เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1445

ตอนที่ 1445

มู่หลานชิงซื่อบินด้วยพลังทั้งหมดของนาง การเคลื่อนไหวของนางดึงดูดความสนใจของผู้อมตะคนอื่นๆ

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ท่าทางของชิงซื่อดูผิดปกติ!”

“ชิงซื่อ รอก่อน เหตุใดเจ้าถึงตื่นตระหนก?”

ผู้อมตะเผ่ามู่หลานตะโกนถามแต่มู่หลานชิงซื่อยังบินต่อไป หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวขณะที่นางพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง

“ตามนางไป”

“วันนี้เป็นวันที่หยุนเหลียงจะมาขอนางแต่งงาน มันเกิดสิ่งใดขึ้น?”

ในไม่ช้าผู้อมตะสามคนก็บินออกจากฐานทัพใหญ่ของเผ่ามู่หลานและตามมู่หลานชิงซื่อไป

ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของหยุนเหลียงแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมู่หลานชิงซื่อจึงไม่สามารถพึ่งพาพวกมันเพื่อระบุตำแหน่งของหยุนเหลียง แต่นางรู้เส้นทางที่หยุนเหลียงใช้เดินทางมายังเผ่ามู่หลาน นางต้องไปตรวจสอบที่นั่น

หลังจากบินมาอย่างบ้าคลั่ง นางก็เห็นสนามรบที่พังพินาศ

ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่นางบินลงไป

“หยุนเหลียง! หยุนเหลียง!”

“เจ้าอยู่ที่ใด?”

มู่หลานชิงซื่อร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีเพียงเสียงลมที่ตอบกลับมาเท่านั้น

“โอ้ ไม่!”

“มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่!”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่ตามมาด้านหลังเห็นฉากนี้และตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

คนทั้งสี่ตรวจสอบสนามรบและค้นพบบางสิ่ง

วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกฝังไว้ใต้ดินและดูเหมือนมันจะเป็นข้อความที่ถูกทิ้งไว้ก่อนตายของหยุนเหลียง

“ชิงซื่อ เจ้าต้องเตรียมใจให้ดี” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานมองมู่หลานชิงซื่อด้วยความกังวล

สภาพของนางไม่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อนางมองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แต่ในที่สุดนางก็ยังตรวจสอบมันด้วยมือที่สั่นเทา

หลังจากได้รับข้อมูล นางตะโกน “ฟางหยวน ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า!”

เสียงของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโศกเศร้าขณะที่หัวใจของผู้อมตะเผ่ามู่หลานสั่นสะท้านขึ้น

“พรวด!”

มู่หลานชิงซื่อกระอักเลือดออกมาและทรุดตัวลง แต่ความโกรธและความโศกเศร้าในใจของนางยังรุนแรงมากกระทั่งนางหมดสติลง

ผู้อมตะเผ่ามู่หลานเร่งเข้าไปช่วย

นางไม่ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพียงความเจ็บปวดทางจิตใจที่รุนแรงเกินไปเท่านั้น

สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานตัดสินใจตรวจสอบเนื้อหาที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

วิญญาณดวงนี้บันทึกฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของหยุนเหลียง คู่ต่อสู้ของเขาคือมังกรดาบบรรพกาล!

มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะและยังมีวิธีป้องกันที่สามารถสะท้อนการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

ตัวตนของมันแทบจะระบุได้อย่างแน่นอนแล้ว ทั้งสามผู้อมตะนึกถึงชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที

หลิวกวนซื่อ!

แต่หลิวกวนซื่อมีความสัมพันธ์กับฟางหยวนอย่างไร?

พวกเขาตรวจสอบต่อไปและตระหนักได้ในตอนท้ายของการต่อสู้เมื่อมังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นมนุษย์ เขาคือหลิวกวนซื่อที่โจมตีหยุนหลียงอย่างเหี้ยมโหด

หยุนเหลียงสาปแช่ง “หลิวกวนซื่อ เราไม่มีความเกลียดชังหรือความคับข้องใจ แต่เจ้ากำลังทำลายชีวิตของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะกลายเป็นผี!”

หลิวกวนซื่อเย้ยหยัน “น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลายเป็นผี ไปตายซะ โอ้ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นเพียงนามแฝงของข้าเท่านั้น ชื่อจริงของข้าคือฟางหยวน!”

“ฟางหยวน!” หยุนเหลียงประหลาดใจ

ฟางหยวนหัวเราะ “ฮืม! การได้รู้ชื่อจริงของข้าก่อนตายถือเป็นเกียรติของเจ้า เพราะในอนาคตชื่อของข้าจะโด่งดังไปทั่วทั้งสวรรค์พิภพ!”

สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

“แท้จริงแล้วหลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวนและฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ พวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน!”

“บัดซบ! หลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน เขากล้าสังหารหยุนเหลียง เขาไม่แยแสเผ่ามู่หลานของข้าแม้แต่น้อย!”

หนึ่งในสามผู้อมตะกำหมัดแน่นและไม่สามารถระงับความโกรธ

แต่อีกสองคนกลับนิ่งเงียบ

“เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวสิ่งใดบ้าง?” ผู้อมตะคนที่โกรธถาม

ผู้อมตะอีกสองคนถอนหายใจ หนึ่งในนั้นกล่าว “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขายังเป็นหลิวกวนซื่อที่สามารถกำหราบแม่น้ำหวนคืนและครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาทำให้เผ่าเย่หลิวและเผ่าลั่วขุ่นเคือง แต่ลองดูว่าตอนนี้เผ่าเหล่านั้นเป็นอย่างไร?”

“แม้พวกเขาจะออกประกาศจับฟางหยวน แต่หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ทั้งสองเผ่าก็หยุดเคลื่อนไหวและไม่กล้าสร้างปัญหาให้ฟางหยวนอีก ข้าเกรงว่าเผ่ามู่หลานของเรา…”

ดวงตาของผู้อมตะที่โกรธเบิกกว้าง เขาตะโกน “จะกลัวสิ่งใด? เราเป็นทายาทของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเรามีผู้อมตะมากมาย เราจะกลัวปีศาจต่างโลกได้อย่างไร? เราต้องแก้แค้น! เราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นพลังอำนาจของฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ!”

ผู้อมตะอีกสองคนมองหน้ากันด้วยความขมขื่น

“แม้จะผ่านไปหลายปีแต่มู่หลานชิงเฉิงยังเหมือนเดิม” ทั้งสองลอบสนทนากันอย่างลับๆ

“อย่าใส่ใจเขา เรื่องนี้ไม่ง่าย งานแต่งของชิงซื่อและหยุนเหลียงไม่ได้เป็นเรื่องของเผ่ามู่หลานเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับถ้ำสวรรค์นิรันดรเช่นกัน หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม มันอาจสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่! เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับหกเช่นพวกเราจะสามารถเข้าร่วม หากไม่ระวัง เราอาจถูกกระแสน้ำวนกลืนกินและตายโดยปราศจากซากศพ!”

“เจ้าพูดถูก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือรายงานสถานการณ์และเบาะแสสำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เมืองเมฆา

ในห้องลับฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น

เขากำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่กลางอากาศและมีวิญญาณระดับมนุษย์อีกหลายดวงบินอยู่รอบๆ

วิญญาณเหล่านี้ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาหลังจากถูกกระตุ้นใช้งาน

รัศมีแสงส่องลงบนร่างผีดิบอมตะ

มันคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน

ร่างผีดิบอมตะไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้ทำขั้นตอนสำคัญ

เขากำลังทำความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะนี้และพยายามสร้างเสถียรภาพ

หลังจากไม่กี่นาทีฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ

เขานำดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา

มันคือดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่าเย่หลิว

ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอาจรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นมันจึงดิ้นรนอย่างหนัก

แต่มันไร้ประโยชน์

โดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนในปัจจุบันที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ กระทั่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถกำหราบดวงวิญญาณนี้ได้อย่างง่ายดาย

เย่หลิวชุนซิงทรงพลังเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณ แล้วเขาจะทำสิ่งใดได้?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท