เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1433

ตอนที่ 1433

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆติดอยู่ในแม่น้ำส่วนที่มีปราณดาบ หงซื่อมองเห็นโอกาส แล้วเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร

เขาไล่ล่าศัตรูมาด้วยความโกรธ เมื่อพบเป้าหมาย เขากระโจนเข้าไปทันที

“ครืน…ครืน…”

คลื่นน้ำยังคงซัดสาด

ภายใต้ปราณดาบจำนวนนับไม่ถ้วน เขาพุ่งเข้าไปหาสมาชิกนิกายเงา

โดยไม่ใช่ข้อยกเว้น หงซื่อถูกโจมตีโดยปราณดาบเช่นกัน แต่วิธีป้องกันของเขาเหนือกว่าสมาชิกนิกายเงา กล่าวได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายกว่า

ท่าไม้ตายอมตะกระสุนสุริยันจันทรา!

หงซื่อเย้ยหยันและผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป ลูกศรแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีสมาชิกนิกายเงา

“ศัตรู!” ไป่หนิงปิงตะโกนเตือน

กระสุนสุริยันจันทราทรงพลังมาก กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังถูกสะกดข่มอย่างหนัก

“กรอ…”

สิ่งนี้ทำให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดโกรธ มันคำรามและกระโดดขึ้นสู่อากาศ

กระสุนสุริยันจันทราปะทะร่างของมันและสร้างรูเลือดขนาดเล็กทิ้งไว้แต่นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับมัน

มือของวานรยักษ์คว้าจับไปที่หงซื่อพร้อมกับสายลมที่กรรโชกแรง

ตระหนักถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว เปลือกตาของหงซื่อกระตุก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

‘อสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้เป็นของจริง มันไม่ใช่ทักษะการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนงั้นหรือ?’

‘พวกเขาสามารถควบคุมอสูรปีวอกแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดได้จริงๆงั้นหรือ?’

หงซื่อไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งหรือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่เก่งในการต่อสู้ระยะประชิด แม้เขาจะเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ แต่เผชิญหน้ากับอสูรปีวอกแรกกำเนิด เขายังต้องล่าถอย

เขาเคลื่อนที่ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขามีความได้เปรียบในการต่อสู้

อสูรปีวอกแรกกำเนิดพลาดเป้าและร่วงลงสู่แม่น้ำ แต่มันกลับคำรามและกระโดดเข้าโจมตีหงซื่ออีกครั้ง

ดวงตาของหงซื่อส่องประกายขึ้น

เขาเห็นบาดแผลบนร่างของวานรยักษ์ตัวนี้ มันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่นั่นเป็นเรื่องปกติ อสูรปีวอกแรกกำเนิดมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ฟางหยวนสามารถเดินทางมาถึงที่นี่ พิจารณาจากสภาพปัจจุบัน มันอาจสูญเสียความแข็งแกร่งไปแล้วสามสิบหรือสี่สิบส่วน

‘ในกรณีนี้’ เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของหงซื่อปะทุขึ้น

เขาสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง

ฝุ่นทรายสีเหลืองร่วงหล่นลงมาทำให้ความเร็วของอสูรปีวอกแรกกำเนิดช้าลง

หงซื่อรู้สึกเบิกบานใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

เขามั่นใจในท่าไม้ตายอมตะของตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อสัมผัสกับฝุ่นทรายเหล่านี้ การเคลื่อนที่ของเป้าหมายจะช้าลง

ด้วยวิธีนี้หงซื่อจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในไม่ช้า

แต่ในเวลานี้!

“ครืน…”

คลื่นลูกใหญ่กลับพุ่งขึ้นสู่อากาสและตรงไปยังหงซื่อ

จากภายในคลื่นน้ำสีขาวซีด ปราณดาบอันแหลมคมพุ่งเข้าโจมตีหงซื่อและทำให้เขากระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

หงซื่อได้รับบาดเจ็บ มันส่งผลกระทบต่อฝุ่นทรายสีเหลืองขณะที่อสูรปีวอกแรกกำเนิดกำลังดิ้นรนอย่างหนัก

หงซื่อกัดฟันแน่นและเพิ่มความเข้มข้นของฝุ่นทรายสีเหลืองเพื่อหยุดอสูรปีวอกแรกกำเนิด

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกนางช่วยอสูรปีวอกแรกกำเนิดแต่พวกมันยังไร้ประโยชน์

ในสายธารแห่งกาลเวลา ทักษะบนเส้นทางสายอื่นจะอ่อนแอลง

ในช่วงเวลาสำคัญการแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัว เขากำลังจะใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน

“หือ?” แต่ในเวลานี้อิงอู๋เซี่ยกลับสูญเสียเป้าหมาย

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของหงซื่อ

‘ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันต้องระบุเป้าหมายที่ชัดเจน มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์ หงซื่อมีวิธีซ่อนตัวจากการรับรู้บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้างั้นหรือ?’

“โอ้ ท่าไม้ตายที่ท่านหญิงจื่อเว่ยมอบให้ข้าใช้งานได้ดีจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” หงซื่อหัวเราะเย้ยหยัน

แม้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันจะทรงพลังแต่มันก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน

เทพธิดาจื่อเว่ยมอบภารกิจไลล่ากลุ่มของฟางหยวนให้กับหงซื่อ เป็นธรรมดาที่นางจะมีวิธีรับมือกับท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน

คนฉลาดจะเรียนรู้จากความผิดพลาดโดยไม่ต้องกล่าวถึงเทพธิดาจื่อเว่ยที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์

หงซื่อเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันไม่สามารถใช้กับเขา

“โอ้ ไม่” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

พวกเขาไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์และต้องพึ่งพาฟางหยวนเท่านั้น

แต่ฟางหยวนอยู่ที่ใด?

หงซื่อกำลังพิจารณาปัญหานี้

เดิมทีเขาคิดว่าอสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้คือฟางหยวน แต่หลังจากต่อสู้ เขาตระหนักว่ามันเป็นอสูรปีวอกแรกกำเนิดที่แท้จริง

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น ฟางหยวนยังไม่ปรากฏตัว

ยิ่งฟางหยวนซ่อนตัวนานเท่าใด หงซื่อก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากเท่านั้น

“ฟางหยวน เจ้ายังไม่ออกมาอีกงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนี้ ฮ่าฮ่า หือ?” หงซื่อตกตะลึง

เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นยักษ์จากสายธารแห่งกาลเวลาซัดสาดเข้ามาหาเขา

“อีกครั้ง!?” หงซื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก

คลื่นยักษ์ไม่สัมผัสร่างของอสูรปีวอกแรกกำเนิดแต่พุ่งเข้าโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

โชคของเขาเลวร้ายมาก!

“ครืน…”

ปราณดาบจากคลื่นยักษ์ปะทะร่างของหงซื่อและทำให้เขาพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น

เขาไม่สามารถหลบได้ นอกจากคลื่นน้ำจะทำให้เขาช้าลง เขายังต้องเผชิญหน้ากับปราณดาบที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

ดังนั้นหงซื่อจึงเลือกที่จะเผชิญหน้าโดยตรง

‘ตอนนี้ข้ายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ข้าไม่เชื่อว่าฟางหยวนจะสามารถมองดูอยู่ข้างสนามรบโดยไม่ทำสิ่งใด!’ หงซื่อให้กำลังใจตนเอง

“ครืน…ครืน…ครืน…”

คลื่นยักษ์สามลูกพุ่งเข้าไปหาหงซื่อพร้อมกัน

“อันใด!? ข้าอีกแล้วงั้นหรือ!?” หงซื่อเบิกตากว้าง

โดยปกติแล้วอสูรปีวอกแรกกำเนิดมีโอกาสถูกคลื่นซัดมากกว่า อย่างไรก็ตามตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น มีเพียงหงซื่อที่ถูกโจมตีโดยคลื่นยักษ์เหล่านี้

‘โชคของพวกเขาดีเกินไป? ไม่มีคลื่นลูกใดโจมตีพวกเขาเลยงั้นหรือ?’

‘เดี๋ยว!’ หงซื่อส่ายหน้า ‘สิ่งนี้เกิดจากวิธีบนเส้นทางแห่งโชคของฟางหยวนหรือไม่?’

เขาคิดถึงความเป็นไปได้

‘ฮืม! ถึงกระนั้นเส้นทางแห่งโชคก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้!’

‘เส้นทางแห่งโชคถูกสะกดข่มเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะสามารถจัดการคลื่นน้ำของที่นี่โดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค มีเพียงวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้นที่ทำได้!’

‘ข้ายังมีข้อได้เปรียบด้านสถานที่’

หงซื่อสงบจิตใจลงขณะที่เขายังพยายามกำหราบอสูรปีวอกแรกกำเนิดและบังคับให้ฟางหยวนปรากฏตัวออกมา

“หงซื่อตกหลุมพรางแล้ว”

“นี่คือสิ่งที่ท่านผู้นำทำนายไว้ โจมตีต่อไป อย่าเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ!”

สมาชิกนิกายเงาลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ

ในเวลาเดียวกันบนเกาะใต้แม่น้ำ

ภาพการต่อสู้ปรากฏขึ้นด้านหน้าฟางหยวน

ที่นี่คือเกาะบัวหิน สถานที่ที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเอาไว้

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาจื่อเว่ยบนร่างของฟางหยวนถูกลบออกไปแล้ว สำหรับไป่หนิงปิงและคนอื่นๆ แม้จะมีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง แต่พวกเขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะกำจัดพวกมันออกไปได้ทันเวลา

หากพวกเขาเข้ามาที่นี่ ร่องรอยของฟางหยวนจะถูกเปิดเผย แม้จะอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พวกเขาก็ยังถูกค้นพบ

มันเหมือนฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคค้นหาตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ย พวกเขาไม่สามารถหลบหนีแม้จะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อมตะ

ฟางหยวนและเทพธิดาจื่อเว่ยทำได้ เจตจำนงสวรรค์ก็ทำได้เช่นกัน

ตราบเท่าที่เจตจำนงสวรรค์อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะตระหนักถึงตำแหน่งของฟางหยวนได้ในที่สุด

ฟางหยวนเรียนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันในแง่มุมหนึ่ง

เขาใช้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆหลอกล่อเทพธิดาจื่อเว่ยเพื่อให้หงซื่อประเมินตำแหน่งของฟางหยวนผิดพลาด แม้จะไม่มาก แต่หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ฟางหยวนจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ถูกต้อง

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงสามารถจัดการสายธารแห่งกาลเวลาในบริเวณใกล้เคียง

“เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ขอยืมมือท่านด้วย” ฟางหยวนมองไปยังเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

หลังจากนั้นเจตจำนงจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากมิติช่องว่างของฟางหยวนและผสานตัวเข้ากับเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นและคำราม

ในเวลาเดียวกันคลื่นยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในสนามรบ

“นี่…นี่…นี่…” ดวงตาของหงซื่อแทบหลุดออกมาจากเบ้า

คลื่นลูกนี้ใหญ่โตมากที่สุด ปราณดาบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาอย่างพร้อมเพรียง มันทำให้หงซื่อรู้สึกถึงภัยคุกคามต่อชีวิตของเขาอย่างรุนแรง

หงซื่อกัดฟันแน่นแต่เขาต้องอดทน

‘ข้าจะคอยดูว่าผู้ใดจะอยู่ได้นานกว่า!’ หงซื่อกำลังคิดเช่นนี้ขณะที่คลื่นยักษ์แยกออกและผ่านอสูรปีวอกแรกกำเนิดมาก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาเขา

“อันใด!?”

หงซื่อกรีดร้องด้วยความโกรธ

มันไร้ยางอายเกินไป!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท