แสงสีทองส่องประกายขึ้นขณะที่ฟงจิวเก้อหายไปจากจุดนั้นทันที
นี่หมายความว่าท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงของฟงจิวเก้อถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากนี้เขาต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมงก่อนที่จะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง
แต่นั่นไม่สำคัญ
ฟงจิวเก้อออกจากสนามรบแล้ว ข้อจำกัดด้านเวลาของเพลงทางผ่านแสงไม่สำคัญอีกต่อไป
อัจฉริยะในรอบพันปีของภาคกลางบินลงบนพื้นอย่างช้าๆ เขายังมีใบหน้าที่สง่างามแต่ตอนนี้เขากลับขมวดคิ้วลึกก่อนจะถอนหายใจยาว
“เป็นคนที่น่าอัศจรรย์นัก”
เขาไม่ได้กล่าวถึงตัวเองแต่หมายถึงฟางหยวน
ในอดีตฟางหยวนยังเป็นเพียงมดตัวน้อยในสายตาของฟงจิวเก้อ แต่ผ่านมาไม่นานเขากลับสามารถบังคับให้ฟงจิวเก้อล่าถอย
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป ฟงจิวเก้อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ฟางหยวนมีรากฐานที่ลึกล้ำตั้งแต่แรก เขาย้อนเวลากลับมาด้วยวิญญาณกาลเวลา เขายังได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด ตอนนี้เขาเป็นผู้นำนิกายเงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเหมือนภูเขาไฟที่สงบนิ่ง หากมีเวลามากพอ มันจะปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า”
“การพุ่งทะยานขึ้นในครั้งนี้ของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันเกิดขึ้นด้วยความสามารถของเขาจริงๆ”
“คนเช่นนี้ต้องถูกกำจัดเพื่อปกป้องอนาคตของพวกเรา แต่วังสวรรค์ต้องการใช้เขาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง นี่ไม่ใช่เรื่องฉลาด…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟงจิวเก้อรู้สึกสงสัยและไม่เห็นด้วยกับแผนการของวังสวรรค์
ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเวยกำลังครุ่นคิด
นางเห็นการต่อสู้ของฟงจิวเก้อกับฟางหยวนก่อนหน้านี้
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของฟางหยวนไม่ได้ทำให้ฟงจิวเก้อตกใจเท่านั้น แต่กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่เช่นเทพธิดาจื่อเว่ยยังตกใจเช่นกัน
รากฐานของฟางหยวนลึกมาก เขามีความได้เปรียบจากการกำเนิดใหม่ เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก้าวข้าวขอบเขตมนุษย์มาสู่ขอบเขตอมตะ หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เขาสามารถต่อสู้กับฟงจิวเก้อได้อย่างเท่าเทียม เขาเป็นคนที่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถมองข้าม
พัฒนาการของเขารวดเร็วเกินไป
หากเขามีเพียงโชคเช่นหม่าหงหยุน มันจะไม่น่ากังวล
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของฟางหยวนคือบุคลิกของเขา!
ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายปีศาจมีความทะเยอทะยานสูงและไม่แยแสต่อศีลธรรม พวกเขาสามารถอดทนต่อการทำงานหนักหรือความยากลำบาก พวกเขาจะซ่อนความแข็งแกร่งและระเบิดออกมาในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงการเสียสละหรือเรื่องไร้ยางอายใดๆ
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าฟางหยวนผ่านประสบการณ์ใดมาบ้างจึงทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้
‘ตั้งแต่กำเนิดใหม่ ฟางหยวนอยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงสวรรค์ หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาพยายามซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์ แต่เขาได้เปิดเผยตัวเองในอาณาจักรแห่งความฝัน เส้นทางการบ่มเพาะของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรค หากเขาสามารถบ่มเพาะได้อย่างสงบ ความก้าวหน้าของเขาจะไม่สามารถจินตนาการถึง’
ความรู้สึกังวลเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเทพธิดาจื่อเว่ย
ตอนนี้การดำรงอยู่ของฟางหยวนกลายเป็นภัยคุกคามต่อนางแล้ว
นางต้องการกำจัดเขาอย่างรวดเร็วที่สุด!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เจตนาสังหารจึงปะทุขึ้นในใจของนาง
“จื่อเว่ย อย่าประหม่า” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงทุ้มต่ำดังเข้าหูของเทพธิดาจื่อเว่ย
นางคุ้นเคยกับเสียงสายนี้
นางหันหลังกลับเพื่อพบกับราชันมังกร
“ท่านราชันมังกร ท่านอยู่ที่นี่!” เทพธิดาจื่อเว่ยประหลาดใจและดีใจมาก
ราชันมังกรยิ้ม “ใช่”
“นั่นหมายความว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณ…”
“ถูกต้อง ข้ากำหราบเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่มันยังเป็นเรื่องยากที่จะค้นวิญญาณของเขา ข้าต้องการเวลาอีกระยะหนึ่ง” ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง
“อา…” เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขมาก
นี่เป็นข่าวดีที่ทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้น
ราชันมังกรกล่าวต่อ “เปรียบเทียบกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ฟางหยวนไม่ถือเป็นสิ่งใด”
“แต่เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์…” เทพธิดาจื่อเว่ยลังเล
“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าใจเทพปีศาจบัวแดง” ราชันมังกรถอนหายใจ
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมีเจ็ดส่วน แต่วังสวรรค์ของเราไม่เคยพบแม้แต่ส่วนเดียว เทพปีศาจจิตวิญญาณได้รับหนึ่งในนั้น ตราบเท่าที่พวกเราได้รับเบาะแสนี้ พวกเราจะสามารถตามหามรดกที่แท้จริงทั้งหมดของเขาและทำลายทิ้ง”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้เรามีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟงจิวเก้อ และผู้อมตะระดับแปดอีกสองคนสำหรับภารกิจนี้ ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ราชันมังกรยิ้ม “เจ้าเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ไม่ใช่ข้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าจัดการได้ หลังจากนี้ข้าจะเป็นที่ปรึกษาให้กับเทพอมตะแห่งความฝัน โอ้ ถูกต้อง ประกาศให้โลกรู้ว่าเราสามารถจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณได้แล้ว”
“วังสวรรค์นิ่งเงียบมานานเกินไป ถึงเวลาแล้วที่โลกจะได้รับรู้ว่าวังสวรรค์คือกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้เสมอ!”
“ทราบแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยตอบรับและมองราชันมังกรจากไป
…..
ทะเลทรายตะวันตก
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ในมิติช่องว่างของเขายังมีค่ายกลวิญญาณอมตะอีกหนึ่ง แต่เปรียบเทียบกับค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง ค่ายกลนี้เล็กกว่ามาก อย่างไรก็ตามมันยังมีวิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลาง
หนึ่งคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง อีกหนึ่งคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดของตระกูลวู
ด้วยการสนับสนุนจากวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับพันดวง มันกลายเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะแก่นแท้สีแดงเลือด
หินวิญญาณอมตะจำนวนมากถูกโยนเข้าไปในค่ายกลนี้และถูกเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะ
ฟางหยวนกำลังเติมเต็มคลังเก็บพลังงานอมตะของเขา
ในการต่อสู้ครั้งก่อน แม้เขาจะสามารถบังคับให้ฟงจิวเก้อล่าถอย แต่เขาก็ใช้พลังงานอมตะไปมากมาย ค่าใช้จ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเกราะหวนคืน ตามมาด้วยหมื่นมังกร ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรูปแบบใหม่ของเขาก็ยังมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเพราะเขาใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่เป็นแกนกลางเพื่อสร้างเจตจำนงของตนเอง
นี่ไม่ใช่ข้อเสีย ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังล้วนมีค่าใช้จ่ายสูงเสมอ มันเป็นเรื่องปกติ
แต่นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน
ฟางหยวนพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดเมื่อไม่นานมานี้ เขายังสะสมทรัพยากรได้ไม่มาก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติ เขาจึงชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิและทำให้ผลผลิตทั้งหมดของเขาลดลง
ค่ายกลวิญญาณอมตะแก่นแท้สีแดงเลือดมีประสิทธิภาพมาก ในไม่ช้าฟางหยวนก็เปลี่ยนหินวิญญาณอมตะทั้งหมดที่ได้รับมาจากตระกูลวูเป็นพลังงานอมตะของตนเอง
นี่ทำให้เขาสามารถเก็บสะสมลูกพลัมแดงอมตะได้เป็นจำนวนมาก
‘ตอนนี้พลังการต่อสู้ของข้าเทียบเท่าฟงจิวเก้อแล้ว’
‘ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือหมื่นตัวตนจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า หากข้าถูกซุ่มโจมตี มันอาจมีปัญหา’
หากฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด เขาต้องใช้เกราะหวนคืนทันที
หากใช้เกราะหวนคืนโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหมื่นตัวเอง เขาจะไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอื่นๆ
‘เมื่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าควรไปที่สายธารแห่งกาลเวลาและรับมรดกของเทพปีศาจบัวแดง แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปแล้ว แต่ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไม่มีที่สิ้นสุด หากข้าได้รับมัน ข้าจะสามารถยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวล อย่างน้อยก็ระดับปรมาจารย์!’
ตามข้อมูลของนิกายเงา ทะเลทรายตะวันตกมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในการควบคุมของพวกเขาอยู่สองแห่ง
แต่ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้ไปแล้วหนึ่งแห่งเพื่อวางกับดักผู้อมตะจากวังสวรรค์ ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงแห่งเดียว
และที่นั่นก็คือเป้าหมายต่อไปของฟางหยวน
เวลานี้ภาคกลางคือสถานที่ที่ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไป สำหรับภาคใต้ เขาจะถูกไล่ล่าโดยกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมด ภาคเหนือยังมีถ้ำสวรรค์นิรันดรและกองกำลังตระกูลฮวงจิน
มีเพียงทะเลทรายตะวันตกและทะเลตะวันออกเท่านั้นที่ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เขาสามารถไปที่ทะเลตะวันออก แต่เพื่อไปที่นั่น เขาต้องผ่านภาคกลาง ภาคเหนือ หรือภาคใต้
ทะเลตะวันออกมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่เปรียบเทียบกับการเดินทางไปที่นั่น ฟางหยวนจะทดลองไปยังสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในทะเลทรายตะวันตกเป็นอันดับแรก