เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1519 สร้างปัญหา

บทที่ 1519 สร้างปัญหา

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1519 สร้างปัญหา

แปลโดย iPAT

ฟางอันเล่ยถูกดาบลิ้นสีม่วงแทง ร่างกายของนางแข็งค้างขณะที่ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง

ดาบลิ้นสีม่วงรวดเร็วมาก มันแทงทะลุร่างของนางและพุ่งต่อไปที่ฟางหยวน

แต่เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยุนและฟางเล้งก็ตอบสนองได้แล้ว พวกเขาควบคุมและปลดปล่อยพลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทำให้ดาบลิ้นสีม่วงถูกผลักดันกลับไป

เถาวัลย์เลื้อยพันเข้าห่อหุ้มร่างกายของฟางอันเล่ยเอาไว้ขณะที่ดอกไม้หลากหลายสีสันเติบโตขึ้น มันกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของนาง

ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม ดวงตาของเขาซ่อนความเย็นชาเอาไว้ เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

กำลังเสริมของตระกูลฟางมาถึงแล้ว ตอนนี้มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังได้แก่ หอดอกไม้ร่วงโรย กรงสัตว์อสูร และอู่เรือพิพากษา คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

ในชีวิตแรกของฟางหยวน ระหว่างสงครามห้าภูมิภาค ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะนี้สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นข้อมูลของนิกายเงายังเน้นย้ำให้ระวังสิ่งนี้

หลังจากต่อสู้มาระยะหนึ่ง ฟางหยวนรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ก่อนหน้านี้ชิงโจวเปิดประตูวังและโจมตีด้วยพลังทั้งหมด นั่นทำให้ฟางหยวนได้เรียนรู้ความจริงบางอย่าง

ดูเหมือนมันจะเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้แต่มันไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสามารถโจมตีและป้องกัน การโจมตีด้วยการพุ่งชนเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมาและประหยัดเวลามากที่สุด แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะมีความสามารถทุกประเภทเช่นดอกไม้กระจกหรือกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่าของหอดอกไม้ร่วงโรย กล่าวถึงคุกทมิฬของเผ่าไห่ มันก็สามารถเก็บสัตว์อสูรบรรพกาลเอาไว้ภายในและทำให้พวกมันตกเป็นทาส

คฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังมีพลังอำนาจพิเศษที่แตกต่างกัน หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายของมันและทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปรอบๆ มันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสามหลังของตระกูลฟาง

แต่หากตระกูลฟางสามารถกำหราบหรือยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ได้สำเร็จ แล้วฟางหยวนจะได้รับสิ่งใด?

ตามข้อตกลงพันธมิตร ฟางหยวนจะได้รับเพียงวิญญาณอมตะระดับหกและทรัพยากรอมตะเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าหลังจากตระกูลฟางได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด พวกเขาจะบังคับให้ฟางหยวนทำข้อตกลงใหม่

ในสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ต่อหน้า ฟางหยวนจะไม่ต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างไร

แต่การจะทำเช่นนั้นได้ เขาต้องสร้างสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นฟางหยวนจึงพึ่งพาดาบลิ้นสีม่วงเพื่อทำให้ตระกูลฟางอ่อนแอลงโดยการกำจัดฟางอันเล่ย

เมื่อข้อตกลงพันธมิตรถูกสร้างขึ้นแล้ว ฟางหยวนจะต่อสู้กับตระกูลฟางโดยตรงได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามข้อตกลงพันธมิตรที่สร้างขึ้นก่อนหน้าค่อนข้างหละหลวม พวกมันแทบไม่ครอบคลุมสิ่งใดเลย

ดังนั้นฟางหยวนจึงปลอดภัยหลังจากวางแผนกำจัดฟางอันเล่ย

ฟางอันเล่ยไม่รู้เกี่ยวกับช่องโหว่นี้งั้นหรือ?

แน่นอนนางรู้!

ในความเป็นจริงนี่เป็นเจตนาแอบแฝงที่ชั่วร้ายของตระกูลฟางตั้งแต่เริ่มต้น

ฟางอันเล่ยวางแผนใช้ประโยชน์จากฟางหยวน ดังนั้นหากนางเพิ่มข้อตกลงมากเกินไป มันจะเป็นการทำร้ายตัวเอง

ด้วยเหตุนี้ฟางอันเล่ยจึงจงใจสร้างข้อตกลงที่หละหลวม นอกจากนั้นสถานการณ์ยังเร่งด่วน แม้ฟางหยวนจะค้นพบและโต้แย้ง นางก็สามารถใช้ข้อแก้ตัวนี้

และแน่นอนว่าฟางหยวนค้นพบ!

เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และเป็นนักวางแผนเช่นกัน แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและทำตัวราวกับตกเป็นเหยื่อ

“ช่างกล้าหาญนัก!”

“เราต้องฆ่าสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้!”

ผู้อมตะตระกูลฟางกรีดร้องด้วยความโกรธหลังจากเรียนรู้สถานการณ์ของฟางอันเล่ย

กรงสัตว์อสูรและอู่เรือพิพากษาเข้าสู่สนามรบอย่างรวดเร็ว

แต่ก่อนที่พวกมันจะสามารถทำสิ่งใด วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงระยิบระยับออกมา

ชิงโจวพยายามอย่างที่ดีที่สุดแต่ยังไม่สามารถสังหารฟางหยวน ตอนนี้มันอ่อนแอลงมากด้วยการปราบปรามของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เริ่มปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาด้วยตัวของมันเอง แสงสีเขียวแพร่กระจายไปทั่วสนามรบ ผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และอสูรวิญาณที่เหลือบินเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

พวกมันถอย!

สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน

กระทั่งฟางหยวนยังตกใจเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ

ผู้อมตะตระกูลฟางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไล่ล่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ผู้อมตะตระกูลฟางบางคนบินออกมจากกรงสัตว์อสูรและเข้าไปใจหอดอกไม้ร่วงโรย “อันเล่ย!”

แต่ฟางอันเล่ยหมดสติไปแล้ว

ฟางหยุนและฟางเล้งเต็มไปด้วยความกังวล ฟางเล้งกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “เราไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา มันเป็นความผิดของเรา”

ผู้อมตะตระกูลฟางมองพวกเขาอย่างดุเดือด “แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของพวกเจ้า!”

ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตรวจสอบและพบว่าฟางอันเล่ยกำลังจะตาย เขาตะโกน “อันเล่ย เจ้าต้องอดทน!”

เขาทดลองใช้วิธีรักษาทั้งหมดแต่ยังไม่เป็นผล

ในเวลานี้แสงสีส้มก็พุ่งออกจากกรงสัตว์อสูรตรงเข้าสู่หน้าผากของฟางอันเล่ย

สีม่วงบนใบหน้าของฟางอันเล่ยเลือนหายไป นางรอดชีวิตแต่นางยังไม่ได้สติ

“ท่าไม้ตายนี้แปลกมาก มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่ส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งพิษ นางถูกวางยาพิษ! ข้าทำได้เพียงระงับอาการบาดเจ็บของนางเอาไว้แต่ข้าไม่สามารถรักษา!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะสูงอายุเดินเข้ามา เขาอยู่ในชุดคลุมสีเหลืองและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

“คารวะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม” ฟางหยุนและฟางเล้งเร่งทักทาย

‘ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลฟาง ฟางฮั่วเฉิง…’ ฟางหยวนนึกถึงข้อมูลของคนผู้นี้

“เป็นเจ้า! เจ้าเข้ามาซ่อนตัวในหอดอกไม้ร่วงโรยและทำให้อันเล่ยถูกโจมตี! เจ้าคืออาชญากรที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้!” ผู้อมตระกูลฟางที่ประคองร่างฟางอันเล่ยเอาไว้กรีดร้องมาที่ฟางหยวน

ฟางหยวนมองด้วยสายตาเย็นชาและก่นเสียงเย็นด้วยความเย่อหยิ่ง “เจ้าคือผู้ใด?”

“ข้าคือฟางเฉิน…” ผู้อมตะผู้นั้นตอบ

แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ฟางหยวนก็โบกแขนเสื้อ “ข้าไม่สนว่าเจ้าคือผู้ใด หากเจ้าไม่มีความสุข เราก็มาสู้กัน ไม่ว่าจะดวลด้วยการต่อสู้หรือวาทะกรรม ข้าก็จะรับคำท้า หากเจ้าต้องการใช้กองกำลังของตระกูลฟางจัดการข้า ซวนปู้จิน ฮ่าฮ่า เจ้าสามารถทดลอง”

หลังกล่าวจบคำ ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายเย็นเยียบและกวาดตามองไปรอบๆด้วยท่าทางของผู้ชนะ

“ไม่!” ฟางเล้งและฟางหยุนหวาดกลัวมาก ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก พวกเขาเกรงว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กัน

ในความคิดเห็นของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ฟางหยวนจะเข้ามาซ่อนตัวในหอดอกไม้ร่วงโรย

การใช้ประโยชน์จากคฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นเรื่องปกติของผู้อมตะโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนช่วยพวกเขาเอาไว้ ฟางหยุนรู้สึกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ สิ่งสำคัญฟางหยวนมีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หากเขาไม่กำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหิน หอดอกไม้ร่วงโรยอาจพังพินาศไปแล้ว

สำหรับการโจมตีของดาบลิ้นสีม่วง ฟางหยวนอาจไม่คาดคิดว่าฟางอันเล่ยจะถูกโจมตี

ในความเป็นจริงกระทั่งฟางหยุนและฟางเล้งก็ไม่คาดหวังว่าฟางอันเล่ยจะไม่สามารถหลบมัน นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ฟางเฉิน ระวังคำพูดด้วย สหายซวนปู้จินเป็นพันธมิตรของตระกูลฟาง เรามีข้อตกลงพันธมิตร เขาต่อสู้อย่างหนักในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เจ้าจะใส่ความเขาได้อย่างไร?” ฟางฮั่วเฉิงตำหนิ

หลังจากนั้นเขาก็หันหน้ามาทางฟางหยวน “ฟางเฉินเป็นสามีของฟางอันเล่ย เขาเป็นห่วงภรรยามากเกินไป เขาไม่ได้ตั้งใจสร้างความขุ่นเคืองให้กับสหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้เขา”

ฟางเฉินเป็นสามีของฟางอันเล่ย?

ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าฟางเฉินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ถูกคัดเลือกให้เข้าสู่ตระกูลฟางผ่านการแต่งงานกับฟางอันเล่ย หลังจากนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาใช้แซ่ฟาง

หลังจากถูกดุ ฟางเฉินก็ก้มหน้าลงและไม่กล้ากรีดร้องอีก เขาพยายามรักษาฟางอันเล่ยแม้มันจะไร้ประโยชน์ก็ตาม

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาคิด ‘ฟางหยุนและฟางเล้งกังวล ฟางฮั่วเฉิงเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ฟางเฉินก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ในฐานะเขยของตระกูลฟาง เขาต้องแสดงบทบาทของตนและดูแลภรรยาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่กลัวพวกเขา’

ฟางหยวนไม่กลัวเพราะข้อตกลงพันธมิตร

ฟางอันเล่ยทำข้อตกลงพันธมิตรในนามของตระกูลฟาง หากตระกูลฟางละเมิดข้อตกลง ฟางอันเล่ยต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง ในสภาพปัจจุบันของนาง นางจะทนได้อย่างไร?

ผลกระทบย้อนกลับจะฆ่านางทันที!

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนอยากเห็น

แน่นอนว่ามีวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตร แต่วิธีการเหล่านั้นมีความเสี่ยง พวกมันไม่ปลอดภัย

กระทั่งตระกูลฟางจะมีวิธีการดังกล่าว แต่ในสภาพปัจจุบันของฟางอันเล่ย พวกเขาย่อมไม่กล้าใช้งานมัน

อาจกล่าวได้ว่าฟางอันเล่ยที่หมดสติอยู่ในขณะนี้คือปราการป้องกันของฟางหยวน

ฟางหยวนเย้ยหยัน “สหาย ฟางฮั่วเฉิง ตระกูลฟางของเจ้าต้องให้คำตอบที่ดีแก่ข้า มิฉะนั้นข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป!”

“อา…” ฟางหยุนและฟางเล้งมองหน้ากันน พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสซวนปู้จินต้องการทำสิ่งใด

กระทั่งฟางเฉินที่กำลังก้มหน้าลงก็หันหน้าไปมองฟางหยวน สายตาของเขามีความหมายว่า ‘คนผู้นี้ช่างเอาแต่ใจนัก ทั้งที่ข้าไม่ได้ยั่วยุเจ้าอีก แต่เจ้ากลับสร้างปัญหาให้เราโดยตรง?’

ฟางฮั่วเฉิงรู้สึกสับสนแต่ยังกล่าวอย่างเหมาะสม “สหายหมายความว่าอย่างไร? ตระกูลฟางของข้าทำสิ่งใดผิดเช่นนั้นหรือ?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท