เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1401

ตอนที่ 1401

อสูรปีหลากหลายชนิดพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อถูกล้อมกรอบเอาไว้ในที่สุด

แต่การแสดงออกของเขายังสงบนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลง

“เข้ามา!” เขาตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”

เสียงคมชัดดังขึ้นในสนามรบ

มันเหมือนไข่มุกจำนวนนับไม่ถ้วนที่หล่นลงบนจานหยก

ท่าไม้ตายอมตะเพลงหยกเขียว!

ร่างกายของอสูรปีค่อยๆเปลี่ยนเป็นหินหยกสีเขียว

การโจมตีที่ดุร้ายของฝูงอสูรปีถูกตอบโต้อย่างรุนแรง

แต่ในไม่ช้าอสูรปีบรรพกาลอีกแปดตัวก็ปรากฏขึ้น

มังกร อสรพิษ เสือ และวัวพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อจากสี่ทิศทาง

ฟงจิวเก้อปลดปล่อยคลื่นเสียงออกไปรอบๆ

“บึม บึม บึม…”

อสูรปีแปดตัวถูกผลักดันกลับไปโดยคลื่นเสียงที่รุนแรง

จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นรูปปั้นหยกเขียวก่อนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เพลงหยกเขียวช่างทรงพลังนัก!” ผู้อมตะนิกายเงาที่ซุ่มโจมตีอยู่เห็นสิ่งนี้และรู้สึกตกใจมาก

การแสดงออกของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยน

เขารู้ข้อมูลบางอย่าง

เขารู้เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างฉินไป่เฉิงกับฟงจิวเก้อผ่านมรดกของราชันภูเขาม่วง

‘เพลงหยกเขียวของฟงจิวเก้อทรงพลังมากตั้งแต่การต่อสู้ที่หุบเขาเหล่าโป แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น’

‘เพลงหยกเขียวเป็นเรื่องรองแต่หากเขาใช้เพลงยอมจำจน อสูรปีเหล่านี้จะกลายเป็นศัตรูของข้า’

‘แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไร? ฮ่าฮ่า’

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน

มีบอลวารีอยู่ในฝ่ามือของเขา มันดูเหมือนน้ำจากสายธารแห่งกาลเวลา

อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วมันคือวิญญาณอมตะระดับแปด!

ปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ!

วิญญาณอมตะดวงนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เดิมทีมันถูกผนึกเอาไว้

แต่ตอนนี้ฟางหยวนเปิดผนึกและใช้งานมันเป็นครั้งแรก

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปี!

มันเป็นชื่อเดียวกันแต่การอัญเชิญอสูรปีในปัจจุบันแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นเพราะแกนกลางของมันไม่ใช่วิญญาณปีอมตะแต่เป็นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

วิญญาณปีอมตะสามารถอัญเชิญอสูรปีได้ครั้งละตัวแต่วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำสามารถอัญเชิญกองทัพอสูรปี

ท่าไม้ตายอมตะเพลงยอมจำนน!

ฟงจิวเก้อยังใช้ท่าไม้ตายที่น่าเหลือเชื่อนี้

เพลงนี้ไม่สามารถได้ยินด้วยหูแต่มันส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้อมตะและอสูรปีโดยตรง

กองทัพอสูรปีตกสู่ความโกลาหล

อสูรปีหลายตัวยอมจำนนต่อฟงจิวเก้อและต่อสู้กับพันธมิตรของพวกมัน

การต่อสู้ยิ่งดุเดือดมากขึ้น

เทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวที่กำลังเฝ้ามองการต่อสู้อยู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง

เขายังใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีต่อไป

วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดแต่ผู้อมตะระดับหกสามารถใช้งานมันได้และฟางหยวนก็มีประสบการณ์ในการใช้ท่าไม้ตายนี้มาแล้ว

ฟางหยวนเป็นคนระวังตัว เขาจะเตรียมการล่วงหน้าเสมอ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่พบปัญหาในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้

‘อสูรปียังถูกอัญเชิญมาอย่างต่อเนื่อง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะใช้เพลงยอมจำนนควบคุมพวกมันได้ถึงระดับใด?’

‘บางทีกระทั่งอสูรปีแรกกำเนิดก็จะถูกชักนำมาที่นี่’

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งทาส

และเส้นทางแห่งทาสมีข้อได้เปรียบด้านกำลังรบ

ฟงจิวเก้อเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของฟางหยวน นอกจากนี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์และอาจมีผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่

ด้วยเหตุผลสองประการนี้ ฟางหยวนจึงตัดสินใจซ่อนตัวและใช้อสูรปีโจมตีเพื่อลดพลังงานของฝ่ายตรงข้าม

กองทัพอสูรปีปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น

เพียงไม่นานพวกมันก็เข้าสู่สนามรบมากกว่าร้อย

อสูรปีปิดล้อมฟงจิวเก้อเอาไว้ทุกด้าน

ฟงจิวเก้อาศัยเพลงยอมจำนนเพื่อควบคุมอสูรปีและหลีกเลี่ยงวิกฤต

การต่อสู้ตกสู่สภาวะชะงักงัน

ฉากนี้ถูกเฝ้ามองโดยเทพธิดาจื่อเว่ย

นางอยู่ในวังสวรรค์แต่ด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบและกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางสามารถสังเกตสนามรบทั้งหมด

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น

การสังหารฟางหยวนและการรับสืบทอดหรือทำลายมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงคือเป้าหมายหลักของนางในครั้งนี้

นางวางแผนการทั้งหมด ฟงจิวเก้อเป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการของนางเท่านั้น

แม้การต่อสู้จะหยุดชะงักแต่เทพธิดาจื่อเว่ยรู้ว่าฟงจิวเก้อยังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด สิ่งสำคัญคือเขามีวิญญาณอมตะระดับแปดที่วังสวรรค์ให้ยืม

“ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า” เทพธิดาจื่อเว่ยใช้กระดานหมากรุกเพื่อตรวจสอบการต่อสู้ในสนามรบอื่น

ผู้อมตะของวังสวรรค์สองคนกำลังต่อสู้อยู่กับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้คืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนที่หลบหนีไป

มันกรีดร้องเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส

แม้มันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่เป็นเรื่องยากที่มันจะสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดสองคนของวังสวรรค์

การต่อสู้เป็นไปตามความคาดหมาย

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้มีความเชื่อมโยงกับฟางหยวน ตราบเท่าที่เราจับมัน ข้าจะสามารถอนุมานตำแหน่งของเขาได้เสมอ”

“แน่นอนว่าตอนนี้ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของข้า การจับกุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้ฟางหยวนกลับมาควบคุมสัตว์อสูรแรกกำเนิดในอนาคตเท่านั้น”

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผน

ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ เขาไม่อยู่ในการควบคุมของโชคชะตาอีกต่อไป เขาคือความไม่แน่นอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้

ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดไปแล้ว การรวมกันระหว่างปีศาจต่างโลกและโชค มันจะทำให้ความไม่แน่นอนซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุมแล้ว เวลานี้ฟางหยวนกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวังสวรรค์

แต่วังสวรรค์ไม่สามารถใช้กำลังอย่างเต็มที่กับฟางหยวน

เหตุผลประการแรกคือฟางหยวนโชคดีมาก หากมีคนตามเขามากเกินไป เขาอาจได้รับผลประโยชน์จากความโชคร้าย มีเพียงคนที่มีโชคสูงทัดเทียมกันเท่านั้นจึงจะสามารถหยุดความได้เปรียบบนเส้นทางแห่งโชคของฟางหยวน

นี่คือเหตุผลที่เทพธิดาจื่อเว่ยส่งฟงจิวเก้อออกไปจัดการฟางหยวน

ประการที่สอง วังสวรรค์ยังต้องเก็บสะสมความแข็งแกร่ง

ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง กำแพงภูมิภาคทั้งหมดจะสลายไป ห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่ง โดยปราศจากอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ ผู้อมตะจะสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ ความโกลาหลจะปะทุขึ้นอย่างแน่นอน

ในการต่อสู้ที่วุ่นวาย วังสวรรค์จะตกอยู่ในจุดที่น่าอึดอัดใจ

เนื่องจากภาคกลางถูกล้อมกรอบด้วยอีกสี่ภูมิภาค

เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ภาคกลางจะเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล

ดังนั้นวังสวรรค์จึงต้องเตรียมความพร้อม

ในเวลาเดียวกันเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวก็ออกคำสั่งกับราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยว่าพวกเขาต้องปล่อยให้ผู้อมตะของวังสวรรค์จำศีลต่อไป

แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่นางก็เชื่อมั่นในเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวและราชันมังกร

“ท่านหญิงจื่อเว่ย มีข่าวดี!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะของวังสวรรค์ส่งข้อความมาหาเทพธิดาจื่อเว่ย

คนผู้นี้พึ่งเข้าสู่วังสวรรค์ ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ หยวนเฉียงตู๋

หลังการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน เทพธิดาจื่อเว่ยรับสมาชิกใหม่เข้าสู่วังสวรรค์หลายคน

ผู้อมตะระดับแปดสองคนที่ไปหาฟงจิวเก้อและตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่กับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็เป็นคนใหม่ที่เทพธิดาจื่อเว่ยพึ่งรับเข้ามา

“ข่าวใด?” เทพธิดาจื่อเว่ยถาม

“ข้าซื้ออสูรปีจำนวนมากมาจากสวรรค์สีเหลือง คนขายอาจไม่รู้แต่อสูรปีเหล่านี้เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ข้าสามารถใช้อสูรปีเหล่านี้เพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม นี่จะช่วยประหวัดเวลาของเรา” หยวนเฉียงตู๋รู้สึกตื่นเต้น

“ดีมาก” ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “ทำงานของเจ้าต่อไป”

“รับทราบ”

นี่เป็นข่าวดีจริงๆ

เทพธิดาจื่อเว่ยค่อนข้างมีความสุข

“ด้วยวิธีนี้วิญญาณชะตากรรมจะฟื้นตัวเร็วขึ้น”

“เมื่อข่าวเรื่องเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับเผยแพร่ออกไป มันจะทำให้โลกและกองกำลังทั้งหมดสั่นสะเทือน”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่เทพธิดาจื่อเว่ยจะรู้สึกชื่นชมราชันมังกร

การโจมตีที่ชาญฉลาดและเด็ดเดี่ยวของราชันมังกรสร้างความได้เปรียบให้กับวังสวรรค์เป็นอย่างมาก

เมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น ภาคกลางจะได้รับประโยชน์สูงสุดในช่วงเริ่มต้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่แท้จริงในการตัดสินผลลัพธ์ของสงครามห้าภูมิภาคคือคนเพียงผู้เดียว

เทพอมตะแห่งความฝัน!

…..

ทะเลทรายตะวันตก

ฟางหยวนอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ

วิญญาณอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกกระตุ้นใช้งานพร้อมกับวิญญาณสนับสนุนอีกมากมาย

ท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะ!

ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเฉียบขาด เขามองไปที่กองทัพอสูรปี

กำปั้นยักษ์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปและเอาชนะอสูรปีเหล่านี้

อสูรปีที่พ่ายแพ้ไม่ได้หลบหนี ด้วยผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะทำให้พวกมันกลายเป็นทาสของฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท