพธ์อาจน่าอนาถเกินกว่าผู้ใดจะจินตนาการถึง

หากฟางหยวนไม่เข้าแทรกแซงในช่วงเวลาสำคัญ ฟงจิวเก้อต้องเผชิญหน้ากับมังกรวายุและหัตถ์ภูตวายุในเวลาเดียวกัน นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก

การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นไม่น่ามองเช่นกัน

เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเตรียมท่าไม้ตายนี้และคิดว่ามันจะสามารถเอาชนะฟงจิวเก้อ

แต่การแทรกแซงของฟางหยวนกลับทำลายความหวังของเขา

ในความเป็นจริงวูหยงตั้งใจใช้ท่าไม้ตายหัตถ์ภูตวายุจับตัวฟงจิวเก้อทั้งเป้น

หากเขาบรรลุเป้าหมายนี้ เขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

ประการแรก หากวูหยงสามารถจับตัวตนเช่นฟงจิวเก้อ มันจะเพิ่มชื่อเสียงให้เขาและส่งอิทธิพลอย่างมากต่อฝ่ายธรรมะของภาคใต้

ประการที่สอง การจับเป็นฟงจิวเก้อจะไม่สร้างความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขกับวังสวรรค์

หากเขาสามารถเจรจากับวังสวรรค์ เขาอาจได้รับวิญญาณอมตะจากค่ายกลวิญญาณกลับคืน แม้จะเป็นเพียงบางส่วน ศักดิ์ศรีของวูหยงในภาคใต้ก็ยังจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

มันจะทำให้ตระกูลวูเกิดเสถียรภาพ

แต่ฟางหยวนกลับขัดขวางแผนการของเขา

‘สองคนนี้…’

‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด ฟงจิวเก้อจะสามารถต่อต้านหรือกระทั่งตอบโต้’

‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แม้ข้าจะสามารถปราบปรามฟงจิวเก้อ แต่ข้าต้องผ่านเกราะหวนคืนของฟางหยวน เมื่อท่าไม้ตายถูกสะท้อนกลับ ข้าจะกลายฝ่ายที่พบกับความสูญเสีย’

เปลือกตาของวูหยงกระตุก

เขากำลังพบปัญหาและรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หากเขาเผชิญหน้าเพียงฟางหยวน วูหยงสามารถปฏิบัติกับฟางหยวนเช่นกระสอบทราย หากเขาเผชิญหน้ากับฟงจิวเก้อ เขายังสามารถกำหราบอีกฝ่าย

แต่การเผชิญหน้าสองคนพร้อมกัน…

วูหยงรู้สึกกังวล

‘มีความหวังไม่มากนักที่จะทำลายเกราะหวนคืนในระยะเวลาสั้นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่าไม้ตายนี้และข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา’

‘บางทีวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรอาจมีมาตรการตอบโต้เกราะหวนคืนแล้ว’

‘แต่วิธีเดียวในเวลานี้คือโจมตีพวกเขาต่อไปจนกว่าพวกเขาจะไม่สามารถรับมือการโจมตีของข้า เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะมีโอกาสฆ่าพวกเขา’

หากไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วูหยงก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของฟางหยวนและฟงจิวเก้อ

“เขาอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนมองไปที่ฟงจิวเก้อ

วูหยงถอยหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าต่อ วิธีการตรวจสอบของฟางหยวนไม่ดีนักและไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของวูหยง

ฟงจิวเก้อส่ายศีรษะ “ดูเหมือนเขาจะใช้เขตแดนเพื่อซ่อนตัว”

กระทั่งฟงจิวเก้อยังพบเพียงรายละเอียดที่คลุมเครือเท่านั้น

เมื่อเขากล่าวจบ สนามรบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

สายลมกรรโชกแรงทำให้เกิดเสียงกรีดเฉือนอากาศ

ดาบสายลมก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีศัตรู

“ดี” ฟางหยวนไม่ตกใจแต่มีความสุข

อย่างไรก็ตามดาบสายลมกับพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

วูหยงต้องการกำจัดฟงจิวเก้อก่อนจะจัดการฟางหยวน

นี่เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมาก

เพราะมีเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้นที่สามารถตอบโต้ เมื่อเขาตายหรือถูกจับกุม ฟางหยวนจะไม่สามารถทำสิ่งใด

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มสดใส “น่าสนใจ ข้ากำลังถูกดูแคลน”

น้ำเสียงของเขาไม่มีความโกรธแต่แฝงไว้ด้วยความยินดีและอยากรู้อยากเห็น

ฟงจิวเก้อส่งหมัดและฝ่ามือออกไปทำลายดาบสายลม

แต่หลังจากถูกทำลาย ดาบสายลมยังสามารถควบรวมเป็นดาบเล่มใหม่

ฟงจิวเก้อไม่กล้าปล่อยให้ดาบสายลมสัมผัสร่างกาย แต่กระทั่งเขาจะสามารถทำลายพวกมัน สถานการณ์ของเขาก็ยังไม่ดีนัก

ฟางหยวนรีบเข้าไปช่วยฟงจิวเก้อ

ดาบสายลมที่ปะทะร่างของฟางหยวนถูกสะท้อนกลับทั้งหมด

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ถูกส่งกลับไปที่วูหยงแต่เป็นสนามรบแห่งนี้

แม้วูหยงจะเป็นผู้ควบคุมแต่เขาใช้เขตแดนเพื่อสร้างดาบสายลม ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกโจมตีโดยตรง

วูหยงซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งและรู้สึกเบิกบานใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

ฟางหยวนพยายามป้องกันอย่างเงียบๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นเท่านั้น

สถานการณ์ของฟงจิวเก้อเริ่มดีขึ้นเมื่อได้รับการคุ้มครองจากฟางหยวน เขาคิดก่อนส่งเสียงไปหาฟางหยวน “ปกป้องข้าขณะที่ข้าทำลายเขตแดนนี้”

ฟางหยวนตะลึงก่อนจะเห็นด้วย

ก่อนหน้านี้เขาอนุมานมาแล้วว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำลายเขตแดนของวูหยงด้วยความแข็งแกร่งของเขา อีกด้านหนึ่งเขากำลังคิดวิธีทำลายกรงอากาศและใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเพื่อหลบหนี

ดังนั้นเขาจึงต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด

หากเขาปล่อยให้ฟงจิวเก้อต่อสู้กับวูหยงเพียงลำพัง ในไม่ช้าวูหยงจะสามารถปราบปรามฟงจิวเก้อและสามารถจัดการเขาได้ในที่สุด

ฟงจิวเก้ออาจมีพลังการต่อสู้ระดับแปดแต่เขายังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องเข้ามาช่วย

ฟงจิวเก้อเริ่มใช้ท่าไม้ตายของเขาและปล่อยให้ฟางหยวนป้องกัน

ความไว้วางใจนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้วูหยงจึงเร่งการโจมตี

ดาบสายลมไม่สามารถทำสิ่งใดฟางหยวนกับฟงจิวเก้อ

ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องที่แปลกประหลาดก็เริ่มดังขึ้น

หลายลมหายใจต่อมาประกายสายฟ้าก็แลบลั่นขึ้นรอบๆฟางหยวนและฟงจิวเก้อ

“ระวัง มันคือสายฟ้ามรกต” ฟงจิวเก้อเตือน

ประกายสายฟ้าทำให้ฟางหยวนต้องปิดเปลือกตาลง

เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปลี่ยนดวงตาของเขาให้เป็นดวงตามังกร ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถต้านทานประกายสายฟ้าเหล่านั้น

ฟางหยวนต้องรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลแต่เปลี่ยนได้เพียงดวงตา

สายฟ้ามรกตฟาดลงมาที่ฟางหยวนก่อนจะสะท้อนกลับไปและสร้างความเสียหายให้กับสนามรบ

สายฟ้ามรกตบางส่วนพุ่งเข้าปะทะร่างของฟงจิวเก้อแต่มันกลับหายไปเมื่อเข้าใกล้เขา

ฟงจิวเก้อกำลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะ แต่เขาไม่ได้พึ่งพาฟางหยวนอย่างสมบูรณ์ เขาใช้วิธีป้องกันบางอย่างเพื่อปกป้องตนเอง

ฟางหยวนโล่งใจเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้

เมื่อเห็นว่าสายฟ้ามรกตไม่มีประโยชน์ วูหยงจึงเปลี่ยนวิธี เขาส่งไข่มุกสีเขียวลงมาราวกับสายฝน

“ระวัง มันคือน้ำค้างหยก” ฟงจิวเก้อเตือนอีกครั้ง

ไข่มุกสีเขียวโปรยปรายลงบนร่างของฟางหยวนแต่สะท้อนกลับออกไปเช่นเดิม

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อทำได้ไม่ดีนัก

แม้ไข่มุกส่วนใหญ่จะหายไปแต่บางส่วนยังตกลงบนร่างของเขาและสร้างเสียงคมชัด

ร่างของฟงจิวเก้อราวกับเครื่องดนตรีในร่างมนุษย์ มันส่งเสียงอันไพเราะออกมาอย่างต่อเนื่อง

วูหยงหัวเราะเสียงดังและเปิดเผยตัวเองออกมาราวกับเขากำชัยชนะเอาไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว “มันมีการโจมตีที่ซ่อนอยู่ ชื่อของมันคือเสียงอมตะ ฟงจิวเก้อ เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียง เหตุใดเจ้าไม่สามารถประเมินการโจมตีนี้?”

เมื่อเสียงหัวเราะเของวูหยงหยุดลง เสียงสายลมก็เริ่มดังขึ้นในสนามรบ

เสียงลมอันแผ่วเบาดังก้องอยู่ในจิตใจของฟางหยวน เกราะหวนคืนของเขาเริ่มสั่นไหวราวกับระลอกคลื่น

‘ไม่ดีแล้ว เสียงอมตะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางการโจมตีทั้งสี่รูปแบบ แม้ข้าจะมีเกราะหวนคืนแต่ข้าก็ทำได้เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น แล้วข้าจะช่วยฟงจิวเก้อได้อย่างไร?’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

ท่าไม้ตายเขตแดนของวูหยงเรียกว่าสายลมทั้งสี่ มันสามารถใช้การโจมตีสี่รูปแบบ มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลวูและส่งผ่านมาจากรุ่นสู่รุ่น

การโจมตีทั้งสี่รูปแบบคือ ดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก และเสียงอมตะ

มันเป็นไพ่ตายของตระกูลวูที่ทำให้พวกเขาสามารถปกครองภาคใต้มาตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท