เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1509 สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งที่สาม

บทที่ 1509 สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งที่สาม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1509 สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งที่สาม

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนถอนหายใจ ในที่สุดจิตวิญญาณของเขาก็บรรลุถึงระดับหนึ่งร้อยล้านหลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างมาก

“ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะจิตวิญญาณอันดับหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”

“แต่…มันยังเป็นเพียงหนึ่งร้อยล้าน ข้ายังต้องบ่มเพาะต่อไปในระดับสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน สี่ร้อยล้าน…จนถึงเก้าร้อยล้าน”

หลังจากเก้าร้อยล้านไม่ใช่หนึ่งพันล้านแต่มันจะก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย หลังจากบรรลุสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย ดวงวิญญาณของฟางหยวนจะเทียบเท่ากับสัตว์อสูรเดียวดาย

แม้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวนจะสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายได้อย่างง่ายดาย แต่ความสามารถในการต่อสู้กับพวกมันด้วยดวงวิญญาณเพียงลำพังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

ท้ายที่สุดแล้วดวงวิญญาณของมนุษย์ก็อ่อนแอกว่าสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ความสามารถใช้การชดเชยข้อเสียเปรียบนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณได้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนไม่ได้ออกจากทะเลทรายผีเขียวแต่ยังจับอสูรวิญญาณต่อไป

เขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเองแต่สามารถสั่งให้กองทัพอสูรวิญญาณต่อสู้

หากเขาพบอสูรวิญญาณ เขาจะสั่งให้กองทัพอสูรวิญญาณโจมตีพวกมัน เขาจะเก็บแก่นแท้อสูรวิญญาณจากตัวที่เสียชีวิตและจะจับตัวที่ยังมีชีวิตเป็นทาส

นอกจากนี้ฟางหยวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งใดในการควบคุมอสูรวิญญาณนอกเหนือจากพลังจิตและพลังงานอมตะ กล่าวได้ว่ามันทำกำไรสูงมาก

เมื่อผู้อมตะทำสิ่งต่างๆ พวกเขาจะพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้และใช้ประโยชน์จากมันเสมอ

วิธีการล่าอสูรวิญญาณพึ่งพาความสามารถของเขาเท่านั้น

หลายสิบวันผ่านไป รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนก็บรรลุสู่ระดับสองร้อยล้าน

ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฟาง ผีเฒ่าไป่จุน หรือศัตรูคนอื่นๆก็ไม่มีผู้ใดปรากฏตัวออกมา

ฟางหยวนผ่านช่วงเวลานี้มาอย่างสงบสุข

เมื่อกล่าวถึงผีเฒ่าไป่จุน ฟางหยวนต้องการยึดครองวิญญาณอมตะระดับแปดของเขา แต่เมื่อใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่ออนุมาน เขาพบว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตอนนี้มีความเสึ่ยงสูงที่จะทำเรื่องนั้น

นอกจากนี้ยังมีตระกูลฟางที่อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เคลื่อนไหวแม้เขาจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของผีเฒ่าไป่จุนก็ตาม

‘จิตวิญญาณมนุษย์ระดับสองร้อยล้านควรจะเพียงพอสำหรับการสำรวจฉากที่สามของอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนต้องการกลับไป

เขาเก็บกองทัพอสูรวิญญาณไว้ในมิติช่องว่างและปกปิดร่องรอยของตนเองก่อนจะออกจากทะเลทรายผีเขียว

หลังจากรีบเร่งเดินทาง เขากลับมาถึงอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อีกครั้ง

ถังฟางหมิงเข้ามาต้อนรับ

สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพที่มีต่อฟางหยวน

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนจากไป เขามีความก้าวหน้าอย่างมากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเนื่องจากคำแนะนำของฟางหยวน

หลังจากทักทาย สมาชิกนิกายเงาก็เข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณขณะที่ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ทันที

สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป

โอเอซิสในทะเลทราย

ฟางหยวนอยู่ในตำแหน่งผู้สังเกตการณ์

“ที่นี่ เป็นที่แห่งนี้!” เสียงของชาเซี่ยวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในสองฉากก่อนหน้าเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ถูกเนรเทศออกจากเผ่า เขาได้พบชาเซี่ยว เขาหลอมรวมวิญญาณระดับสองและกลายเป็นผู้ชนะในการแข่งขันย่อย สุดท้ายก็ถูกนำตัวมาที่ทะเลสาบกลางโอเอซิสเพื่อรับวิญญาณเป็นรางวัล

ชาเซี่ยวจัดเตรียมวิธีการตรวจสอบไว้บนร่างของเด็กหนุ่มล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายได้จากสถานที่แห่งนี้

อย่างไรก็ตามหัวใจของเด็กหนุ่มกลับจมดิ่งลง ชาเซี่ยวสามารถเติมเต็มความปรารถนาของตน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการเห็น

“เร็วเข้า โยนแผนที่หนังแกะลงไปในทะเลสาบ!” ชาเซี่ยวออกคำสั่ง

เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย “ไม่ใช่ว่าเจ้านำแผนที่หนังแกะของข้าไปแล้วงั้นหรือ?”

ชาเซี่ยวหัวเราะ “ข้าเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว ข้าเย็บแผนที่หนังแกะไว้ในเสื้อของเจ้า หลายชายที่ดีของข้า เจ้าต้องโยนมันลงไปในทะเลสาบ!”

หัวใจของเด็กหนุ่มจมดิ่งลง เขาคิด ‘ชาเซี่ยวผู้นี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมวางแผน เขาให้ข้าโยนแผนที่หนังแกะลงไปในทะเลสาบ แต่การทำเช่นนั้นคือการก่ออาชญากรรมมิใช่หรือ? แม้เผ่าเคยเนรเทศข้า แต่พวกเขาก็เลี้ยงดูข้ามาหลายปี ข้าไม่สามารถตอบแทนความเมตตาด้วยการก่ออาชญากรรมเช่นนี้!’

“เร็วเข้า หลายชาย โยนเสื้อของเจ้าลงไปในทะเลสาบ!” ชาเซี่ยวตะโกน “อย่าลืมว่าข้าสามารถทำให้เจ้าตายอย่างทุกข์ทรมาน!”

รูม่านตาของเด็กหนุ่มหดเล็กลงเมื่อเขาถูกคุกคามด้วยความตาย

เขาคิดถึงครอบครัวและการกลับบ้านด้วยความลังเลใจ

หากเขาไม่ปฏิบัติตามคำกล่าวของชาเซี่ยว เขาจะตายจริงๆ ความปรารถนาที่จะกลับบ้านพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง

‘ข้าจะละทิ้งศีลธรรมเพื่อกลับบ้านงั้นหรือ? ไม่ ข้าทำไม่ได้ ชาเซี่ยวอาจแข็งแกร่ง แต่ข้ายังมีความหวัง ข้าจะต่อสู้จนถึงที่สุดและจะไม่ก้มศีรษะให้กับความชั่วร้าย! ข้าจะไม่ทำให้ชื่อของเบนเจสันต้องแปดเปื้อน!”

ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น

“ท่านปู่ เวลานี้อาจไม่เหมาะ ข้ายังไม่ได้เลือกวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลกำลังสังเกตข้าจากด้านข้าง หากข้ารีบร้อนโยนเสื้อลงไปในทะเลสาบ มันจะถูกผู้คุมสกัดกั้นก่อนที่มันจะสัมผัสผิวน้ำ หลังจากทั้งหมดทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเผ่า”

ชาเซี่ยวตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าใจร้อนเกินไปจริงๆ เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้าต้องหาโอกาส ในจังหวะที่ไม่มีผู้ใดเห็น จงทำงานนี้ให้สำเร็จ หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าต้องตาย หากเจ้าทำสำเร็จ ฮ่าฮ่า ท่านปู่จะมอบผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงให้เจ้า!”

ชาเซี่ยวทั้งข่มขู่และล่อลวง แต่มันไม่สามารถทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มสั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย

ผู้ใช้วิญญาณนำเด็กหนุ่มไปที่ถ้ำใต้ทะเลทราย “เจ้าเป็นผู้ชนะการแข่งขัน จงเลือกวิญญาณที่เจ้าต้องการ จำไว้เจ้ามีเวลาเพียงสิบห้านาที”

เด็กหนุ่มขอบคุณพวกเขาและเดินเข้าไปในถ้ำ

ผนังถ้ำมีรูสี่เหลี่ยมจำนวนนับไม่ถ้วน ภายในรูเหล่านี้มีวิญญาณระดับหนึ่งนอนอยู่

เด็กหนุ่มอุทานในใจ ‘แม้ข้าจะเคยได้ยินว่ามีวิญญาณนับไม่ถ้วนอยู่บนโลกใบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยเห็นวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก!’

‘หือ? มีประตูอยู่ที่นั่นด้วยงั้นหรือ?’

เด็กหนุ่มผลักเปิดประตูบางเล็กๆและเข้าไปด้านใน

ด้านหลังประตูเป็นถ้ำที่มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของถ้ำก่อนหน้า มีรูสี่เหลี่ยมที่คล้ายกันอยู่บนผนัง แต่วิญญาณที่นอนอยู่ภายในเป็นวิญญาณระดับสอง

เด็กหนุ่มถอนหายใจขณะมองวิญญาณเหล่านั้น ‘โอ้ ไม่มีผู้ใดแนะนำข้า ข้าไม่รู้ว่าวิญญาณดวงใดดีกว่าและเหมาะสมกับข้า นอกจากนี้ปีศาจชาเซี่ยวก็กำลังวางแผนการใหญ่ ข้าควรขอความช่วยเหลือจากเผ่าหรือไม่?’

เด็กหนุ่มส่ายศีรษะซ้ำๆด้วยความกังวล

ชาเซี่ยวมีวิธีตรวจสอบ หากเด็กหนุ่มเปิดเผยความลับ ชาเซี่ยจะฆ่าเขาทันที

‘หือ?’ ทันใดนั้นการแสดงออกของเด็กหนุ่มพลันก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

จากนั้นเขาก็เริ่มขยับแขนขาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับร่างกาย

‘ข้าเข้าควบคุมร่างของเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วน’ ฟางหยวนต้องรับผิดชอบการกระทำของเด็กหนุ่ม

‘ข้าต้องแก้ปัญหาให้เขาใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนคิด

‘ข้าจะจัดการชาเซี่ยวอย่างไร? จากการคาดเดาของข้า อย่างน้อยปีศาจเฒ่าผู้นี้ก็เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเช่นกัน’ ฟางหยวนสำรวจสภาพแวดล้อม ‘ดูเหมือนความสำเร็จของข้าจะขึ้นอยู่กับวิญญาณเหล่านี้’

เด็กหนุ่มไม่รู้จักวิญญาณเหล่านั้น แต่ฟางหยวนเต็มไปด้วยประสบการณ์และความรู้ เขารู้จักวิญญาณเกือบทั้งหมด แม้จะมีบางดวงที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้ผ่านการตรวจสอบบางอย่าง

‘นอกจากนี้แม้ชาเซี่ยวจะมีวิธีตรวจสอบ แต่พวกมันหยุดทำงานไปแล้วหลังจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์เข้ามาในถ้ำใต้ทะเลสาบ’

‘ดูเหมือนวิธีของชาเซี่ยวจะไม่สามารถทำลายการป้องกันของถ้ำแห่งนี้’

ถ้ำใต้ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา มันเป็นสถานที่เก็บวิญญาณของเผ่า หากสามารถตรวจสอบได้โดยง่าย มันจะดึงดูดศัตรูเข้ามาและทำให้เผ่าประสบความสูญเสียร้ายแรง

‘ชาเซี่ยวไม่รู้ว่าข้ากำลังทำสิ่งใด ดังนั้นเขาจึงเร่งเร้าให้เทพปีศาจปล้นสวรรค์รีบจัดการธุระของเขาให้เรียบร้อย’

‘ตราบเท่าที่ข้าสามารถล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับวิธีตรวจสอบของเขา ข้าจะสามารถจัดการมันได้’

ฟางหยวนวิเคราะห์อยู่ในใจ

การทดสอบแรกของฉากที่สามถือว่าไม่ยากเกินไป

แม้เขาจะล้มเหลว เขาก็สามารถทดลองอีกครั้ง

อย่างมากที่สุดจิตวิญญาณของเขาก็จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

ตอนนี้รากฐานของเขาบรรลุระดับจิตวิญญาณมนุษย์สองร้อยล้านแล้ว เขามั่นใจว่าสามารถแบกรับอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณโดยไม่ตายทันที

‘แต่!’

‘หากข้าเดินไปตามเส้นทางของอาณาจักรแห่งความฝัน มันอาจปลอดภัย แต่มันก็เท่านั่น’

ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจ เขาต้องการทดสอบอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท