ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด ดังนั้นพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรจึงพุ่งขึ้นสู่จุดสูงของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเช่นกัน
มังกรดาบบรรพกาลโจมตีนักรบเพลงทั้งสี่อย่างดุเดือด
นักรบเพลงหยกเขียวเปลี่ยนมังกรดาบบรรพกาลให้เป็นมังกรหยกเขียวแต่มันยังจมน้ำตายในทะลมังกร
นักรบเพลงสวรรค์พิภพโจมตีศัตรูด้วยแรงกดดันมหาศาลแต่มังกรดาบบรรพกาลมีมากเกินไป ในที่สุดมันก็ถูกกัดกินโดยหนึ่งในนั้น
นักรบเพลงยอมจำนนอยู่นานที่สุด มันสามารถทำให้มังกรดาบบรรพกาลบางตัวยอมแพ้แต่มันยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์
นักรบเพลงแยกพยายามแยกร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่มันไม่สามารถต่อต้านคลื่นมังกรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในอดีตท่าไม้ตายหมื่นตัวตนของฟางหยวนมีปริมาณและคุณภาพต่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อมตะที่ทรงพลัง ฟางหยวนสามารถใช้มันเพื่ออำพรางตัวและหลบหนีเท่านั้น
แต่หลังจากผสานท่าไม้ตายอมตะทั้งสองเข้าด้วยกัน ท่าไม้ตายหมื่นมังกรสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ
ภูตมนุษย์ที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยกับร่างมังกรดาบบรรพกาลที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร
นี่เป็นวิธีโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของฟางหยวน
มังกรดาบบรรพกาลทำลายนักรบเพลงทั้งสี่ก่อนจะปิดล้อมฟงจิวเก้อไว้อย่างแน่นหนา
ฟางหยวนระดมกองกำลังมังกรโจมตีฟงจิวเก้อจากทุกทิศทางโดยปราศจากความลังเล
ความชื่นชมในสายตาของฟงจิวเก้อหายไปขณะที่เขาชกหมัดขวาออกไปข้างหน้า
“ปัง”
เสียงกลองดังราวกับเสียงฟ้าร้อง มังกรดาบบรรพกาลห้าตัวถูกทำลาย
เกือบในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือข้างซ้ายของฟงจิวเก้อก็ตบไปด้านข้าง
“เคร้ง”
เสียงระฆังทำให้มังกรดาบบรรพกาลหลายตัวหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่พวกมันจะสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
หมัดกลอง!
ฝ่ามือระฆัง!
ฟงจิวเก้อยังโจมตีต่อไป
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนอาจทำให้ผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปตกสู่สถานการณ์อันตราย แต่สำหรับฟงจิวเก้อ มันยังไม่เพียงพอ
รากฐานบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อลึกล้ำเกินไป กระทั่งทะเลทรายไร้เสียงยังไม่สามารถสะกดข่มเขาได้อย่างเต็มที่
แต่ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
‘มันค่อนข้างแปลก’
‘เหตุใดฟงจิวเก้อไม่ใช้เพลงทางผ่านแสง?’
‘นักรบเพลงถูกทำลายไปแล้ว ฟงจิวเก้อสามารถหลี่กเลี่ยงการโจมตีของข้า นั่นจะทำให้เขาประหยัดพลังงานอมตะ’
‘เว้นเพียงเขากำลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง…’
‘แต่เขาใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะใช้ท่าไม้ตายอื่น แต่เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้งั้น?’
‘ดูเหมือนเขาจะมีเหตุผลบางประการ แต่จากข้อมูลในชีวิตแรกของข้า มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย’
ความคิดจำนวนมากพุ่งชนกันอยู่ในใจของฟางหยวน
เขาลอบแจ้งเตือนสมาชิกนิกายเงา “เราจะถอย!”
เมื่อค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศถูกใช้งานอีกครั้ง ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นและมองกลุ่มของฟางหยวนจากไปโดยไม่ไล่ล่า
ปรากฏว่าแม้ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงของเขาจะยอดเยี่ยม มันก็ยังมีจุดอ่อนเช่นท่าไม้ตายอื่น
นั่นคือเวลาที่จำกัด
ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด
เมื่อมันจบลง ฟงจิวเก้อต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมงก่อนจะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง
กล่าวได้ว่าท่าไม้ตายนี้มีค่ามาก เขาจะไม่ใช้มันในการต่อสู้ปกติ
เพราะเมื่อเขาใช้มัน เขาต้องเผชิญหน้ากับข้อจำกัดของเวลา
หากเขาไม่สามารถจบการต่อสู้ภายในเวลาที่กำหนด ฟงจิวเก้อจะไม่มีวิธีการเคลื่อนไหวที่ดีเพื่อออกจากสนามรบ
ในการต่อสู้กับวูหยงก่อนหน้านี้ บ้านไม้ไผ่สายลมเร็วเกินไป แม้ฟงจิวเก้อจะใช้เพลงทางผ่านแสง เขาก็หนีไม่พ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟงจิวเก้อต้องใช้เพลงทางผ่านแสงเพื่อไล่ล่า
เมื่อฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร เวลาของเพลงทางผ่านแสงก็หมดลงในที่สุด ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นขณะที่เขาต้องใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังเพื่อป้องกันตัว
หลังจากฟางหยวนและคนอื่นๆจากไป มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ค่อยๆจางหาย
ในสนามรบเหลือเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้น
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เขายังคงสง่างามราวกับการต่อสู้ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในการหลบหนีแต่ฟงจิวเก้อไม่รู้สึกหดหู่ใจ เขายังเผยรอยยิ้มบาง
“ต่อสู้กับฟางหยวนจะจบลงในครั้งเดียวได้อย่างไร?”
“มันต้องมีการตรวจสอบมากมาย หลังจากค้นพบไพ่ตายทั้งหมดของเขา ข้าจะสามารถฆ่าเขา แต่ก่อนหน้านั้น มีภารกิจของวังสวรรค์ที่บังคับให้ฟางหยวนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”
“ดูเหมือนฟางหยวนจะรู้จักข้าค่อนข้างดี มันเป็นเพราะวิญญาณกาลเวลางั้นหรือ?”
“ผู้อมตะหญิงคนใหม่ดูเหมือนจะเป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อของทะเลทรายตะวันตก แต่นางใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นี่ค่อนข้างแปลก”
ผลการตรวจสอบของเขาดีมาก
โดยเฉพาะเรื่องของอิงอู๋เซี่ย
ในการต่อสู้ครั้งก่อน เนื่องจากฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ฟงจิวเก้อจึงไม่สังเกตเห็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
“อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน เขาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฟางหยวนอาจมีแผนการบางอย่างและมันอาจเกี่ยวข้องกับอิงอู๋เซี่ย”
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอิงอู๋เซี่ยแต่มีสมาชิกใหม่เป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ”
“หากข้าจำไม่ผิด เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดนางถึงไปอยู่กับฟางหยวน?”
“เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นสมาชิกของนิกายเงาหรือนาง…ถูกอิงอู๋เซี่ยเข้าสิง?”
แม้ฟงจิวเก้อจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขาฉลากมากและแทบจะสามารถเปิดเผยความจริงได้ในระยะเวลาสั้นๆ
อีกด้านหนึ่ง
“ฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเรา” ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและตระหนักถึงความจริงที่ว่าเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด
หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ สมาชิกนิกายเงาทั้งหมดจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ฟงจิวเก้อแข็งแกร่งสมกับชื่อเสียงของเขาจริงๆ”
“ข้ารู้สึกว่าเขายังไม่ได้ใช้ไพ่ทั้งหมดในมือ”
“โดยรวมแล้วนี่เป็นเพียงการทดสอบ เราต่างไม่ได้ใช้ไพ่ตายทั้งหมด”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะเลียของเสือดำ ท่าไม้ตายอมตะไป่เซียงของไป่หนิงปิง หรือท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ย พวกมันยังไม่ถูกใช้งาน
ในการต่อสู้ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังสงวนความแข็งแกร่งเอาไว้แต่พวกเขายังใช้วิธีการมากมาย
ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงหรือนักรบเพลงของฟงจิวเก้อและท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรของฟางหยวน
เมื่อพวกเขาต่อสู้กันอีกครั้ง ท่าไม้ตายเหล่านี้จะถูกตอบโต้หรืออย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถป้องกันตัว
หลายวันต่อมา บนเนินทรายธรรมดาแห่งหนึ่ง
ลมทะเลทรายพัดมาขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ไกลออกไปมีขบวนสินค้าของผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ค้างแรมอยู่ที่นั่น
คนเหล่านี้ไม่สามารถตรวจสอบการคงอยู่ของฟางหยวนและคนอื่นๆ
ในเวลานี้ฟางหยวนกำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา
ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้นที่ภาคกลางน้อย
มันก็คือค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง!
โดยใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและวิญญาณอมตะธงค่ายกลระดับเจ็ดเป็นส่วนสนับสนุน ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นอันตรายทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง และด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะธงค่ายกล ค่ายกลวิญญาณนี้จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ดังใจปรารถนา
กล่าวคือเมื่อฟางหยวนต้องการ เขาสามารถนำมันออกมาและใช้งานมัน
หากเขาไม่จำเป็นต้องใช้งานมัน เขาสามารถเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสะดวกมาก
“ค่ายกลวิญญาณนี้ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก ตัวอย่างเช่น ข้าสามารถเพิ่มวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งความเร็ว น่าเสียดายที่ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่สามารถอนุมานมันได้”
ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย
“แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถย้ายจิตวิญญาณค่ายกลมาไว้ในค่ายกลวิญญาณนี้”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
ฟางหยวนรวมค่ายกลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของเจิ้งหยวนซือเข้ากับค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง
มันเป็นทักษะการผสมผสานบนเส้นทางแห่งค่ายกล
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน
เขามั่นใจมากในเรื่องนี้ เขาต้องการเวลาขึ้น
“ด้วยการคงอยู่ของจิตวิญญาณค่ายกล ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณด้วยตนเอง ข้าสามารถใช้เวลาและพลังงานของข้ากับเรื่องอื่น”
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องยกระดับท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนขึ้นอีกระดับหนึ่ง!”
หลังจากต่อสู้กับฟงจิวเก้อ ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจมากมาย
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องพัฒนาท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!
ในเวลาเดียวกัน
“มันคืออาณาจักรแห่งความฝันจริงๆ”
“แต่เจตจำนงของสามี วิญญาณอมตะระดับแปด และหงหยุนยังอยู่ข้างในหรือไม่?”
กลางอากาศ ผู้อมตะหญิงระดับเจ็ดสองคนมองหน้ากัน
พวกนางเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หนึ่งคือนางบำเรอรัตติกาล อีกหนึ่งคือนางกำนัลชิงเหลียน
ไม่นานมานี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับข้อมูลว่าฟางหยวนและคนอื่นๆวางแผนต่อต้านเขาและกระทั่งจับตัวเทพธิดาซุ้ยป๋อ แน่นอนว่าเขายังรู้ว่านางรำหงหยุนและเจตจำนงของเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก แต่เพราะอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หาย ดังนั้นเขาจึงต้องส่งนางสนมสองคนนี้ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอรัตติกาลหรือนางกำนัลชิงเหลียน พวกนางต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน พวกนางยังไม่สามารถทำสิ่งใด
เมื่อพวกนางหมดหนทาง มีเสียงลึกลับดังขึ้นในใจของทั้งสอง “หากพวกเจ้าไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปหาผู้ก่อการร้าย เทพธิดาซุ้ยป๋ออยู่กับพวกเขา”
“ผู้ใด?”
“ออกมา!”
ผู้อมตะหญิงทั้งสองตะโกน พวกนางใช้วิธีตรวจสอบทั้งหมดที่มีแต่ยังไม่พบแหล่งที่มาของเสียง
“เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งเสียงที่น่าประทับใจ” การแสดงออกของนางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนเปลี่ยนไป