เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1455

ตอนที่ 1455

ความหวังสุดท้ายของหรงซินถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนเขา พวกเขามีสินค้ามากพอและราคานี้จะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจวิญญาณปีอย่างแน่นอน

“ครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว” หรงซินเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้เนื่องจากปริมาณสินค้าที่มีไม่เพียงพอ

บ่อยครั้งที่ความพ่ายแพ้จะถูกเอ่ยอ้างด้วยเหตุผลมากมาย แต่คนบนโลกใบนี้ไม่สนใจเหตุผล พวกเขาไม่ต้องการข้อแก้ตัวจากคนแพ้!

หลังจากฟางหยวนลดราคาลง เขาทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

ผู้ซื้อจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปี

ราคานี้พบไม่บ่อย แล้วพวกเขาจะทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?

ฟางหยวนทำธุรกรรมครั้งใหญ่และได้รับกำไรมหาศาล

แต่อีกสามฝ่ายยังไม่ลดราคาของพวกเขา

เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ลังเลใจ

ก่อนหน้านี้หรงซินลังเล ตอนนี้ถึงคราวของพวกเขาแล้ว

หากพวกเขาลดราคา พวกเขาจะสามารถขายวิญญาณปีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น กำไรของพวกเขาจะน้อยเกินไป มันห่างไกลจากความตั้งใจเดิมของพวกเขา

แต่หากพวกเขาไม่ลดราคา ฟางหยวนจะขโมยธุรกิจของพวกเขาไป แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?

กุญแจสำคัญคือจำนวนสินค้าที่ฟางหยวนเหลืออยู่

หากฟางหยวนมีสินค้าจำนวนมาก เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆต้องลดราคาลง เนื่องจากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ยิ่งฟางหยวนขายได้มากเท่าใด พวกเขาก็จะขายได้น้อยลงเท่านั้น

แต่หากฟางหยวนมีสินค้าไม่เพียงพอ เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา พวกเขาเพียงต้องรอให้สินค้าของฟางหยวนหมดลง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะสามารถขายได้ในราคาสูง กำไรของพวกเขาจะยังอยู่ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้

ดังนั้นเซี่ยเปาซูและคนอื่นๆจึงเริ่มคิดว่าฟางหยวนคือผู้ใด?

เขาเป็นชายหรือหญิง?

เขามาจากกองกำลังใหญ่หรือเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ?

เหตุใดถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขา?

เหตุใดเขาถึงปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า?

พวกเขาไม่เข้าใจ

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป

ในความเป็นจริงนอกจากผู้ขายรายเดิมทั้งสามยังมีผู้ขายรายย่อยรายอื่น แต่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการแข่งขัน

“ตอนนี้ผู้ค้ารายย่อยเหล่านั้นอาจมีใบหน้าซีดเผือดขณะเฝ้ามองสงครามราคาครั้งนี้” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของหรงซินก็ดีขึ้นเล็กน้อย เขาโชคร้ายที่แพ้เป็นคนแรก แต่เมื่อคิดว่ายังมีคนที่โชคร้ายกว่าเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

แต่มันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริง

เพื่อความปลอดภัย เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคาลงเช่นกัน

แต่หรงซินไม่ลดราคา

‘ดูเหมือนหรงซินจะคิดว่าคู่แข่งมีสินค้าไม่มาก’ เซี่ยเปาซูคิด

แต่เขาไม่รู้ว่าหรงซินไม่มีทางเลือก

เขามีสินค้าน้อยเกินไป หากเขาลดราคาลงไปอีก สินค้าของเขาจะหมดลงอย่างรวดเร็ว เขาจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

หากฟางหยวนมีสินค้าน้อย หรงซินจะยังได้กำไร

เซี่ยเปาซูไม่รู้ปัญหาของหรงซิน เขารู้สึกว่าบางทีเขาอาจตัดสินใจผิด

แต่เซี่ยเปาซูยังไม่เปลี่ยนใจ เขาเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

สำหรับหวังหมิงเยว่ หลังจากพิจารณา นางเลือกวิธีเดียวกับเซี่ยเปาซู

แต่สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้นางสงสัยมากขึ้น

นางคิด ‘เหตุใดหรงซินไม่ลดราคา? เขาเดิมพันกับวิธีนี้หรือเขารู้ภูมิหลังของฝ่ายตรงข้าม เขามีข้อมูลบางอย่างงั้นหรือ?’

หากหรงซินรู้ภูมิหลังของฟางหยวน เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่บอกอีกสองคน

เขาจะเฝ้ามองอยู่ด้านข้างเพื่อรับผลประโยชน์เพียงผู้เดียว

ดังนั้นหวังหมิงเยว่จึงรีบติดต่อหรงซินและพยายามสอบสวนเขา

หรงซินรู้สึกหมดหนทาง โดยรวมแล้วเขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนในเวลานี้

สถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ขายสินค้าราคาเดียวกันขณะที่ราคาสินค้าของหรงซินสูงกว่าทุกคน

ตอนนี้ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปีหรือเริ่มเตรียมตัวซื้อพวกมันมากขึ้น

ทุกคนถูกล่อลวง

นี่เป็นราคาที่เย้ายวนใจ

รอราคาต่ำกว่านี้?

ผู้ซื้อส่ายศีรษะ ราคาไม่สามารถลดลงไปได้มากกว่านี้อีก ผู้ซื้อไม่โง่ แต่ผู้ขายก็ไม่โง่เช่นกัน

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนลดราคาลงอีกครั้ง ทุกคนจึงตกตะลึง

“ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เขาลดราคาลงอีกงั้นหรือ? และด้วยจำนวนมหาศาลเช่นนี้?”

“โอ้ เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ผู้ขายรายใหม่ผู้นี้โง่หรือไม่?”

ผู้ซื้อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าไม่สนว่าเขาจะโง่หรือมีวัตถุประสงค์ใด ข้ารู้เพียงว่าวิญญาณปีของเขามีคุณภาพ เมื่อเขาขายในราคานี้ หากข้าไม่ซื้อตอนนี้ ข้าจะกลายเป็นคนโง่!”

กลุ่มผู้อมตะกรีดร้องอยู่ในใจ

ผู้อมตะจำนวนมากพุ่งเข้าล้อมรอบร้านค้าของฟางหยวน

มันเป็นฉากที่ร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ซื้อ! ซื้อ! ซื้อ!

ทุกคนเต็มไปด้วยความคิดนี้

นี่เป็นราคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากพวกเขารอจนกว่าคนโง่ผู้นี้จะรู้ว่าราคาของเขาต่ำเกินไป มันก็สายไปแล้ว

ผู้ซื้อรู้สึกถึงความเร่งด่วน

“คนผู้นี้กำลังทำสิ่งใด?” หลังจากเห็นเหตุการณ์นี้ เซี่ยเปาซูรู้สึกมึนงง

หากเขาลดราคามลงอีก กำไรของเขาจะเหลือเพียงเศษเสี้ยว

ตัวอย่างเช่นหากเขาเคยได้กำไรหลักร้อย หากเขาลดราคาลงอีก เขาจะได้กำไรเพียงหลักหน่วย

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนถึงลดราคาลงถึงระดับนี้ นี่ไม่ใช่การค้าขายเพื่อหารายได้งั้นหรือ?

หากเขาลดราคาลงถึงระดับเดียวกับฟางหยวน กำไรของเขาจะหายไป

ราคานี้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดที่เขารับได้ หากเขาต้องขายราคานี้ เขาจะเลือกเก็บสินค้าเอาไว้

“แต่…” เซี่ยเปาซูขมวดคิ้ว เขากำลังไตร่ตรองอย่างหนัก

ในเวลาเดียวกันหวังหมิงเยว่ก็กำลังกังวล

สถานการณ์ของนางเหมือนเซี่ยเปาซู หากนางลดราคา กำไรของนางจะสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับ

แต่นางควรหยุดขายหรือไม่?

มันไม่ง่ายเช่นนั้น

หากพวกเขาไม่ลดราคาลงและสินค้าของฟางหยวนมีจำนวนมาก ตลาดในสวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองโดยสมบูรณ์

มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือฟางหยวนตั้งใจลดราคา

เป็นไปได้ว่าเขาจงใจลดราคาลงมาที่จุดนี้เพื่อตรวจสอบผู้ขายรายอื่นหรือเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

“หากข้าไม่ลดราคา มันจะเป็นการแสดงความอ่อนแอ แต่หากข้าลดราคา ข้าจะตกลงสู่หลุมพรางของเขา”

หลังจากครุ่นคิด หวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคา

แต่ในเวลานี้เซี่ยเปาซูกลับเลือกที่จะหยุด

ตอนนี้ราคาของฟางหยวนกับหวังหมิงเยว่ต่ำสุดในตลาด รองลงมาคือเซี่ยเปาซู แพงที่สุดคือสินค้าของหรงซิน

เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดซื้อสินค้าจากร้ายของสองคนหลัง ผู้ซื้อส่วนใหญ่อยู่ที่ร้านของฟางหยวนและหวังหมิงเยว่

เซี่ยเปาซูกำลังสังเกตการณ์ เขาอยากรู้ว่ามันเป็นเพียงแผนการของฟางหยวนหรือเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งจริงๆ

หวังหมิงเยว่ประหม่ามากเพราะราคานี้ทำให้นางสูญเสียกำไรจำนวนมหาศาล ท่ามกลางผู้ขายรายเดิมมีเพียงนางที่เหลืออยู่

หรงซินกลายเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุด เขาเฝ้ามองคนทั้งสองต่อสู้กัน

“ถึงเวลาสำหรับระเบิดลูกสุดท้ายแล้ว” ฟางหยวนสงบมาก

เมื่อถึงจุดนี้เขาได้ตรวจสอบบรรทัดฐานของสามผู้ขายรายเดิมเรียบร้อยแล้ว แม้หวังหมิงเยว่จะยังแข่งขันต่อ นางก็เหนือกว่าอีกสองคนไม่มากนัก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ลดราคาลงอีกครั้ง

แต่คราวนี้เขาลดมันลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตามราคาที่ลดลงเพียงเล็กน้อยกลับเหมือนใบมีดอันแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของผู้ขายทั้งสามราย

“นี่…” หรงซินหน้าซีด

ใบหน้าของเซี่ยเปาซูกลายเป็นมืดครึ้ม

หวังหมิงเยว่กำหมัดแน่น นางกัดฟันและกล่าวด้วยความตกใจ “เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงไปได้ไกลถึงเพียงนี้?”

ฟางหยวนลดราคาลงเพียงเล็กน้อยแต่มันร้ายแรงมาก มันต่ำกว่าราคาต้นทุนของผู้ขายทั้งสามราย

หรงซินต้องใช้วัสดุในการหลอมรวมวิญญาณปี เซี่ยเปาซูมีต้นแปรฝัน เขาต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรในการดูแลมัน แม้หวังหมิงเยว่จะครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่วิธีการที่นางใช้พึ่งพาพลังงานอมตะและต้องใช้เงินทุนเพื่อจัดการสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

ขายต่ำกว่าราคาทุนถือว่าขาดทุน

นี่เป็นวิธีของผู้ที่มีสินค้าเหลือที่ไม่สามารถขายออก อีกกรณีหนึ่งคือพวกเขาต้องการเงินอย่างเร่งด่วน มันเป็นทางเลือกที่สิ้นหวัง

หากบางคนทำเช่นนี้ในสงครามราคา พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

เรื่องนี้รุนแรงเกินไป มันรุนแรงทั้งต่อผู้อื่นและต่อตนเอง

หวังหมิงเยว่ตกใจมาก นางไม่กล้าลดราคาลงอีก

นางจะเป็นเพียงคนโง่หากทำเช่นนั้น

นี่คือวิญญาณปี แต่มันกลับถูกขายออกมาในราคาต่ำกว่าต้นทุน

มันทำให้ผู้ซื้อตกใจเช่นกัน

ราคานี้เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกและไม่อยากจะเชื่อ

แต่ในไม่ช้าผู้อมตะหลายคนก็สามารถตอบสนอง

หลังจากนั้นสวรรค์สีเหลืองก็ตกสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่

ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปที่ร้านของฟางหยวน

พวกเขากำลังทำกำไร

ธุรกิจของฟางหยวนเฟื่องฟูมากขณะที่ผู้ขายอีกสามรายถูกผลักออกไปอย่างสมบูรณ์

“เขาคือผู้ใดกันแน่? เขาดุร้ายมาก แต่ข้าเกรงว่าเขาจะทำพลาดไปแล้ว ฮ่าฮ่า”

“แล้วข้าจะคอยดูต่อไป!”

“ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาราคานี้เอาไว้”

ผู้ขายทั้งสามกำลังรอเวลาที่ฟางหยวนพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

แต่ฟางหยวนยังดำเนินธุรกิจของเขาต่อไป

เนื่องจากเขาใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ ต้นทุนของเขามีเพียงพลังงานอมตะ

แน่นอนว่าการผลิตของฟางหยวนมีค่าใช้จ่าย แต่ต้นทุนของเขาต่ำกว่าอีกสามคนมาก

ในกรณีที่คุณภาพเท่ากัน การแข่งขันก็ขึ้นอยู่กับต้นทุน

ฟางหยวนขายในราคานี้แต่เขายังได้รับกำไรขณะที่อีกสามคนขาดทุน พวกเขาไม่สามารถขายแต่ฟางหยวนทำได้ ผู้ชนะในสงครามราคาครั้งนี้ถูกตัดสินตั้งแต่เริ่มต้นและมันก็คือฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท