เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1367

ตอนที่ 1367

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1367 ดูดกลืนปราณทั้งสาม
หลังกล่าวจบคำ กลิ่นอายของราชันมังกรก็เปลี่ยนแปลงไป

มันเหมือนกลิ่นอายของมังกรยักษ์ที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ราชันภูเขาม่วงตระหนักถึงอันตรายร้ายแรง

“โฮก…”

ราชันมังกรเปิดปากคำราม

ต่อมาเขาหายตัวไปจากจุดนั้น

“โอ้ โม่!” หัวใจของราชันภูเขาม่วงจมดิ่งลง

ราชันมังกรกำลังทำสิ่งเดิมอีกครั้ง

เขาเคยใช้วิธีนี้เคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาและโจมตีราชันภูเขาม่วงด้วยหมัดมังกรแห่งความโกลาหล

ผู้อมตะทั่วไปจะไม่สามารถตอบสนองแม้พวกเขาจะรู้ถึงเจตนาของราชันมังกร แต่ราชันภูเขาม่วงแตกต่างออกไป เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา ความคิดของเขารวดเร็วมาก

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ราชันมังกรคำราม ราชันภูเขาม่วงก็ตอบสนองไปแล้ว

ครั้งนี้ราชันมังกรไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าประชิดตัวราชันภูเขาม่วง เขาอยู่ห่างออกไปหลายร้อยก้าว

แต่สำหรับราชันมังกร ระยะทางนี้เพียงพอแล้ว

“ดูดกลืนปราณมนุษย์!” ราชันมังกรโบกมืออย่างง่ายๆ

แต่ราชันภูเขาม่วงกลับเผชิญหน้ากับการระเบิดครั้งใหญ่

ปราณมนุษย์จำนวนมากพุ่งออกจากร่างของราชันภูเขาม่วงและบินเข้าไปหาราชันมังกร

หลังจากสูญเสียปราณมนุษย์จำนวนมหาศาล ใบหน้าของราชันภูเขาม่วงกลายเป็นซีดขาว เส้นผมสีม่วงที่สดใสของเขากลายเป็นหม่นหมอง เขารู้สึกถึงความอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ

ลึกเข้าไปในดวงตาของราชันภูเขาม่วงสามารถมองเห็นความตกใจ นี่ทำให้เขานึกถึงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่มีชื่อเสียง

ดูดกลืนปราณทั้งสาม!

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกำเนิด มันมีลักษณะเด่นสองประการที่ทุกคนรู้จักดี

ประการแรก มันยากที่จะเรียนรู้

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อและใช้วิญญาณจำนวนมหาศาล กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญายังรู้สึกปวดหัวกับมัน

ประการที่สอง ความเสี่ยงของการใช้ท่าไม้ตายนี้สูงมาก

เนื่องจากความซับซ้อนของมัน ผู้อมตะมีโอกาสทำสิ่งผิดพลาดและพบกับฟันเฟืองร้ายแรง

หากท่าไม้ตายล้มเหลว พวกเขาจะเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามมีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลับอย่างไม่น่าเชื่อ

คำอธิบายของมันเริ่มจากขั้นตอนก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

มนุษย์ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะต้องดูดซับและหลอมรวมปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์

เมื่อผู้ใช้วิญญาณบ่มเพาะตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงห้า พวกเขาจะได้รับปราณมนุษย์ในกระบวนการนี้ เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพเข้าไปผสานกับปราณมนุษย์

ยิ่งมีปราณมนุษย์มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสามารถดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพได้มากเท่านั้น

โดยปกติแล้วร่างสุดยอดกายาทั้งสิบจะมีปราณมนุษย์มากที่สุด นอกจากนั้นผู้อมตะที่สามารถบรรลุระดับปรมาจารย์บนเส้นทางบางสายก็จะมีปราณมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์เช่นกัน

ด้วยการผสานปราณทั้งสามเข้าสู่มิติช่องว่าง พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะ

ปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มิติช่องว่างของพวกเขาจะขาดเสถียรภาพ

เช่นเดียวกับฟางหยวนที่ต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างสมดุลให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือเทพอมตะ พวกเขาก็ไม่สามารถประมาทกับเรื่องนี้

ปราณสวรรค์และปราณพิภพจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค หากผู้อมตะดูดซับปราณสวรรค์และปราณพิภพของภูมิภาคอื่น มิติช่องว่างของพวกเขาจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ แม้พวกเขาจะสามารถทำเช่นนั้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป

คำอธิบายเหล่านี้พิสูจน์ว่าปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมิติช่องว่างของผู้อมตะ หากเกิดความไม่สมดุล มิติช่องว่างของพวกเขาจะได้รับความเสียหายร้ายแรง

และท่าไม้ตายนี้เป็นการโจมตีไปที่จุดนี้โดยตรง

มันเป็นท่าไม้ตายต่อเนื่องและกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงในท่าเดียว ดังนั้นผู้อมตะที่ใช้ท่าไม้ตายนี้จึงต้องมีความชำนาญเป็นอย่างมาก

การดูดกลืนพลังปราณมีอยู่สามรูปแบบ

รูปแบบแรกคืการดูดกลืนปราณมนุษย์ หลังจากเป้าหมายถูกโจมตี พวกเขาจะสูญเสียปราณมนุษย์จำนวนมาก รากฐานของพวกเขาจะร่วงหล่นลง แน่นอนว่าหากเป้าหมายไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์อสูร ท่าไม้ตายนี้ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

รูปแบบที่สองคือการดูดกลืนปราณพิภพ หากเป้าหมายถูกโจมตี พวกเขาจะสูญเสียปราณพิภพอย่างรุนแรง ปราณทั้งสองจะเสียสมดุล มิติช่องว่างจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

รูปแบบที่สามคือการดูดกลืนปราณสวรรค์ มันจะดูดปราณสวรรค์ออกมา เมื่อเป้าหมายถูกโจมตี มิติช่องว่างของพวกเขาจะแตกสลายทันที

ราชันภูเขาม่วงเร่งล่าถอย

เขาถูกดูดปราณมนุษย์ออกไปแล้ว หากเขาถูกดูดปราณพิภพอีกครั้ง มันจะร้ายแรงมาก

อย่างไรก็ตามแม้ราชันภูเขาม่วงจะรู้เรื่องนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับมัน เขาไม่สามารถมองทะลุท่าไม้ตายนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ท่าไม้ตายนี้ซับซ้อนเกินไป แม้มันจะใช้งานยาก แต่มันก็ยากที่คู่ต่อสู้จะคลี่คลายและตอบโต้เช่นกัน

ท้ายที่สุดมีข้อดีก็มีข้อเสีย

ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถแก้ไข เขาทำได้เพียงใช้วิธีของเขาสร้างร่างเทียมจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาเท่านั้น

ท่าไม้ตายของราชันมังกรทรงพลัง แต่หากมันไม่สามารถโจมตีเป้าหมาย มันก็ไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามราชันมังกรไม่รู้สึกกังวล เขาหัวเราะขณะที่เสียงของเขากระจายไปทั่วสนามรบ “มันสายไปแล้ว ราชันภูเขาม่วง เจ้าถูกโจมตีแล้ว ไม่มีทางที่เจ้าจะหลบเลี่ยงการโจมตีอีกสองครั้ง”

“มา ดูดกลืนปราณพิภพ!” ราชันมังกรโบกมือเป็นครั้งที่สอง

เขาไม่ได้หลอกลวง แม้เขาจะไม่รู้ว่าราชันภูเขาม่วงอยู่ที่ใด แต่ราชันภูเขาม่วงยังถูกโจมตีทันที

ราชันภูเขาม่วงตกใจมาก

ปราณพิภพจำนวนมหาศาลพุ่งออกจากมิติช่องว่างของเขาและบินเข้าสู่ฝ่ามือของราชันมังกร

มิติช่องว่างของราชันภูเขาม่วงได้รับความเสียหายร้ายแรง รากฐานของเขาพังทลายขณะที่มิติช่องว่างของเขากำลังจะแตกออกเป็นชิ้นๆ

ทางเลือกสุดท้ายของราชันภูเขาม่วงคือการวางมิติช่องว่างลง

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพ

แต่ราชันภูเขาม่วงยอมแพ้ต่อตัวเลือกนี้ทันที

นี่เป็นความคิดที่แย่มาก

หากราชันภูเขาม่วงวางมิติช่องว่างลง ร่างของเขาจะติดอยู่ในมิติช่องว่าง เขาจะถูกผลักออกจากสนามรบทันที

ในเวลาเดียวกับราชันมังกรก็จะรอเขาอยู่ด้านนอก

หากประตูมิติเปิดออก ราชันมังกรจะสามารถเข้าไปและสร้างความเสียหายร้ายแรง นอกจากนั้นเขายังสามารถต่อสู้และล่าถอยได้ตามใจปรารถนาขณะที่ราชันภูเขาม่วงจะติดอยู่ภายใน

‘กระทั่งข้าจะพยายามดูดซับปราณพิภพ แต่ข้าก็ยังขาดปราณมนุษย์ ข้าไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งมนุษย์ที่สามารถเติมเต็มปราณมนุษย์ ข้าทำได้เพียงต้องซื้อมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์จำนวมากเข้ามาเท่านั้น’

ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของราชันภูเขาม่วง

ในเวลาอันสั้น เขาตัดสินใจแล้ว

เขายื่นแขนออกมาและจับหน้าท้องของตนเองก่อนที่แสงสีม่วงจะส่องประกายขึ้นในมือของเขา

จากนั้นเขาก็ดึงฝ่ามือออกมาอย่างช้าๆ

ด้วยวิธีนี้ มิติช่องว่างของเขาจึงถูกนำออกมา

ฟางหยวนรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้

เขานึกถึงนางมารผลาญสวรรค์

นางมารผลาญสวรรค์สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟเพื่อดึงมิติช่องว่างของผู้อื่นออกมา

ท่าไม้ตายนี้ฝากความประทับใจไว้กับฟางหยวน

‘ราชันภูเขาม่วงรู้จักวิธีนี้ได้อย่างไร?’ ฟางหยวนงุนงงเล็กน้อยแต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ

นางมารผลาญสวรรค์เป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกควบคุมโดยนิกายเงา ไม่ใช่เรื่องแปลกหากราชันภูเขาม่วงจะรู้จักวิธีนี้

หากความสำเร็จเพียงพอ พวกเขาจะสามารถเลียนแบบทักษะบนเส้นทางสายอื่น

การเคลื่อนไหวของราชันภูเขาม่วงชัดเจนว่าเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา มีความเป็นไปได้ที่เขาจะสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองและไม่เกี่ยวข้องกับนางมารผลาญสวรรค์

ราชันภูเขาม่วงนำมิติช่องว่างของเขาออกมาและวางมันลงเพื่อดูดซับปราณพิภพ

แต่ถ้ำสวรรค์แห่งนี้มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะรอดพ้นจากการล่มสลาย แม้มันจะได้รับปราณพิภพกลับคืน แต่มันก็ยังขาดปราณมนุษย์

เห็นวิธีการของราชันภูเขาม่วง ราชันมังกรรู้สึกตกใจเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท