เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1440

ตอนที่ 1440

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ห้องหลอมรวมวิญญาณ

เปลวไฟสีฟ้ากลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปแล้ว

ฟางหยวนยกมือขึ้นและกดฝ่ามือลงบนภูเขาน้ำแข็งด้วยดวงตาส่องประกาย

กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากปะทุขึ้นจากร่างของเขา

เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

ภายใต้ความพยายามของฟางหยวน ไฟสีฟ้ายังลุกไหม้ขึ้นอย่างเงียบๆที่ใจกลางภูเขาน้ำแข็ง

ตัวอ่อนของวิญญาณอมตะเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย

ผมที่หกที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกมีความสุข

ความคืบหน้านี้เกินกว่าสิ่งที่เขาเคยทำ

นี่ไม่ได้หมายความว่าความสามารถของฟางหยวนเหนือกว่าผมที่หก แต่มันเป็นเพราะโชค

และเหตุผลสำคัญยิ่งกว่าก็คือวิธีการหลอมรวมวิญญาณ

‘ผู้ใดจะคิดว่านิกายของเราจะได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลเพ่ยเหลา’ ผมที่หกลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

เพ่ยเหลาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและมีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง จนถึงปัจจุบันวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งของเขายังคงอยู่บนจุดสูงสุด

ตอนนี้ฟางหยวนกำลังหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีการของเพ่ยเหลา ดังนั้นเขาจึงสามารถก้าวข้ามผมที่หกและเหลืออีกไม่กี่ก้าวก่อนจะประสบความสำเร็จ

แม้ผมที่หกจะเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเป็นสมาชิกของนิกายเงา

แต่เขาเป็นสายลับอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเก็บความทรงจำเอาไว้มากนัก มิฉะนั้นมันอาจเปิดเผยข้อบกพร่อง

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาและได้รับมรดกทั้งหมดของนิกายมาแล้ว รากฐานของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกมาก

กระทั่งฟางหยวนเองยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

หากเปรียบเทียบรากฐานของฟางหยวนก่อนหน้านี้เป็นทะเลสาบ หลังจากได้รับมรดกของนิกายเงา ตอนนี้มันเหมือนมหาสมุทร

กระทั่งรากฐานของนิกายหลางหยาก็ยังด้อยกว่ารากฐานของนิกายเงา หลังจากทั้งหมดบรรพชนผมยาวเป็นเพียงผู้อมตะระดับแปดขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้อมตะระดับเก้า

ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ

‘ดี ตัวอ่อนของวิญญาณอมตะก่อตัวขึ้นแล้ว มันกำลังจะสำเร็จ!’

ผมที่หกตื่นเต้นมาก

สายตาของเขาหันไปทางฟางหยวนอีกครั้ง

‘ชายผู้นี้…’ ดวงตาของผมที่หกเปลี่ยนเป็นซับซ้อน

‘เขามีรากฐานที่แข็งแกร่งบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากพรสวรรค์ วิธีการหลอมรวมของเพ่ยเหลาก็เหมาะสมกับเขามาก!’ ผมที่หกคิดกับตนเอง

วิธีการหลอมรวมวิญญาณมีหลากหลายวิธีเช่นการหลอมรวมด้วยไฟ การหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง การหลอมรวมด้วยเวลา และอื่นๆ บางคนเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยไฟขณะที่บางคนเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำ

ฟางหยวนพบว่าวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งเหมาะสมกับเขามาก

‘ดูเหมือนว่าข้าควรฝึกฝนวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งในเวลาว่าง มันเหมาะสมกับบุคลิกของข้ามากกว่าการหลอมรวมด้วยเลือด’

ในมิติช่องว่างของฟางหยวน ร่างแยกจำนวนมากของเขากำลังจัดเตรียมความพร้อมสำหรับท่าไม้ตายอมตะ

ระหว่างการหลอมรวมวิญญาณ ร่างแยกเหล่านี้เป็นตัวช่วยชั้นยอดของเขา

เมื่อท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน ฟางหยวนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วร่างและต่อต้านความเย็นที่มาจากภายนอก

ภูเขาน้ำแข็งปลดปล่อยมวลอากาศเย็นออกมาตลอดเวลา ผู้หลอมรวมต้องอดทนต่อความหนาวเย็นชนิดนี้ นี่เป็นข้อเสียของวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง

หากท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนไม่ถูกยกระดับขึ้น มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับฟางหยวน

แต่ด้วยท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนฉบับปรับปรุงใหม่ เขาสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

ขณะที่ฟางหยวนกำลังหลอมรวมวิญญาณ ที่ภาคกลางฟงจินฮวงเดินขึ้นไปบนยอดเขา

มันเป็นยามเช้าที่ท้องฟ้ายังมืดมิด

ฟงจินฮวงมองไปในระยะไกลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

นางถูกเลี้ยงดูมาภายใต้การคุ้มครองจากบิดามารดาที่เป็นผู้อมตะ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยรู้จักความโศกเศร้า อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกลับได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้และความยากลำบากของชีวิต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจ้าวเหลียนหยุนประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

สิ่งนี้ช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับฝ่ายต่อต้านฟงจิวเก้อในนิกายคฤหาสน์วิญญาณและเนื่องจากฟงจิวเก้อยังอยู่ที่ทะเลทรายตะวันตก เทพธิดาไป่ชิงเพียงผู้เดียวจึงไม่สามารถจัดการปัญหานี้

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ฟงจินฮวงประสบปัญหาและความขมขื่นที่นางไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน ในสายตาของนาง นิกายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“เห้อ…” นางนั่งลงบนก้อนหินและถอนหายใจ

นางเริ่มคิดถึงจ้าวเหลียนหยุน

หญิงผู้นี้มาทีหลังแต่กลับฉกชิงเป้าหมายของฟงจินฮวงไป แรกเริ่มคือตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ต่อมานางยังประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ตอนนี้นางไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์อีกต่อป

ภาพของจ้าวเหลียนหยุนที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่ต่อหน้ายังชัดเจนอยู่ในใจของฟงจินฮวง

‘จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก ฟางหยวนก็เป็นปีศาจต่างโลก เหตุใดข้าถึงแพ้ปีศาจต่างโลกเสมอ’ ความคิดของฟงจินฮวงล่องลอยออกไป ฉากที่ไม่สามารถลืมเลือนปรากฏขึ้นในใจของนางอีกครั้ง

มันคือยอดเขาตงฮันและเป็นครั้งแรกที่นางเห็นฟางหยวน…

ใบหน้าของฟงจินฮวงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางส่ายศีรษะและพยายามปัดเป่าความคิดนี้ออกไป

‘มีประโยชน์ใดให้คิดถึงเรื่องนี้’

‘ฟงจินฮวง ฟงจินฮวง เจ้าต้องทำงานหนักต่อไป! เจ้าต้องพยายามให้มากขึ้น กลายเป็นผู้อมตะและช่วยท่านพ่อท่านแม่!’

ฟงจินฮวงรวบรวมความคิดและเริ่มสรุปประสบการณ์การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งล่าสุดของนาง

มันคืออาณาจักรแห่งความฝันของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพ่ยเหลา

‘หลังจากผ่านอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกแล้ว ผู้อาวุโสเพ่ยเหลาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง มาลองดูกัน’

ฟงจินฮวงยกมือของนางขึ้นและขยับนิ้วเป็นจังหวะ

ลมเย็นพัดอยู่รอบๆมือของนางและทำให้มันทรงพลังมากขึ้น

ฟงจินฮวงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ด้วยความสำเร็จดังกล่าว วิญญาณบางดวงจึงปรากฏขึ้นในไม่ช้า

มันคือวิญญาณระดับสามบนเส้นทางแห่งน้ำแข็ง มันบินไปเกาะบนไหล่ของฟงจินฮวงและไม่ขยับเขยื้อน

จากนั้นวิญญาณดวงที่สองและสามก็บินตามมา

ยิ่งไปกว่านั้นระดับของพวกมันก็ค่อยๆสูงขึ้นจากระดับสามเป็นระดับสี่และระดับห้า

ฟงจินฮวงรู้สึกมีความสุข ดวงตาของนางส่องประกายขณะที่นิ้วของนางขยับเร็วขึ้น

แต่ในวินาทีต่อมา มวลอากาศเย็นกลับระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางล้มเหลวและประสบกับผลกระทบย้อนกลับ

‘บัดซบ!’ หัวใจของฟงจินฮวงจมดิ่งลง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดขาว นางปิดเปลือกตาลงและกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด

แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟงจินฮวงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

นางเห็นชายร่างสูงยืนอยู่ด้านหน้าและยื่นมือข้างหนึ่งมาที่นาง มวลอากาศเย็นที่ระเบิดไปแล้วกลับควบรวมเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่ในมือของเขา

เขาดูยิ่งใหญ่และทรงพลังมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ชีวิต แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟงจินฮวงมากที่สุดก็คือเขามังกรบที่ดูเหมือนปะการังบนหน้าผากของชายผู้นี้

“ผู้อาวุโสคือผู้ใด? ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้” ฟงจินฮวงเร่งโค้งคำนับ

ชายร่างสูงยิ้ม “มีวิธีหลอมรวมวิญญาณมากมาย แต่การหลอมรวมวิญญาณด้วยน้ำแข็งไม่เหมาะสมกับเจ้า ฟงจินฮวง ธรรมชาติของเจ้าเป็นคนกระฉับกระเฉงและสดใส เจ้าเหมาะสมกับวิธีการหลอมรวมด้วยโลหะหรือไฟ สำหรับวิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็ง มันเหมาะสมกับคนที่มีความอดทนสูง”

ชายร่างสูงกำหมัดเบาๆและทำลายก้อนน้ำแข็งในฝ่ามือ

ฟงจินฮวงรู้สึกประหลาดใจ นางตระหนักถึงพลังอำนาจของมวลอากาศเย็นนี้เป็นอย่างดี มันเพียงพอที่จะทำร้ายผู้ใช้วิญญาณระดับห้าได้อย่างรุนแรง

ดวงตาของนางสว่างขึ้น “ผู้อาวุโสเป็นผู้อมตะเช่นนั้นหรือ? ท่านเป็นสหายของท่านพ่อท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่?”

ฟงจินฮวงรู้จักผู้อมตะมากมาย ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกอึดอัด โดยทั่วไปแล้วผู้อมตะเหล่านั้นค่อนข้างดีต่อนางเพราะชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของฟงจิวเก้อ

ชายร่างสูงพยักหน้า “ข้ารู้จักพ่อแม่ของเจ้า แต่ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าโดยเฉพาะ”

“มาหาข้า?” ฟงจินฮวงรู้สึกประหลาดใจ

“ถูกต้อง” ชายร่างสูงกล่าวต่อ “ฟงจินฮวง ในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นเทพอมตะแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ เจ้าถูกกำหนดให้เข้าสู่วังสวรรค์และเป็นผู้นำในยุคนี้ จงทำให้โลกตื่นตะลึงและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้อมตะทั้งหมด ข้าคือราชันมังกรจากวังสวรรค์ ข้ามาที่นี่เพื่อรับเจ้าเป็นศิษย์และนำเจ้าไปสู่บังลังก์อันยิ่งใหญ่ของผู้อมตะระดับเก้า!”

“อันใด!?” ปากของฟงจินฮวงอ้ากว้างขณะที่นางมองชายร่างสูงด้วยความงุนงง

ราชันมังกรยิ้มและแสดงออกอย่างเป็นมิตร

อย่างไรก็ตามฟงจินฮวงกำลังคิดว่าชายผู้นี้เป็นนักต้มตุ๋นหรือไม่

นางไม่รู้จักราชันมังกร

ฟงจินฮวงยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ นางไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้

หลังจากทั้งหมดผู้อมตะกับมนุษย์อยู่ในโลกสองใบที่แตกต่างกัน

“ท่านลุง มีคำทำนายเกี่ยวกับเทพอมตะแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้าจะเป็นผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร?” ฟงจินฮวงถาม

“อย่าสงสัยในตัวเอง” ราชันมังกรยิ้ม “เจ้าคือเทพอมตะในอนาคต เมื่อเจ้ายังเด็ก วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันเลือกเจ้า นี่คือสัญญาณ! ชีวิตของเจ้าควรจะราบรื่นและพบกับความสำเร็จอันน่าทึ่ง น่าเสียดายที่มีสิ่งกีดขวางบางอย่างปรากฏขึ้น”

“เหล่าปีศาจต่างโลกไม่ถูกผูกมัดด้วยโชคชะตา พวกเขาขโมยผลประโยชน์ที่เจ้าควรได้รับไป”

“ตัวอย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน”

“แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ”

“วิญญาณชะตากรรมกำลังจะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายในสิบปี เจ้าต้องกลายเป็นเทพอมตะแห่งความฝันเพราะทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้วโดยโชคชะตา!”

ราชันมังกรกล่าวอย่างจริงจังราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถสั่นคลอนหรือเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้

ฟงจินฮวงได้รับผลกระทบจากคำกล่าวของเขา นางนิ่งเงียบไปชั่วครู่และไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท