เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1494

ตอนที่ 1494

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1494 ท่านปู่

แปลโดย iPAT

เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดังขึ้นทำให้ผู้ใช้วิญญาณชราเผยรอยยิ้มสดใส

แต่ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ตระหนักถึงเรื่องนี้และกัดฟันอดทนโดยไม่ส่งเสียงออกมาอีก

“หือ? เจ้าหนู เจ้ายังคิดขัดขืนข้าอีกงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณชราโกรธและกระทืบหน้าอกของเด็กหนุ่ม

“แคร่ก”

ซี่โครงของเด็กหนุ่มแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเจาะเข้าไปในปอดของเขา

นั่นทำให้เด็กหนุ่มเกือบตายทันที

แต่เขายังไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา เขากัดฟันอย่างรุนแรงขณะที่ดวงตาเบิกโตด้วยความโกรธ

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้ใช้วิญญาณชราเริ่มหัวเราะด้วยความไม่พอใจ

คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อนหน้า เด็กหนุ่มรู้สึกมึนงงจากการโจมตีทุกรูปแบบ

“อ๊าก!” เขากรีดร้องออกมาโดยไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขากลิ้งไปบนพื้นและเกาผิวหนังของตนเองอย่างบ้าคลั่ง

ผู้ใช้วิญญาณชราหัวเราะร่าเริง “ทนไม่ไหวแล้วงั้นหรือ? เจ้ากล้าท้าทายท่านชาเซี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ แม้เจ้าจะมีความภาคภูมิใจในตนเองมากเพียงใด เจ้าก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าข้าในที่สุด จงร้องขอความเมตตาจากข้า ตราบเท่าที่เจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าย่อยสามารถให้อภัยเจ้าที่เป็นหลานชาย ฮ่าฮ่าฮ่า”

หัวใจของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ

คำกล่าวของชาเซี่ยวกระตุ้นความภาคภูมิใจของเขา เขาสาบานอยู่ในใจว่าแม้เขาจะตายจากอาการคัน ตายจากความเจ็บปวด ตายจากการเน่าเปื่อย หรือตายจากอาการชา เขาก็จะไม่ร้องขอความเมตตา!

ชาเซี่ยวรอสักครู่ เด็กหนุ่มยังกลิ้งอยู่บนพื้น เขาฉีกเสื้อผ้าและผิวหนังของตนเอง เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขาไม่ร้องขอความเมตตา

เมื่อเด็กหนุ่มไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาจึงใช้ศีรษะของตนเองทุบกำแพงหินอย่างรุนแรง

‘เขาอยากตายจริงๆงั้นหรือ!?’ ชาเซี่ยวรู้สึกประหลาดใจและรีบหยุดสิ่งนี้

ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มไร้ความหมายต่อหน้าชาเซี่ยว ฝ่ายหลังสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

นอกจากชาเซี่ยวจะช่วยเด็กหนุ่ม เขายังรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มผู้นี้อีกด้วย

“เจ้าหนู เจ้าเด็กโง่ กระทั่งข้าก็ยังรู้สึกชื่นชมเจ้าอยู่บ้าง” ชาเซี่ยวกล่าว

เขามองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่พื้นและกล่าวอย่างช้าๆ “แต่หากเจ้าตาย ครอบครัวของเจ้าจะทำอย่างไร? แน่นอนว่าข้าย่อมไม่สนใจเรื่องนี้ แต่พ่อแม่ของเจ้าจะรู้สึกอย่างไร? ยังมีพี่น้องของเจ้า ฮ่าฮ่า เจ้ามีคนรักหรือไม่? นางจะรู้สึกอย่างไรหากเจ้าตาย?”

การแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไป

เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้มากว่าสิบปีแล้ว อย่างไรก็ตามในโลกใบเดิมของเขา เขามีครอบครัว พ่อแม่ที่แข็งแรง และคู่หมั้นอันเป็นที่รัก

‘ข้าตายไม่ได้! ข้าต้องอยู่ต่อไป!’

‘ข้าต้องหาทางออกจากโลกใบนี้และกลับบ้าน มีคนรอข้าอยู่ที่นั่น!’

ชาเซี่ยวเป็นคนเจ้าเล่ห์ มุมปากของเขาม้วนตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มมองชาเซี่ยวอย่างไม่เกรงกลัว “เจ้าไม่ได้ฆ่าข้าเพราะเจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากข้า พูด เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”

ชาเซี่ยวหัวเราะเสียงดังและยกนิ้วให้เด็กหนุ่ม “เจ้าหนู เจ้ามีความกล้า เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนั้นจริงๆ”

หลังกล่าวจบคำ สีหน้าของชาเซี่ยวก็เปลี่ยนไป เสียงหัวเราะของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

เขาเตะใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไรปรานีและทำให้เด็กน้อยบินออกไป

จากนั้นเขาก็ยิงแสงประหลาดออกจากนิ้วและพุ่งเข้าปะทะร่างของเด็กหนุ่ม

การแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เขาพยายามยืนขึ้น แต่ด้วยความไร้กำลัง เขาจึงทำได้เพียงนั่งอยู่บนพื้นเท่านั้น

ใบหน้าของเขาเปื้อนเลือด จมูกของเขาหักจากลูกเตะของชาเซี่ยว

เด็กหนุ่มแทบไม่สามารถประคองสติเอาไว้ได้

ด้วยสติที่เหลืออยู่ เขาเห็นมือของตนเองที่กำลังเน่าเปื่อยราวกับถูกกัดกร่อนด้วยน้ำกรดเข้มข้น

ในความเป็นจริงไม่เพียงมือแต่กระทั่งใบหน้า แขน ลำคอ และร่างกายของเขาก็กำลังเน่าเปื่อย

ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็สูญเสียการมองเห็น

เสียงที่น่ากลัวของชาเซี่ยวลอยมา “เจ้าคิดว่าข้าต้องการเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นโชคของเจ้าที่จะถูกใช้งานโดยข้า! เจ้ากล้าแสดงทัศนคติดังกล่าวให้ข้าเห็นแล้วคิดว่าจะสามารถตายงั้นหรือ? ข้าจะทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าความตาย เจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าไม่อยากตาย จงเรียกข้าว่าท่านปู่ ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าอย่างเคร่งครัด!”

“ใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเจ้าให้คุ้มค่า ร่างกายของเจ้าจะเน่าเปื่อยต่อไป ในอีกสิบลมหายใจ เจ้าจะเหลือเพียงโครงกระดูก ฮ่าฮ่า ข้าจะดูว่าเจ้ายังจะยโสได้อีกนานเท่าใด!?”

เด็กหนุ่มเงียบ

ชาเซี่ยวไม่กล่าวสิ่งใดอีก เขาเพียงมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาที่น่ากลัวเท่านั้น

เด็กหนุ่มทรุดตัวลงและไม่เคลื่อนไหว

ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

บาดแผลอันน่าสะพรึงกลัว ความเจ็บปวดที่รุนแรง และสิ่งสำคัญคือความคิดที่อยู่ในใจของเขาทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

‘ข้าคือเบนเจสันแม่ทัพผู้สูงศักดิ์ ข้าจะร้องขอความเมตตาได้อย่างไร?’

‘แต่…หากข้าตายที่นี่ ข้าจะทำให้คนรักที่อยู่ในโลกอีกใบต้องรอคอยอย่างสูญเปล่า?’

‘เห้อ…’

เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

เขาค่อยๆปรับท่าทางและคุกเข่าลง จากนั้นก็วางศีรษะไว้บนพื้น

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงและหยาบคาย “เจ้าชนะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชาเซี่ยวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะมองเด็กหนุ่ม “แล้วควรเรียกข้าว่าอย่างไร?”

“ท่าน…ท่านปู่” เด็กหนุ่มกัดฟันกล่าวด้วยร่างกายสั่นเทาและน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่สึกกร่อน

“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายที่ดีของข้า” ชาเซี่ยวพอใจมาก

เด็กหนุ่มถึงขีดจำกัดและหมดสติไปในที่สุด

ฟางหยวนเผชิญหน้ากับความมืดอีกครั้ง

อาณาจักรแห่งความฝันกัดกร่อนจิตวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง

ฟางหยวนอดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างยากลำบาก เขาสูญเสียรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไปนับล้านแล้ว

การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสูงมาก! หากฟางหยวนไม่เคยบ่มเพาะจิตวิญญาณมาก่อน เขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง

ดวงอาทิตย์แผดแสงอยู่บนท้องฟ้า เด็กหนุ่มกำลังเคลื่อนที่ข้ามทะเลทรายด้วยร่างกายที่อ่อนแอ

บาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวบนร่างของเขาหายไปแล้วแต่ยังมีอาการบาดเจ็บใหม่หลายแห่งที่ดูเหมือนบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวของสัตว์ป่า

“เจ้าหนู ฟังให้ดี เมื่อเจ้ากลับเข้าเผ่า สืบหาสิ่งที่ท่านปู่ของเจ้าต้องการ”

“ท่านปู่จะนำหมาป่าทะเลทรายสองสามตัวมาให้เจ้า ฮ่าฮ่า หากเจ้าทำได้ดี เจ้าจะไปถึงจุดหมาย ท่านปู่จะไม่ช่วยเจ้า หากเจ้าไม่สามารถรักษาชีวิต มันก็โทษได้เพียงตัวเจ้าเองเท่านั้น”

“โอ้ อย่าลืมว่าอย่าพูดจาเหลวไหล ท่าไม้ตายของท่านปู่อยู่ในร่างของเจ้า เจ้าเคยลิ้มรสความรู้สึกของร่างกายที่เน่าเปื่อยมาแล้ว ตราบเท่าที่ข้าต้องการ อวัยวะภายในและสมองของเจ้าจะเน่าเปื่อยทันที ฮ่าฮ่า จงเป็นหลานชายที่ดีของข้า”

เด็กหนุ่มมองไม่เห็นร่างของชาเซี่ยวแต่เสียงของชายชรายังดังขึ้นในใจของเขา

ทันทีที่ชายชรากล่าวจบ หมาป่าทะเลทรายหลายตัวก็พุ่งออกมาจากเนินทราย

พวกมันเห่าหอนเพื่อส่งสัญญาณโจมตี

เด็กหนุ่มไม่ขยับเขยื้อนและมองระยะห่างระหว่างเขากับหมาป่าทะเลทรายที่หดตัวลงเรื่อยๆ

ฟางหยวนงุนงงก่อนที่เขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาลอบสาปแช่งอยู่ภายในขณะพยายามควบคุมร่างกายของเด็กหนุ่ม

ดังคาด เขาสามารถควบคุมร่างกายนี้อีกครั้ง

ฟางหยวนรีบออกวิ่งขณะที่เขาตรวจสอบวิญญาณที่อยู่ในทะเลวิญญาณ

วิญญาณหลุมทราย วิญญาณควันไฟ และวิญญาณน้ำใส

มีพลังวิญญาณเพียงสิบกว่าส่วนเท่านั้น

วิญญาณลมเย็นที่เขาเคยรวบรวมไว้หายไปหมดแล้ว

‘ดูเหมือนชาเซี่ยวไม่ต้องการเปิดเผยการคงอยู่ของโอเอซิสเล็กๆแห่งนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำลายเบาะแสที่เกี่ยวข้องทั้งหมด’

‘บัดซบ! วิญญาณน้ำใสไม่มีประโยชน์ที่นี่ มีเพียงวิญญาณหลุมทรายและวิญญาณควันไฟเท่านั้นที่พึ่งพาได้’

ขณะที่ฟางหยวนคิดเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกถึงลมที่พัดมาจากด้านหลัง

เขากระโดดไปทางซ้ายโดยไม่ต้องคิดมาก

ในเวลาต่อมาหมาป่าทะเลทรายก็กระโจนไปที่ตำแหน่งก่อนหน้าของฟาหงยวน มันตกลงบนพื้นและกลิ้งออกไปไกลพอสมควร

ฟางหยวนเกือบล้มลงบนพื้น หากเขาล้ม หมาป่าทะเลทรายที่วิ่งเข้ามาจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสลุกขึ้นได้อีก

ในช่วงเวลาสำคัญฟางหยวนใช้มือดันพื้นทรายและส่งร่างของตนเองพุ่งไปข้างหน้า เขาแทบไม่สามารถรักษาสมดุลแต่เขายังคงวิ่งต่อไป

เพียงไม่กี่ก้าวต่อมา หมาป่าทะเลทรายอีกตัวก็ไล่ตามมาด้านหลัง

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณหลุมทราย วิญญาณระดับหนึ่งใช้พลังวิญญาณห้าส่วน

หลุมทรายปรากฏขึ้นทันที

หมาป่าทะเลทรายตัวที่สองที่กำลังพุ่งเข้ามาตกลงไปในหลุมทราย

แต่หมาป่าทะเลทรายตัวที่สามกระโดดขึ้นสู่อากาศ หมาป่าตัวนี้ค่อนข้างฉลาด นอกจากนั้นมันยังมีวิญญาณป่าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวได้โดยไร้เสียง

ฟางหยวนไม่มีเวลามองกลับไปขณะที่เขาเห็นเงาบนพื้นทรายที่อยู่ตรงหน้า

มันเป็นเงาของหมาป่าทะเลทรายตัวที่สามที่กำลังกระโจนเข้ามาจากด้านหลัง

ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาไม่สามารถใช้งานวิญญาณดวงสุดท้ายและไม่มีมีเวลาหลบเลี่ยง

อย่างไรก็ตามประสบการณ์การต่อสู้ของฟางหยวนทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลที่สุด

แม้เขาจะไม่สามารถหลบได้อย่างสมบูรณ์แต่เขายังสามารถหลบหนีจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ฟางหยวนใช้ไหล่ข้างขวารับกรงเล็บที่แหลมคมของหมาป่าทะเลทรายตัวที่สาม

เศษเนื้อถูกฉีกกระชากออกไปแต่ฟางหยวนยังไม่หยุดวิ่ง

เขาวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง

ถึงเวลานี้หมาป่าทะเลทรายตัวแรกและตัวที่สองก็สามารถตั้งหลักและตามมาแล้ว

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฟางหยวนส่งพลังวิญญาณทั้งหมดให้กับวิญญาณควันไฟ

เดิมทีวิญญาณดวงนี้มักถูกใช้ในการรมควันอาหาร แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังสามารถใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ควันหนาทึบบดบังวิสัยทัศน์และการดมกลิ่นของหมาป่าทะเลทรายทั้งสาม ฟางหยวนฉวยโอกาสสร้างระยะห่างออกไป

แต่นี่เป็นเหมือนการต่อสู้ที่สิ้นหวัง

ในไม่ช้าหมาป่าทะเลทรายทั้งสามก็ทะลวงผ่านกลุ่มควันและไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง

‘ข้าจะล้มเหลวงั้นหรือ?’

‘ความยากลำบากนี้สูงเกินไป!’

ฟางหยวนรู้สึกหมดสิ้นความหวัง แต่ในจังหวะนี้โซ่สายฟ้ากลับพุ่งผ่านแก้มของฟางหยวนไปและโจมตีหมาป่าทะเลทรายทั้งสามในพริบตา

‘พวกพ้อง!’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขเมื่อตระหนักถึงบางคน

แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มมาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาหมดสติไปอีกครั้ง

ความมืดไม่ปรากฏขึ้น ขณะที่การค้นพบของฟางหยวนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ดวงวิญญาณของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เขาอยู่นอกอาณาจักรแห่งความฝัน!

กล่าวให้ถูกต้องมากขึ้นก็คือฉากแรกของอาณาจักรแห่งความฝันที่ปกคลุมดวงวิญญาณของฟางหยวนอยู่ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว

‘เป็นเช่นนี้ ข้าประสบความสำเร็จในการสำรวจฉากที่หนึ่งของอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์แล้ว!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

‘ยอดเยี่ยม! ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ทันที!’

ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก

แม้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาจะลดลงอย่างมาก แต่การเก็บเกี่ยวของเขาก็ไม่น้อย

มันคู่ควรกับการเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อย่างแท้จริง เพียงฉากแรก มันก็ทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ไปแล้ว

จะน่ากลัวเพียงใดหากเขาสำรวจต่อไป?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท