เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1429

ตอนที่ 1429

ค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง มันไม่สั่นไหวแม้จะถูกโจมตีโดยอสูรปีวอกแรกกำเนิด

แต่เรื่องนี้ทำให้เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของอสูรปีวอกแรกกำเนิดปะทุขึ้น

“บึม บึม บึม”

มันใช้หมัดระดมชกกำแพงพลังงานราวกับฝนดาวตก

คราวนี้ค่ายกลวิญญาณเริ่มสั่นไหว ในการโจมตีแต่ละครั้งของอสูรปีวอกแรกกำเนิดทำให้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลาย

เทพธิดากระต่ายขาว ไห่ลั่วหลัน และอิงอู๋เซี่ยเร่งเติมวิญญาณระดับมนุษย์อย่างเร่งด่วน

ค่ายกลวิญญาณบางส่วนพังทลายลงหลังจากสูญเสียวิญญาณไปสิบส่วน

แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีจะไม่บุบสลายตราบเท่าที่วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของมันยังอยู่

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่อนุญาตให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดโจมตีต่อไป

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง!

ในเวลาต่อมาไป่หนิงปิงก็บินเข้าไป

“บึม!”

นางพุ่งเข้าโจมตีอสูรปีวอกแรกกำเนิด้วยความเร็วสูง

อสูรปีวอกแรกกำเนิดไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา มันก้าวถอยหลังและรู้สึกถึงความเจ็บปวด

มันคำรามก่อนจะใช้มืออันใหญ่โตคว้าร่างของไป่หนิงปิง

ร่างของไป่หนิงปิงถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำ

แต่นางไม่ตื่นตระหนก นางสูดหายใจลึกและรีบบินหนี

มือของอสูรปีวอกแรกกำเนิดฟาดลงจากด้านบน

ด้วยความเร็วของไป่หนิงปิง นางสามารถหลบหนีได้อย่างแน่นอน แต่น่าแปลกที่นางกลับถูกจับอย่างรวดเร็ว

อสูรปีวอกแรกกำเนิดจับไป่หนิงปิงเอาไว้ในมือราวกับถือลูกแก้วคริสตัล

หากไป่หนิงปิงอยู่ในร่างปกติของนาง นางคงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว แต่ร่างไป่เซียงของนางสูงห้าเมตรและมีสามเศียรหกกร

ร่างไป่เซียงถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เจี๊ยก เจี๊ยก…”

อสูรปีวอกแรกกำเนิดเห็นศัตรูถูกกำจัดแล้ว มันหัวเราะอย่างมีความสุขขณะโยนเศษน้ำแข็งในมือทิ้งไปและพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามชิ้นส่วนน้ำแข็งกลับควบรวมเป็นร่างไป่เซียงอีกหนในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา

ไป่เซียงฟื้นคืนชีพ!

นี่คือข้อได้เปรียบของร่างไป่เซียง

ไป่หนิงปิงในร่างไป่เซียงสามารถกู้คืนร่างกายได้จากเศษน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย

‘แต่ครั้งนี้ความเร็วในการฟื้นตัวของร่างไป่เซียงกลับลดลง ความเร็วในการบินของข้าก็เช่นกัน’ ไป่หนิงปิงคิดขณะบินเข้าไปหาอสูรปีวอกแรกกำเนิดอีกครั้ง

อสูรปีแรกกำเนิดมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอยู่บนร่างกายมากมาย ทุกการเคลื่อนไหวของมันส่งผลกระทบต่อกาลเวลา นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ท่าไม้ตายอมตะดาบน้ำแข็ง!

“ปัง!”

ดาบน้ำแข็งฟาดลงบนไหล่ของอสูรปีวอกแรกกำเนิดแต่มันไม่สามารถเจาะทะลวงชั้นผิวหนังของเป้าหมาย เปรียบเทียบกับวานรยักษ์ ดาบน้ำแข็งไม่ต่างจากมีดหั่นผลไม้

วานรยักษ์จับไป่หนิงปิงอีกครั้ง นางพยายามหลบแต่ล้มเหลว

แต่ไม่ว่าร่างของนางจะถูกทำลายกี่ครั้ง ตราบเท่าที่ยังเหลือชิ้นส่วนร่างกาย นางก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพ

แน่นอนว่าพวกเขาตรวจสอบแล้วว่าอสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครอง มิฉะนั้นไป่หนิงปิงย่อมไม่กล้าท้าทายพลังอำนาจของมัน

อสูรปีวอกแรกกำเนิดมีวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากแต่วิญญาณเหล่านี้ไร้ประโยชน์ต่อหน้าไป่หนิงปิง

ภัยคุกคามที่แท้จริงคือตัวมันเอง

หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ การเคลื่อนที่รวมถึงการฟื้นตัวของไป่หนิงปิงก็ช้าลงเรื่อยๆ

ในทางตรงข้ามอสูรปีวอกแรกกำเนิดแทบไม่ได้รับความบาดเจ็บ แม้การโจมตีของไป่หนิงปิงจะสามารถเจาะชั้นผิวหนังของมัน แต่ความเร็วในการฟื้นฟูของอสูรปีแรกกำเนิดน่ากลัวเกินไป มันหายเป็นปกติในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

กระทั่งไป่หนิงปิงยังรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

นางรู้สึกเหมือนเป็นแมลงวันน่ารำคาญที่บินวนอยู่รอบๆ

บ่อยครั้งที่อสูรปีวอกแรกกำเนิดก็เพิกเฉยต่อการโจมตีของไป่หนิงปิงขณะที่มันยังพยายามโจมตีค่ายกลวิญญาณ

“อสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้ช่างทรงพลังนัก!” ฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้และสรุป

เช่นเดียวกับผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังการต่อสู้แตกต่างกัน อสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้มีพละกำลังที่น่าเหลือเชื่อ ไป่หนิงปิงไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆต่อมันแม้นางจะใช้พลังทั้งหมดก็ตาม

แม้ไป่หนิงปิงจะมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งพร้อมสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดและมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง แต่รากฐานของนางยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอสูรปีวอกแรกกำเนิดที่มีชีวิตมานานหลายหมื่นปีตัวนี้

ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการเติมเต็มวิญญาณของฟางหยวนและคนอื่นๆเริ่มตามไม่ทัน

เมื่ออสูรปีวอกแรกกำเนิดรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นจากการโจมตีของไป่หนิงปิง มันก็ยิ่งโจมตีค่ายกลวิญญาณมากขึ้น

สำหรับฟางหยวน เขาจะไม่ต่อสู้และปล่อยให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดโจมตีค่ายกลวิญญาณต่อไปเพื่อลดความแข็งแกร่งของมันลงเป็นอันดับแรก

ท่ามกลางอสูรปีแรกกำเนิด พวกมันมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท ในแง่ของความแข็งแกร่ง วานรตัวนี้ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ มังกร วัว หรือพยัคฆ์มีความแข็งแกร่งมากกว่าภายใต้สถานการณ์เดียวกัน

แต่กระทั่งมันจะเป็นเพียงวานร ค่ายกลวิญญาณก็ยังพังทลายลง

‘เมี่ยวหยินไปช่วยไป่หนิงปิง” ฟางหยวนออกคำสั่ง

เทพธิดาเมี่ยวหยินพยักหน้าและบินเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

หลังจากเฝ้ามองการต่อสู้มานานและรู้จักกำลังของวานรตัวนี้ เทพธิดาเมี่ยวหยินจึงไม่กล้าเข้าประชิดตัวมัน นางบินอยู่ในระยะไกล

ท่าไม้ตายอมตะเนตรจันทร์เสี้ยว!

นางมองเข้าไปในดวงตาของวานรยักษ์

แต่หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน มันกลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้นราวกับเทพธิดาเมี่ยวหยินไม่เคยโจมตีมาก่อน

วานรยักษ์ยังโจมตีค่ายกลวิญญาณอย่างไม่หยุดยั้ง

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเทพธิดาเมี่ยวหยิน

การโจมตีด้วยสายตาของเทพธิดาเมี่ยวหยินไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

“ดี” จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางปะทุขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นเสียงก้องกังวาน!

นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายสายโจมตีแต่เป็นสายสนับสนุน

ต่อไปเทพธิดาเมี่ยวหยินเริ่มร้องเพลง

ท่าไม้ตายอมตะเพลงกระดูกอ่อน!

คลื่นเสียงหมุนวนอยู่รอบแขนของวานรยักษ์ภายใต้การสนับสนุนจากคลื่นเสียงก้องกังวาล

บทเพลงนี้ทำให้กระดูกแขนของอสูรปีวอกแรกกำเนิดอ่อนแอลง

อสูรปีวอกแรกกำเนิดรู้สึกสลับสน มันหยุดโจมตีชั่วคราวและมองไปที่แขนของมัน

จากนั้น…

มันกลับไปโจมตีค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง

เปลือกตาของเทพธิดาเมี่ยวหยินกระตุก

นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสองท่าติดต่อกันแต่มันทำได้เพียงทำให้วานรยักษ์ตัวนี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยเท่านั้น

‘ความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดและระดับแปดแตกต่างกันมากเกินไป การโจมตีของเราไม่มีประสิทธิภาพ’

‘ในช่วงสองสามพันปีที่ผ่านมมีเพียงฟางหยวนและฟงจิวเก้อที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด’

ความรู้สึกคล้ายคลึงกันปรากฏขึ้นในใจของสมาชิกนิกายเงา

ท่าไม้ตายอมตะลำแสงสีแดง!

ท่าไม้ตายอมตะวิหคเพลิงพิโรธ!

ท่าไม้ตายอมตะวิหคเพลิงอมตะ!

ไห่ลั่วหลันบินออกไปเช่นกัน นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอย่างดุเดือดแต่กลับสร้างความเสียหายให้กับวานรยักษ์ได้เพียงเล็กน้อย

ฟางหยวน อิงอู๋เซี่ย และเทพธิดากระต่ายขาวยังซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลวิญญาณ

‘ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแทบไร้ประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตระดับแปด’ ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนในการต่อสู้กับวูหยงและฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้

ฟางหยวนมีวิธีการมากมายในการต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด แต่การสังหารผู้อมตะระดับแปดยังเป็นไปไม่ได้ นอกจากการหลบหนี ฟางหยวนมีเพียงวิธีป้องกันที่โดดเด่น

หากกระทั่งเขายังไม่สามารถทำสิ่งใดก็ลืมสมาชิกนิกายเงาไปได้เลย

มีเพียงท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ยเท่านั้นที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้อมตะระดับแปด

แต่ฟางหยวนจะไม่ใช้มันในครั้งนี้

ประการแรก การต่อสู้กับอสูรปีวอกแรกกำเนิดจะทำให้ทุกคนได้รับประสบการณ์การต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับแปด

ประการที่สอง ด้วยการเอาชนะอสูรปีวอกแรกกำเนิดในการต่อสู้เท่านั้นที่จะทำให้ฟางหยวนสะกดข่มมันได้ด้วยท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยในภายหลัง หลังจากกำหราบมันแล้ว อสูรปีวอกแรกกำเนิดจะเชื่อฟังเขามากขึ้น

“เกือบถึงเวลาแล้ว” หลังจากไม่นานค่ายกลวิญญาณก็ใกล้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนบินออกไป

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

ฟางหยวนกลายเป็นมังกรดาบบรรพกาล แต่ต่อหน้าอสูรปีวอกแรกกำเนิด เขาดูไม่ต่างจากอสรพิษตัวเล็กตัวน้อย

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

ต่อไปฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ

ใหญ่!

ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่…

ร่างของมังกรดาบบรรพกาลขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับอสูรปีวอกแรกกำเนิด

อสูรปีวอกแรกกำเนิดมองฟางหยวนอย่างระมัดระวัง

ฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีวานรตัวนี้โดยตรง

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอสูรปีวอกแรกกำเนิด

ฟางหยวนมักถูกอสูรปีวอกแรกกำเนิดส่งบินกลับหลังแต่มันก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

นี่เป็นเพราะเกราะหวนคืนสะท้อนพลังโจมตีของมันกลับไป

การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลาหลายชั่วโมง

ฟางหยวนมุ่งเน้นไปที่การโจมตีขณะที่คนอื่นๆช่วนสนับสนุน แม้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่ความเสียหายของมันก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

อสูรปีวอกแรกกำเนิดได้รับบาดเจ็บจนถึงจุดที่มันต้องการหลบหนี

มันพยายามกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลาแต่ฟางหยวนปิดกั้นเส้นทางของมันเอาไว้

อสูรปีวอกแรกกำเนิดถูกกีดขวางและไม่สามารถหลบหนี

ในที่สุดฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย หลังจากครั้งที่สาม มันก็ก้มศีรษะยอมจำนนต่อฟางหยวน

อสูรปีวอกแรกกำเนิดถูกกำหราบในที่สุด!

หลังจากสูญเสียอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ฟางหยวนก็ได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดอีกครั้ง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท