เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1489

ตอนที่ 1489

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1489 เลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์

แปลโดย iPAT

บ่อน้ำแห่งหนึ่ง

เมืองจิ๋ว!

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและวางเมืองจิ๋วไว้ในภาคกลางน้อย

หลังจากภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และแม่น้ำหวนคืน เมืองจิ๋วคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพลำดับที่สี่ของฟางหยวน

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรวบรวมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสี่

เมืองจิ๋วปรากฏอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก มันเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์จิ๋ว

ตอนนี้เมืองเล็กๆที่อยู่ในบ่อน้ำถูกทำลายไปแล้วโดยฟางหยวน เดิมทีมีภูเขาน้อยอยู่ภายใน แต่มันถูกนำออกจากเมืองจิ๋วและถูกทำลายที่ภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามภายในบ่อน้ำไม่ได้ว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก

เจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้คือผู้คนที่ฟางหยวนสังหารโดยใช้ประโยชน์จากเมืองจิ๋ว

แดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งถูกฟางหยวนปล้นสะดมทรัพยากรไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่เหลืออยู่

‘ตอนนี้ข้ามีท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณ ข้าสามารถกำหราบจิตวิญญาณแผ่นดิน แต่โดยปราศจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ข้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้’

ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นในขณะนี้

‘หากข้าสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้และนำทรัพยากรออกมา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มิติช่องว่างจักรพรรดิจะพัฒนาขึ้นเช่นกัน’

นี่เป็นผลประโยชน์มหาศาลที่ฟางหยวนยังไม่สามารถกลืนกิน แต่มันเป็นของเขาแล้ว มีโอกาสน้อยมากที่พวกมันจะถูกขโมยไป

‘นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เมืองจิ๋วก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมิน’

ด้วยการคงอยู่ของเมืองจิ๋ว ฟางหยวนสามารถเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือกระทั่งมนุษย์

นี่เป็นสิ่งที่ดี

การพัฒนามิติช่องว่างมีเจ็ดขั้นตอน

ขั้นตอนที่หนึ่งคือการผลิตทรัพยากรระดับมนุษย์ สัตว์ และพืชทั่วไป

ขั้นตอนที่สองคือการผลิตทรัพยากรอมตะเพื่อเลี้ยงดูวิญญาณอมตะ

ขั้นตอนที่สามคือการเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

ขั้นตอนที่สี่คือการผลิตทรัพยากรอมตะ สัตว์อสูร หรือพืชอสูรเพื่อค้าขายทำกำไร

ขั้นตอนที่ห้าคือการสร้างวิญญาณอมตะตามธรรมชาติขึ้นในมิติช่องว่าง

ขั้นตอนที่หกคือการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์และผลิตผู้อมตะ

ขั้นตอนที่เจ็ดคือการสร้างวิญญาณอายุยืน

เจ็ดขั้นตอนเกิดจากการรวบรวมประสบการณ์ของผู้อมตะจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มันเป็นกฎทองคำในการบ่มเพาะของผู้อมตะ

ไม่ใช่ว่าผู้อมตะจะไม่สามารถเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ในมิติช่องว่างได้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น ผลลัพธ์จะไม่ดีที่สุดและจะทำให้พวกเขาสูญเสียรากฐานของตนเอง

การพัฒนามิติช่องว่างควรเป็นไปตามขั้นตอนทั้งเจ็ดตามลำดับ มันถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยอัจฉริยะในแต่ละรุ่น หากปฏิบัติตามแผนการนี้ มิติช่องว่างของพวกเขาจะมั่นคงแข็งแรง

ฟางหยวนอยู่ในขั้นตอนที่สามและสี่ เขายังห่างไกลจากขั้นตอนที่ห้า

แต่ตอนนี้เขามีเมืองจิ๋ว เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่หกได้โดยตรง

เมืองจิ๋วทำให้ผู้อมตะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

ข้อดีของการเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์มีมากมาย

ผลประโยชน์ของมันมหาศาลเกินไป

เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หรือเผ่ามนุษย์ล้วนมีทรัพยากรเฉพาะตัวของตนเอง

ตัวอย่างเช่น เผ่ามนุษย์หิมะมีไข่มุกน้ำแข็ง แก่นแท้บัวหิมะ เผ่ามนุษย์หินมีมังกรหิน ขณะที่เผ่ามนุษย์วิหคมีวิญญาณอิสรภาพ

หากทรัพยากรเหล่านี้ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ผู้อมตะสามารถขายพวกมันในตลาดเพื่อทำกำไร

นอกจากทรัพยากรพิเศษเหล่านี้ยังมีทรัพยากรทั่วไป

นั่นคือปราณมนุษย์!

ปราณสวรรค์ ปราณพิภพ ปราณมนุษย์

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะต้องสร้างสมดุลระหว่างปราณทั้งสาม

ยิ่งมีปราณมนุษย์มากเท่าใด รากฐานและคุณภาพของมิติช่องว่างของผู้อมตะก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ปราณทั้งสามจะลดลงอย่างมาก ผู้อมตะจำเป็นต้องสร้างสมดุลให้พวกมันเพื่อรักษาเสถียรภาพของมิติช่องว่างเป็นครั้งคราว

อาจกล่าวได้ว่าปราณมนุษย์มีความสำคัญสำหรับผู้อมตะมากที่สุด

ผู้อมตะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพได้ด้วยการวางมิติช่องว่างลง แต่ปราณมนุษย์เป็นเรื่องยากที่จะได้รับ

ปราณมนุษย์ยังสามารถใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณโดยเฉพาะวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ พวกเขาล้วนสามารถผลิตปราณมนุษย์

ยิ่งจำนวนและความแข็งแกร่งของพวกเขาสูงเท่าใด พวกเขาก็สามารถผลิตปราณมนุษย์ได้มากเท่านั้น

แน่นอนว่าในสถานการณ์เดียวกันมนุษย์กลายพันธุ์จะผลิตปราณมนุษย์ได้น้อยกว่ามนุษย์ที่แท้จริง

นอกจากปราณมนุษย์ มนุษย์กลายพันธุ์และมนุษย์ยังสามารถผลิตทรัพยากรอมตะชนิดพิเศษเช่นประตูวายุ

ประตูวายุเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดที่จะเติบโตขึ้นบนประตูบ้านของมนุษย์เท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ทรัพยากรอมตะชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้น ประตูบ้านของมนุษย์จะไม่สามารถปิดได้ มันจะเปิดอยู่เสมอ

ทรัพยากรชนิดนี้จะไม่สามารถพบเห็นได้ในถิ่นทุรกันดารที่ปราศจากการดำรงอยู่ของมนุษย์

‘มีสมมติฐานในมรดกของนิกายเงา’

‘ยิ่งมีปราณมนุษย์สะสมอยู่มากเท่าใด โอกาสที่ผู้อมตะจะสามารถเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งบนเส้นทางมนุษย์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น’

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายขึ้น

เส้นทางมนุษย์!

นี่คือเส้นทางที่มนุษย์คนแรกสร้างขึ้น

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานมีผู้อมตะระดับแปดหรือระดับเก้าบางคนเข้าใจความหมายบางอย่างที่แฝงอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก

ตัวอย่างเช่น เทพอมตะตะวันเดือดศึกษาตำนานมนุษย์คนแรกกระทั่งสามารถสร้างมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและโชคแห่งสวรรค์พิภพ

ช่ายฝูบรรพบุรุษของตระกูลช่ายแห่งภาคใต้สามารถสร้างท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์จากการอ่านตำนานมนุษย์คนแรกและทำให้ตระกูลช่ายกลายเป็นกองกำลังใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน

กรณีดังกล่าวพบเห็นได้ทั่วไป

‘ในสถานการณ์ของข้า หากข้าเริ่มเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ มันจะทำลายสภาพแวดล้อมในมิติช่องว่างของข้า ข้าจะสูญเสียรากฐาน’

‘แต่ด้วยการคงอยู่ของเมืองจิ๋ว ข้าสามารถเลี้ยงดูพวกเขาแยกออกจากมิติช่องว่างของข้า นอกจากนี้การเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ในเมืองจิ๋วยังมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติเพราะมันเป็นสภาพแวดล้อมพิเศษ’

‘ลืมมนุษย์ไปก่อน สติปัญญาของพวกเขาสูงเกินไป นอกจากนั้นพวกเขายังใช้ทรัพยากรมากเกินไป ตอนนี้ข้าควรเลือกเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์’

มีมนุษย์กลายพันธุ์มากกว่าสิบชนิดอยู่บนโลกใบนี้

ตัวอย่างเช่น มนุษย์ขน มนุษย์หิน มนุษย์หิมะ มนุษย์วิหค มนุษย์เงือก มนุษย์หมึก มนุษย์ไข่ มนุษย์อสูร และมนุษย์เห็ด

แต่ละชนิดมีความพิเศษเฉพาะตัวของพวกมันเอง

‘ข้าควรเลือกเผ่าพันธุ์ใด?’ ฟางหยวนยังไม่ได้ตัดสินใจ

มีเมืองจิ๋วเพียงเมืองเดียว ดังนัน้เขาจึงสามารถเลือกเลี้ยงดูได้เพียงเผ่าพันธุ์เดียว เนื่องจากมนุษย์กลายพันธุ์แต่ละเผ่าพันธุ์ต้องการสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน การเลี้ยงดูมากกว่าหนึ่งเผ่าพันธุ์ในสถานที่เดียวกันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

‘ลืมมนุษย์อสูรไปได้เลย พวกมันสูญพันธุ์ไปแล้ว’

‘มนุษย์ขน? มนุษย์ขนสามารถหลอมรวมวิญญาณให้ข้า’

‘มนุษย์หิน? ข้าเคยเลี้ยงดูมนุษย์หินมาก่อน ด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยว ข้าสามารถเลี้ยงพวกมันได้อย่างง่ายดาย’

‘มนุษย์หิมะก็ดีเช่นกัน ตอนนี้ข้ามีความสัมพันธ์กับพวกเขาผ่านการแต่งงาน เผ่ามนุษย์หิมะกำลังสนับสนุนข้า’

‘สำหรับเผ่ามนุษย์จิ๋ว พวกเขาเหมาะสมกับเมืองจิ๋วตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาจะทำให้พืชพรรณในมิติช่องว่างของข้าเจริญเติบโตได้ดี’

‘ส่วนมนุษย์วิหค มนุษย์เงือก มนุษย์หมึก และมนุษย์เห็ด ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีประโยชน์ต่อข้าทั้งสิ้น’

ฟางหยวนคิดและยังไม่มีคำตอบให้กับตนเอง

แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนน

เพราะกระทั่งเขาจะต้องการทำ เขาก็ยังไม่มีเงินทุนที่จะเริ่มต้นโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้

คลังเก็บหินวิญญาณอมตะของเขายังอยู่ในระดับต่ำ

โชคดีที่เขามีลูกพลัมแดงอมตะมากมาย

นี่เป็นเพราะเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่ไหลเร็วขึ้น

ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถสะสมลูกพลัมแดงอมตะได้อย่างรวดเร็ว

‘ในการเดินทางไปยังทะเลตะวันออกครั้งนี้ ข้าได้รับเมืองจิ๋วและสามารถกำจัดโหยว่ชาน ข้าไม่มีคู่แข่งในธุรกิจปลามังกรอีกต่อไป ตราบเท่าที่ข้ายังสามารถขายปลามังกร ปัญหาทางการเงินของข้าจะคลี่คลายลงในไม่ช้า’

‘สิ่งสำคัญในตอนนี้คืออาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!’

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและบินลงบนพื้นทราย

กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ ผู้อมตะผู้หนึ่งกำลังยืนรออยู่

เขาเผยรอยยิ้มและป้องหมัดขึ้นทักทายฟางหยวน “ถังฟางหมิงคารวะท่านฟางหยวน”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท