เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1406

ตอนที่ 1406

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหนีไปได้จริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวสังเกตสถานการณ์ในสวรรค์สีขาว

นางขมวดคิ้วก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้น

“โชค”

นางคาดเดา

นางนึกถึงวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ฟางหยวนทำลายมันและอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด

“น่าเสียดายที่วิธีการของข้าสามารถค้นหาตำแหน่งของฟางหยวนเท่านั้น มันไม่สามารถแสดงภาพสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา”

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจและใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวอีกครั้ง

ในเวลาต่อมาฉากของสายธารแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น

ฟงจิวเก้อและหงซื่อบินไปยังสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ใกล้ที่สุด

“สาขาของสายธารแห่งกาลเวลานี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่มันเพียงพอให้เจ้าออกไป” หงซื่อชี้นิ้วไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อส่งเจ้าออกไป อย่าต่อต้าน”

ฟงจิวเก้อพยักหน้าและป้องหมัดขึ้น “ต้องรบกวนแล้ว”

หงซื่อกำลังจะกล่าวต่อแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

“อสูรปีแรกกำเนิดตัวนั้นงั้นหรือ?” การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนไปเช่นกัน

“ไม่!” หงซื่อมองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยหมอกอันหนาทึบ

“แปลก เหตุใดถึงมีหมอกอยู่ที่นี่?” ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว

หงซื่อตื่นเต้นมาก “หมอกนี้ อย่าบอกข้าว่า…”

ในเวลานี้ทั้งสองเริ่มเห็นเงาปรากฏขึ้นในสายหมอก

ร่างที่คลุมเครือถูกบดบังและไม่สามารถระบุตัวตน

การแสดงออกของหงซื่อดูตื่นเต้นมากขึ้นขณะที่ฟงจิวเก้อรู้สึกสับสน

ในไม่ช้าหมอกบางส่วนก็เคลื่อนตัวออกไปและเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของเงาขนาดใหญ่ ในที่สุดฟงจิวเก้อก็เห็นว่ามันคือสิ่งใด

“ที่นี่มีเกาะด้วยงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง มันคือเกาะบัวหิน! ตำนานกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอยู่ที่นี่!” หงซื่อกล่าวเสียงสั่น

แม้เทพปีศาจบัวแดงจะเป็นศัตรูกับวังสวรรค์แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงย่อมดึงดูดความโลภของผู้คนได้อย่างง่ายดาย

“รออยู่ที่นี่ ข้าจะกลับมาในไม่ช้า” หงซื่อกล่าวก่อนจะบินออกไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามหมอกดูเหมือนจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของหงซื่อ เมื่อหงซื่อเข้าไปใกล้ มันก็ถอยห่างออกไป

หงซื่อไม่สามารถลดระยะทาง ตรงข้ามมันกลับยาวไกลขึ้น

ครู่ต่อมาหมอกก็หายไปพร้อมกับเกาะหินลึกลับ

หงซื่อกลับมาด้วยความผิดหวัง การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด

กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยที่เฝ้ามองอยู่ยังรู้สึกผิดหวัง

แต่ไม่นานนางก็ขมวดคิ้ว

นางตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ‘เหตุใดเกาะบัวหินถึงปรากฏขึ้น? เป็นเพราะฟางหยวนทำลายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลางั้นหรือ? แต่หงซื่อและฟงจิวเก้อคลาดกับมันไปแล้ว สิ่งสำคัญคือผู้ใดที่ต้องการเข้าไปในเกาะบัวหิน พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณกาลเวลา’

…..

ภาคใต้ ตระกูลวู

ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้น

วูหยงยืนอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณและเฝ้ามองด้วยความพึงพอใจ

ผู้อาวุโสสูงสุดผู้หนึ่งของตระกูลวูกล่าวมาจากด้านข้าง “ผู้อาวุโสวูเป่ย เราทำให้ท่านลำบากแล้ว”

“มันเป็นหน้าที่ของข้า มันไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย” ผู้อาวุโสวูเป่ยกล่าวอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลของตระกูลวู

ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ถูกส่งไปดูแลค่ายกลวิญญาณของภาคใต้แทนฟางหยวน

หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนกลับมาจากภาคเหนือและวางแผนส่งวูเป่ยออกมาเพื่อที่เขาจะได้กลับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณของภาคใต้อีกครั้ง

วูเป่ยสามารถหลบหนีจากอันตรายในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันได้ด้วยวิธีนี้

ในการต่อสู้ครั้งนั้น ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ กระทั่งวิญญาณอมตะที่พวกเขาใช้สร้างค่ายกลวิญญาณก็ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์

อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้วูหยงได้ทำข้อตกลงกับวังสวรรค์ เขาปล่อยฟงจิวเก้อและรับวิญญาณอมตะกลับคืน

วูหยงส่งคืนวิญญาณอมตะทั้งหมดกลับสู่มือเจ้าของ

การกระทำนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสู่จุดสูงสุด

กองกำลังต่างๆของภาคใต้ต้องขอบคุณวูหยงและรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้

นอกจากวูหยงจะเปิดเผยคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่สายลม เขายังแสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ที่ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วง นี่ทำให้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้รู้สึกวิตกกังวล

ดังนั้นแม้วูหยงจะไม่สามารถกำจัดสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่สถานะของตระกูลวูก็เปลี่ยนไปมาก

กองกำลังที่บุกยึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวูจากก่อนหน้านี้ถอยกลับและยังต้องจ่ายค่าชดเชย

ตระกูลเฉียวเป็นกองกำลังย่อยของตระกูลวู ดังนั้นแหล่งทรัพยากรของพวกเขาที่ถูกยึดครองโดยตระกูลปาและตระกูลเซี่ยก็ถูกส่งคืนเพราะชื่อเสียงของตระกูลวูเช่นกัน

อย่างไรก็ตามวูหยงยังไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว หลังจากกลับมาเขาพยายามควบคุมสถานการณ์และทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากขึ้น

แต่กองกำลังอื่นไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า พวกเขายังสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

หลังจากทั้งหมดการสูญเสียของตระกูลวูรุนแรงเกินไป

พวกเขาสูญเสียวิญญาณอมตะไปหลายดวง ฟางหยวนฉกชิงวิญญาณอมตะหกดวงและหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อนไปจากพวกเขา

แต่ตระกูลวูไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป

วูหยงต้องการชดเชยความสูญเสียของเขาจากกองกำลังอื่น แต่เขายังไม่ลือวายร้ายฟางหยวน!

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของวูหยง วูเป่ยเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนั้นพวกเขายังขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะตระกูลจื่อ

“เอาล่ะ ลงมือได้” ดวงตาของวูหยงส่องประกายขึ้นขณะที่เขาออกคำสั่งวูเป่ย

หัวใจของวูเป่ยสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความโกรธและความเกลียดชังภายใต้การแสดงออกที่สงบนิ่งของวูหยง

‘ผู้ใดจะคิดว่าวูอี้ไห่จะเป็นคนหลอกลวง ฮืม เขาช่างกล้าหาญนัก เขากล้าหลอกตระกูลวู! เราจะแสดงให้เจ้าเห็นตอนนี้ว่าตระกูลวูไม่สามารถยั่วยุ!’ วูเป่ยคิดขณะกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณ

ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ใช้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนในการจัดตั้ง

หน้าที่ของมันคือการสร้างปัญญาให้ฟางหยวน มันเหมือนท่าไม้ตายของวูหยงที่เขาใช้โจมตีฟางหยวนมาก่อนหน้านี้

แต่ค่ายกลวิญญาณสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

“ทำต่อไป” วูหยงกล่าว

วูเป่ยพยักหน้า

วูหยงต้องการเจรจากับฟางหยวน

อย่าลืมว่าวิญญาณอมตะของตระกูลวูยังอยู่ในมือของฟางหยวน

แน่นอนว่าวูหยงต้องการนำพวกมันกลับมา

แม้ฟางหยวนจะหนีไปที่ทะเลทรายตะวันตก วูหยงก็ยังไม่ยอมแพ้

‘เกราะหวนคืนของฟางหยวนทรงพลังเกินไป แต่ท่าไม้ตายนี้ต้องใช้พลังจิตและพลังงานอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนจะสามารถใช้งานมันตลอดเวลาได้อย่างไร?’

‘ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถโจมตีหรือหยุดได้ทุกเมื่อตามต้องการ’

‘ปล่อยให้เขาทรมานก่อนที่เราจะเจรจา’

วูหยงวางแผน

ขณะที่ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งาน พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน

“ครืน…”

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“เหตุใดถึงเกิดแผ่นดินไหว? ผู้อมตะบางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นหรือ?”

“นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติ เส้นโลหิตปฐพีกำลังสั่นสะเทือน นี่มันรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวทั่วไป!”

“โอ้ ไม่ ผู้อาวุโสวูเป่ย!”

ผู้อมตะตระกูลวูอ้าปากค้างเมื่อตระหนักถึงบางสิ่ง

“บึม!”

ค่ายกลวิญญาณระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง วูเป่ยกระอักเลือดออกมาและล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น

…..

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ร่างกายของผมที่หกเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันเป็นภาพที่ดูน่าอนาถเล็กน้อย

“ขั้นตอนสุดท้าย!” ดวงตาของผมที่หกกลายเป็นสีแดง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินและเร่งส่งมอบทรัพยากรอมตะให้ผมที่หก

แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา แต่เนื่องจากฟางหยวนขอให้ผมที่หกเป็นผู้หลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องปฏิบัติตาม

ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือผมที่หก

“ติ๊ง!”

เสียงที่คมชัดดังออกมาจากกองไฟ

ไม่นานมันก็หยุดพร้อมกับกองไฟที่ดับมอดลง ตอนนี้เหลือเพียงก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ผมที่หกสูดหายใจและพึมพำ “ออกมา วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ด!”

“แคร็ก!”

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบินออกมา

การหลอมรวมวิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดประสบความสำเร็จในที่สุด!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท