เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1382

ตอนที่ 1382

ที่สนามรบอาณาจักรแห่งความฝัน นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ขณะที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน

พวกเขาสูญเสียค่ายกลวิญญาณและวิญญาณอมตะทั้งหมด

พวกเขาลงทุนกับเรื่องนี้ไปมากแต่กลับไม่ได้รับกำไร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสูญเสียผู้อมตะไปหลายคนในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้คือฟางหยวนและวังสวรรค์

วังสวรรค์สามารถจับเทพปีศาจจิตวิญญาณและยังสามารถฉกชิงค่ายกลวิญญาณของภาคใต้รวมถึงวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดของฟางหยวน

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าวและต้องการคำอธิบายจากวังสวรรค์

ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน การกระทำของวังสวรรค์ถือว่าไร้เหตุผลเกินไป

ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มของฟางหยวน วูหยงและผู้อมตะคนอื่นๆพยายามติดต่อวังสวรรค์แต่ไม่สามารถทำได้

‘เทพธิดาจื่อเว่ย…’ วูหยงคิดขณะพิจารณาวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

เขาไม่คาดหวังว่าผู้อมตะของวังสวรรค์จะติดต่อเขาโดยตรง

เนื้อหาที่อยู่ภายในเกี่ยวกับฟางหยวนและคนอื่นๆ

วังสวรรค์มีข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง ไป่หนิงปิง ฟางหยวน และคนอื่นๆทั้งหมด

นั่นยังรวมไปถึงข้อมูลที่พวกเขาครอบครองค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเอาไว้

ข้อมูลที่น่าตกใจที่สุดคือวูอี้ไห่ตัวจริงตายไปนานแล้ว คนที่เข้าสู่ตระกูลวูในฐานะวูอี้ไห่คือปีศาจต่างโลกฟางหยวน!

‘มันเป็นเช่นนี้! ฟางหยวนคือวูอี้ไห่ วูอี้ไห่คือฟางยวน?’ วูหยงพบว่าน้องชายที่เขากำลังมาช่วยกลายเป็นศัตรูที่ปลอมตัวมา

วูหยงรู้สึกตกใจกับข้อมูลนี้เป็นอย่างมาก มันเกินกว่าความคาดหมายของเขา

หลังจากตกใจ เขารู้สึกโกรธ

เขาโกรธฟางหยวน

นี่คืออาชญากรที่สังหารวูอี้ไห่และยังกล้าปลอมตัวเป็นเหยื่อเพื่อแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู

มันเป็นการตบหน้าสมาชิกตระกูลวูทั้งหมดรวมถึงวูหยง

สิ่งสำคัญที่สุดฟางหยวนยังประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ

นี่คือความอัปยศ!

ฟางหยวนไม่เพียงดูถูกตระกูลวูที่ยิ่งใหญ่แต่เขายังวิ่งเข้ามาหาตระกูลวูและตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง

ตระกูลวูคือผู้ใด?

พวกเขาเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของภาคใต้ที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน!

แล้ววูหยงคือผู้ใด?

วูหยงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู ผู้อมตะระดับแปดที่ครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!

แต่ฟางหยวนกลับทำเหมือนพวกเขาเป็นตัวตลก

อย่างไรก็ตามนอกจากความโกรธที่มีต่อฟางหยวน วูหยงยังโกรธวังสวรรค์

วังสวรรค์นำวิญญาณอมตะของตระกูลวูไปจากค่ายกลวิญญาณ นี่เป็นเหตุผลประการแรก

ประการที่สองคือวังสวรรค์ส่งข้อมูลนี้มาให้เขา

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร

พวกเขากำลังบอกวูหยงโดยไร้เสียงว่า เรามีข้อมูลที่สามารถทำลายชื่อเสียงของตระกูลวู หากเจ้าไม่ทำตามความต้องการของเรา เจ้าจะมีปัญหา

มันคือการคุกคามและข่มขู่!

เหตุใดข้อมูลที่ฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่จึงเป็นภัยคุกคามต่อวูหยง?

นี่คือความแตกต่างระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ

ฝ่ายธรรมะมีกฎเกณฑ์ของตนเอง

พวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและใบหน้า แม้พวกเขาจะใช้กำลังเช่นกัน แต่พวกเขาก็ต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล พวกเขาต้องยืนอยู่เคียงข้างความยุติธรรม

ก่อนหน้านี้หลายกองกำลังพยายามสร้างปัญหาให้ตระกูลวูและยึดครองแหล่งทรัพยากรของพวกเขา

ตระกูลฮั่วทำอย่างไร?

พวกเขาส่งผู้อมตะออกไปและแสร้งแสดงตัวเป็นปีศาจขณะที่ให้ผู้อมตะอีกคนแสร้งไล่ล่า ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงสามารถใช้กำลังบุกยึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวู

ตระกูลหยางทำอย่างไร?

พวกเขาวางแผนและเตรียมความพร้อมมานานแล้ว แรกเริ่มพวกเขาส่งมนุษย์เข้าไปตั้งหมู่บ้านใกล้กับหมู่บ้านของตระกูลวูและสร้างความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ก่อนจะใช้ข้ออ้างที่ชอบธรรมยึดครองแหล่งทรัพยากร

วูหยงมีความแข็งแกร่งและครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม่ไผ่สายลม แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงเฉยเมยต่อปัญหาต่างๆ?

ฮ่าฮ่า

นี่คือแผนการของวูหยง

เขารู้ว่าตระกูลวูมีอาณาเขตกว้างใหญ่ หากเขาแสดงความแข็งแกร่งออกมาตั้งแต่แรก กองกำลังอื่นๆจะระวังตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตามตระกูลวูมีผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียว

หากเขาปล่อยให้กองกำลังอื่นกลั่นแกล้ง วูหยงจะมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลที่จะจัดการกองกำลังอื่นได้อย่างสมบูรณ์

ด้วยวิธีนี้กองกำลังเหล่านั้นจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่และไม่กล้าต่อต้านตระกูลวูไปอีกหลายทศวรรษ

นี่คือแผนการของวูหยงที่แม้แต่วูฝาผู้ช่วยคนสนิทของเขาก็ยังไม่รู้

แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้ทุกอย่างค่อยๆดำเนินไปตามแผนการของวูหยง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับรบกวนแผนการนี้ นั่นคือนิกายเงา

ฟางหยวนแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู กระทั่งวูหยงก็ปฏิบัติต่อฟางหยวนราวกับฟางหยวนเป็นน้องชายที่แท้จริงของเขา

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้วูหยงแสดงความห่วงใยอย่างมากต่อวูอี้ไห่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของตระกูลวูจะตกต่ำลง ตระกูลอื่นจะวางแผนต่อต้านพวกเขาอีกครั้ง

ตระกูลวูเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของภาคใต้แต่กลับถูกปีศาจปั่นหัว

แล้วพวกเจ้าจะเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะได้อย่างไร?

ตระกูลวูมีคุณสมบัติที่จะครอบครองทรัพยากรเหล่านี้งั้นหรือ?

พวกเจ้าจะเก็บทรัพยากรเหล่านี้ไว้ให้ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลของพวกเจ้าใช่หรือไม่?

ชื่อเสียงอาจมองไม่เห็นและไม่สามารถจับต้อง แต่แท้จริงแล้วมันคือความแข็งแกร่งชนิดหนึ่งที่จะส่งอิทธิพลในทุกด้าน

ในความเป็นจริงแหล่งทรัพยากรเหล่านั้นไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับวูหยง

แต่เขาต้องการสร้างชื่อเสียงใหักับตนเองเพื่อฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของภาคใต้

อย่างไรก็ตามแผนการของเขากลับถูกทำลายโดยฟางหยวน

เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มันจะเป็นระเบิดครั้งใหญ่สำหรับตระกูลวู

ชื่อเสียงที่พวกเขาสะสมมาอย่างยาวนานจะพังทลายลง

ตระกูลวูจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกเป็นเวลานาน

‘วายร้ายฟางหยวน!’

วูหยงกัดฟันแน่น

เขาไม่เคยเกลียดชังผู้ใดมากเท่านี้มาก่อน

แต่แท้จริงแล้วเขาต้องโทษตัวเองที่ใช้วูอี้ไห่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยการแสดงความรักและความเมตตาอย่างสุดซึ้ง

แต่ผลลัพธ์?

ความรักครอบครัวกลายเป็นความไร้ความสามารถของวูหยงที่ถูกฟางหยวนปั่นหัว

นี่คือความอัปยศตลอดชีวิตของวูหยง

‘นางสารเลวจื่อเว่ย!’

วูหยงเกลียดชังผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์ผู้นี้เช่นกัน

ความตั้งใจของนางชัดเจนมาก นางกำลังเตือนวูหยงและต้องการใช้วูหยงเป็นเครื่องมือในการกำจัดฟางหยวนและคนอื่นๆ

วูหยงต้องการฆ่าฟางหยวน

ตราบเท่าที่เขาลอบสังหารฟางหยวนอย่างลับๆ ความตายของวูอี้ไห่จะเป็นความผิดของนิกายเงา

เมื่อเวลานั้นมาถึงแม้วังสวรรค์จะเปิดเผยความจริง วูหยงก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด มันจะไม่ทำให้เขาสูญเสียใบหน้า

“เทพธิดาจื่อเว่ย…” วูหยงพึมพำชื่อนี้

เขารู้อย่างชัดเจนว่าเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการให้เขาฆ่าฟางหยวนและคนอื่นๆ นางใช้เขาเป็นเครื่องมืออย่างเปิดเผย แต่ถึงกระนั้นวูหยงก็ไม่มีทางเลือกอื่น

สิ่งสำคัญที่สุดคือจดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยมีเพียงข้อมูลของฟางหยวนและคนอื่นๆ มันไม่มีการเจรจาหรือถ้อยคำคุกคามใด

“ท่านวูหยง เกิดสิ่งใดขึ้น?” เฉียวจื่อไคถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นการแสดงออกของวูหยง

วูหยงชำเลืองมองเฉียวจื่อไคและรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้เช่นกัน

‘มันเป็นเพราะตาแก่ผู้นี้!’

‘เขาต้องการปีนเกลียวตระกูลวูของข้า!’

‘หากไม่มีเขา ฟางหยวนจะเข้าสู่ตระกูลวูได้อย่างไร?’

แม้จะคิดเช่นนี้แต่ภายนอกวูหยงยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่มีสิ่งใด ข้าเพียงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้องชายเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อเขาตกอยู่ในมือของนิกายเงา?”

เฉียวจื่อไครู้สึกประหลาดใจ ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดวูหยงยังกังวลเกี่ยวกับวูอี้ไห่? เหตุใดเขาถึงทำตัวเช่นนี้?

ก่อนหน้านี้ความกังวลของวูหยงที่มีต่อวูอี้ไห่เป็นเพียงการแสดง แต่ครั้งนี้มันดูราวกับเป็นเรื่องจริง

ความกังวลที่เขามีต่อฟางหยวนก็คือความปรารถนาที่จะฆ่าเขาทันที!

“พวกเจ้ายังติดต่อวูอี้ไห่ไม่ได้อีกงั้นหรือ?” วูหยงลอบติดต่อกลับตระกูลวู

กลุ่มผู้อมตะตระกูลวูเงียบกริบ

ท่ามกลางพวกเขา มีบางคนกล่าว “ครั้งสุดท้ายที่เราสื่อสารกับท่านวูอี้ไห่คือตอนที่เขายืมวิญญาณอมตะจากตระกูล”

อีกคนกล่าวเสริม “ท่านวูอี้ไห่มีวิญญาณอมตะหกดวงที่ยืมไปจากตระกูล จะเกิดเหตุร้ายกับท่านไม่ได้!”

ความโกรธของวูหยงปะทุขึ้นอีกมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

เขาเป็นผู้อนุมัติคำขอของฟางหยวนด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อน

ตอนนี้วูหยงรู้สึกอยากตบหน้าตัวเองเป็นอย่างมาก

ในเวลาเดียวกันความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฟางหยวนก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก

ชายผู้นี้!

เขาทำมันจริงๆ!

แม้ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มาก!

ข้าวูหยงผู้ยิ่งใหญ่กลับถูกชายไร้ยางอายผู้นี้หลอกลวง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท