เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1517 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (1)

บทที่ 1517 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (1)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1517 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (1)

แปลโดย iPAT

เมื่อเห็นฟางหยวนรอดชีวิตจากการซุ่มโจมตีและเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย อสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจวก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาของมันกลายเป็นแดงก่ำ เจตนาสังหารของมันพุ่งสูงขึ้น มันต้องการกลืนกินศัตรูของมันทันที

มันมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ เมื่อมันไม่สามารถสังหารฟางหยวน มันจึงถูกครอบงำด้วยความเกลียดชัง

ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นและกำหราบชิงโจว แต่มันไม่สนใจและยังบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาหอดอกไม้ร่วงโรยโดยตรง

“นายท่าน ข้าถึงขีดจำกัดแล้ว…” ผีเฒ่าไป่จุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“ฆ่ามัน มิฉะนั้นจะเป็นพวกเจ้าที่ตาย!” ชิงโจวคำราม

การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้านายโกรธถึงระดับนี้มาก่อน

ความเกลียดชังของมันทำให้พวกเขาหวาดกลัวและต้องการหลบหนี

แต่พวกเขาตกเป็นทาสของชิงโจวแล้วและไม่สามารถต่อต้าน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกัดฟันสู้ต่อไปเท่านั้น

เมื่อฟางหยวนเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย ชิงโจวก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่สิ่งนี้

เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ฟางอันเล่ยพยายามหลบหนี

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าฟางหยวน

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกถูกทิ้งไว้ข้างหลังขณะที่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินเกาะอยู่บนหลังคาของหอดอกไม้ร่วงโรย

ในเวลาเดียวกันสนมอินทรีย์ก็ใช้กรงเล็บของนางสร้างบาดแผลจำนวนมากให้กับหอดอกไม้ร่วงโรย

หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถหลบเลี่ยงแต่ฟางอันเล่ยไม่กังวล

นางกล่าวกับฟางหยุนและฟางเล้ง “ควบคุมหอดอกไม้ร่วงโรย ข้าจะใช้ท่าไม้ตายจัดการศัตรู”

หลังกล่าวจบคำ หอดอกไม้ร่วงโรยก็ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาภายใต้การควบคุมของนาง

ดอกไม้จำนวนมากเหี่ยวแห้งและร่วงโรยลงไป

แสงสีขาวควบรวมเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่เบ่งบานขึ้นบนหลังคาของหอดอกไม้ร่วงโรย

กลีบดอกไม้เหมือนกระจกที่สามารถสะท้อนแสง นั่นทำให้มันดูงดงามเป็นอย่างมาก

ท่าไม้ตายอมตะดอกไม้กระจก!

พลังอำนาจของกรงเล็บอินทรีย์ที่ฟาดเข้ามาถูกดอกไม้กระจกดูดกลืนเข้าไป

หลังจากดูดซับพลังของกรงเล็บอินทรีย์ กลีบดอกไม้หลายกลีดก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่กลีบใหม่จะปรากฏขึ้น

เมื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เข้ามาใกล้ กลีบดอกไม้กระจกก็สะท้อนพลังอำนาจของกรงเล็บอินทรีย์ออกไป

กรงเล็บอินทรีย์พุ่งเข้าโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และทำให้เกิดประกายไฟแลบลั่นขึ้น

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงักลงขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยเร่งความเร็วเพื่อสร้างระยะห่างออกจากศัตรู

“โอ้ ไม่ แมงมุมตัวนั้นกำลังจะเข้ามาแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยุนกรีดร้องออกมา

แม้หอดอกไม้ร่วงโรยจะสามารถสร้างระยะห่างออกจากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสนมอินทรีย์ แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินใช้ประโยชน์จากร่างกายเล็กๆของมันเจาะทะลวงหลังคาหอดอกไม้ร่วงและพยายามเข้าไปภายใน

แม้มันจะยังห่างไกลจากความสำเร็จแต่สถานการณ์ก็อันตรายมาก

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสร้างขึ้นจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน หากอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสามารถเข้าไปภายใน มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่

หลังจากทั้งหมดวิญญาณบอบบางมาก

แม้หอดอกไม้ร่วงโรยจะสามารถซ่อมแซมตัวเองแต่ความเร็วในการซ่อมแซมก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับพลังทำลายล้างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิด

ในช่วงเวลาสำคัญฟางอันเล่ยต้องเคลื่อนไหว

ท่าไม้ตายอมตะบานสะพรั่ง!

ดอกไม้กระจกบนหลังคาร่วงโรยไปขณะที่ดอกไม้อีกดอกงอกขึ้นมาแทนที่

มันไม่ใหญ่โตและดูค่อนข้างบอบบาง เพียงเมื่อมันปรากฎ มันก็กลายเป็นเงาแสงหายไปกับสายลม

แต่พลังงานลึกลับกลับพันธนาการแมงมุมตัวนั้นเอาไว้และทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันช้าลง

‘หอดอกไม้ร่วงโรยหลังนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ไม่แปลกใจเลยที่มันสามารถสร้างชื่อเสียงในสงครามห้าภูมิภาค’

‘ดอกไม้กระจกก่อนหน้านี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้แต่มันปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งกฎและสามารถสะท้อนการโจมตีกลับไป ดอกไม้ที่หายไปอย่างรวดเร็วในตอนนี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลา!’

ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่ในห้องโถงด้วยดวงตาที่ส่องประกาย

ฟางอันเล่ยใช้ดอกไม้กระจกเพื่อผลักดันวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสนมอินทรีย์ก่อนที่จะใช้ดอกไม้บานสะพรั่งบรรเทาวิกฤตอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหิน แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดขาว การใช้ท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่องทำให้นางสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล

ท่าไม้ตายทั้งสองทรงพลังมาก พวกมันมีพลังเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด

แต่ยิ่งท่าไม้ตายทรงพลังเท่าใด ค่าใช้จ่ายของมันก็ยิ่งสูงเท่านั้น ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าฟางอันเล่ยทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของนางออกมาแล้ว

‘หอดอกไม้ร่วงโรยเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้า แต่เผชิญหน้ากับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ และปีศาจอมตะระดับเจ็ดอีกสองคน มันยังยากเกินไป! แม้ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด ข้าก็ทำได้เพียงป้องกันตัวเป็นการชั่วคราวเท่านั้น’

หัวใจของฟางอันเล่ยเต้นแรง นางหันไปมองฟางหยวนและคิด ‘คนผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง เขาเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าก่อนหน้านี้ แต่เขายังสามารถสงบจิตใจและหาทางออกได้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ตอนนี้เราต้องขอความช่วยเหลือจากเขา ข้าอดทนได้อีกไม่นานแล้ว’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางอันเล่ยก็วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไปให้ฟางหยวน

ตอนนี้นางยุ่งอยู่กับการจัดการศัตรู นางไม่สามารถพูดคุยกับฟางหยวนได้ตามปกติ

ฟางหยวนตรวจสอบและตระหนักว่าฟางอันเล่ยต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาอย่างเป็นทางการเพื่อต่อต้านศัตรูที่ทรงพลังเหล่านี้

ฟางอันเล่ยกล่าวถึงผลประโยชน์และเงื่อนไขต่างๆ ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันต่อต้านศัตรูจนกว่ากำลังเสริมของตระกูลฟางจะมาถึง

ฟางอันเล่ยรู้สึกว่าฟางหยวนไม่สามารถหลบหนี แต่ความจริงก็คือเขาไม่เพียงสามารถหลบหนีแต่เขายังมีเกราะหวนคืนที่สามารถต่อสู้กับศัตรูหากเขาต้องการ

แต่ตอนนี้ฟางหยวนเลือกที่จะอยู่เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับตระกูลฟาง

‘ข้าสามารถหลบหนีแต่ฟางอันเล่ยทำไม่ได้ ดังนั้นข้อตกลงพันธมิตรจึงค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับข้า ข้าต้องขอบคุณศัตรูทรงพลังที่ซุ่มโจมตีพวกเรา หากไม่ใช่เพราะพวกเขา ตระกูลฟางจะไม่เป็นพันธมิตรกับข้าอย่างง่ายดายและด้วยเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้’

เดิมทีตระกูลฟางเสนอโครงการศิลาหยินหยางเพื่อสร้างข้อตกลงพันธมิตร

อย่างไรก็ตามเมื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ศิลาหยินหยางก็กลายเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ฟางอันเล่ยค่อนข้างฉลาด นางยังรักษาโครงการเดิมเอาไว้

นอกเหนือจากวิญญาณอมตะระดับหก ฟางอันเล่ยยังสัญญากับฟางหยวนว่าจะมอบทรัพยากรอมตะจำนวนมากให้เขาอีกด้วย

‘วิญญาณอมตะระดับหกไม่มีประโยชน์มากนัก แต่หากข้าขอวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะเหมือนการรีดไถ นอกจากนั้นฟางอันเล่ยก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจ ลืมมันไปซะ นี่เป็นโอกาสสำคัญ ข้าไม่ควรโลภและทำลายโอกาสที่ดีเช่นนี้’

ฟางหยวนคิดแผนการและตัดสินใจ “ข้าจะเข้าร่วมพันธมิตร!”

ฟางอันเล่ยมีความสุขมาก เดิมทีนางเกรงว่าฟางหยวนจะเย่อหยิ่งและสงสัย แต่เมื่อเห็นเขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางก็ต้องยกย่องอยู่ในใจ ‘เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในสถานการณ์คับขัน’

ตระกูลฟางเตรียมวิญญาณอมตะและวิธีสร้างข้อตกลงพันธมิตรเอาไว้ตั้งแต่ออกเดินทางมาแล้ว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตรได้อย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้หอดอกไม้ร่วงโรยถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว

“บึม!”

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าโจมตีขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถหลบเลี่ยง มันถูกส่งลงสู่พื้นราวกับดาวตก

“ตาย ตาย ตาย!” ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ชิงโจวคำรามอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเขียวกลายเป็นของแข็งและพุ่งทะลวงร่างกายของมัน แต่มันกลับเพิกเฉยต่อสิ่งนี้อย่างสิ้นเชิง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท