เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1528 อาภรณ์ภูตผี
แปลโดย iPAT
ฟางตี้เฉิงตะลึง!
ฟางหยวนอยู่ในอัตลักษณ์ของซวนปู้จิน เขาป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
แต่ฟางตี้เฉิงยังตอบด้วยรอยยิ้มสดใส “หากสหายต้องการสิ่งใดตอบแทน โปรดกล่าว”
เขาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ไม่ว่าฟางหยวนจะมีแผนการใด เขาก็ต้องทดลอง และคำกล่าวของฟางหยวนก็ชัดเจนว่าเขาต้องการค่าตอบแทน
ฟางหยวนยิ้ม “นี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วน เราไม่ควรเสียเวลาพูดคุย แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด หากข้าช่วยให้พวกเจ้าได้รับมัน ค่าตอบแทนย่อมต้องเหมาะสมกับผลงานของข้า”
ฟางตี้เฉิงไม่ลังเล เขาป้องหมัดคำนับและกล่าวอย่างจริงจัง “สหาย ข้าขอรับประกันด้วยชื่อเสียงของข้าว่าตระกูลฟางจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสม!”
“เอาล่ะ เราจะทำข้อตกลงกัน” ฟางหยวนกล่าวและทำข้อตกลงกับตระกูลฟางอย่างรวดเร็ว
“โปรดเปิดทางออกอู่เรือพิพากษา ข้าจะออกไป” ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง
ฟางตี้เฉิงรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าฟางหยวนพบจุดอ่อนบางอย่างเพราะเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะลงมือด้วยตนเอง
การออกไปนอกคฤหาสน์วิญญาณอมตะหมายถึงอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะระดับแปดสามคนกำลังต่อสู้กันอยู่ มีความเสี่ยงสูงมากหากผู้อมตะระดับเจ็ดเข้าไปพัวพัน
ฟางตี้เฉิงลังเล “ข้างนอกไม่ปลอดภัย เหตุใดไม่ใช้นักรบบุปผาวายุเพื่อใช้วิธีการของเจ้า?”
ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าต้องทำมันด้วยตัวเอง อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำลายผลประโยชน์ของตระกูลฟาง”
ฟางตี้เฉิงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงพันธมิตรก่อนหน้านี้หรือข้อตกลงใหม่ มีกฎที่กล่าวถึงมันอย่างชัดเจน
เมื่อฟางหยวนทำบางสิ่งที่ขัดแย้งต่อผลประโยชน์ของตระกูลฟาง มันจะเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับ
แต่เนื่องจากฟางหยวนกล่าวเช่นนี้ ฟางตี้เฉิงก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
ฟางหยวนบินเข้าสู่เขาวงกตดอกท้อ
ฟางตี้เฉิงเฝ้ามองฟางหยวน เขาอยากรู้ว่าฟางหยวนจะใช้วิธีใดเพื่อช่วยตระกูลฟาง
ในเวลาต่อมาดวงตาของฟางตี้เฉิงก็เบิกกว้างขึ้น
ฟางหยวนพุ่งเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“เขาต้องการตายงั้นหรือ?” ผู้อมตะตระกูลฟางคิดได้เพียงเท่านี้
แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว
ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี!
เขากระตุ้นใช้อาภรณ์วิญญาณและผนึกภูตผีพร้อมกัน นั่นทำให้กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนแปลงไป
‘คนผู้นี้มาทำสิ่งใดที่นี่?’ ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายเย็นเยียบ
‘ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้ทางแห่งปัญญา?’ ฟางกงจำฟางหยวนได้แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงมาที่นี่
ทั้งสองฝ่ายระวังตัวแต่ยังไม่ได้โจมตี
ฟางกงได้รับรายงานจากฟางตี้เฉิงขณะที่เฉินอี้ตัดสินใจสังเกตการณ์ หากเขาโจมตีฟางหยวน ฟางกงอาจฉวยโอกาสโจมตีเขา
ฟางหยวนเข้าสู่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่ตัวตนระดับแปดทั้งสามยังให้สนใจการต่อสู้ของพวกเขามากกว่า
เฉินอี้ไม่ได้โจมตี นั่นทำให้ฟางหยวนสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเพิ่มความเร็วและบินไปทางชิงโจว
“หือ?” เมื่อเห็นการกระทำของฟางหยวน การเคลื่อนไหวของเฉินอี้และฟางกงก็เริ่มช้าลง
“เขาพยายามทำสิ่งใด?” ผู้อมตะตระกูลฟางจ้องมองฟางหยวน
“ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญากำลังเข้าไปหากอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน นี่…” เมื่อเห็นการกระทำของฟางหยวน ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกพูดไม่ออก
ชิงโจวคำราม
มันกระโจนเข้าหาฟางกง
มันคำรามอีกครั้ง
มันกระโจนเข้าหาเฉินอี้
ฟางหยวนบินเข้าไปหามันโดยตรงแต่มันกลับเพิกเฉยต่อเขาอย่างสมบูรณ์ราวกับมันไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของเขา
นี่เป็นผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผี
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีเพราะเขาไม่มีท่าไม้ตายที่สามารถจับคู่กับมัน ก่อนหน้านี้ชิงโจวสามารถตรวจจับฟางหยวนเพราะเขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายในการต่อสู้และเปิดเผยตัวตนของตนเองออกมา
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
หลังจากกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขาสามารถทำความเข้าใจผนึกภูตผีและสามารถใช้ประโยชน์จากมัน
อาภรณ์ภูตผีเป็นผลลัพธ์จากการอนุมานของเขา
ตอนนี้เขารวมท่าไม้ตายอาภรณ์วิญญาณเข้ากับผนึกภูตผี ทั้งสองไม่แยกจากกันและไม่ขัดแย้งกันอีกต่อไป นี่ทำให้ชิงโจวไม่สามารถตรวจจับการคงอยู่ของเขา
เมื่อเห็นฟางหยวนยืนอยู่บนกระดองเต่าของชิงโจว ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะตระกูลฟางหรือสองผู้อมตะระดับแปด ทุกคนต่างตกตะลึง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เขาเข้าประชิดตัวชิงโจวได้อย่างไร?”
“ชิงโจวเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน มันมีสติปัญญาและสามารถบ่มเพาะ!”
ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
แต่สิ่งที่ฟางหยวนทำต่อไปแทบจะทำให้ดวงตาของพวกเขาหลุดออกมาจากเบ้า
ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!
ฟางหยวนยืนอยู่บนแผ่นหลังของชิงโจวและคว้ามันด้วยแขนขวา
เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขากลับกล้ายั่วยุตัวตนระดับแปด ผู้อมตะตระกูลฟางหลายคนมีสองความคิด
ความคิดแรกคือคนผู้นี้พยายามฆ่าตัวตายงั้นหรือ?
ความคิดที่สองคือแม้เขาจะหุนหันพลันแล่นแต่ความกล้าหาญของเขาก็น่ายกย่อง!
ชิงโจวคำราม
มันกระโจนเข้าหาฟางกง
ฟางกง “อีกแล้วงั้นหรือ?”
ชิงโจวคำราม
มันโจมตีเฉินอี้
เฉินอี้ “เจ้าโง่ มีคนอยู่ข้างหลังเจ้า!”
เฉินอี้รู้สึกผิดปกติ ตั้งแต่ฟางหยวนปรากฏตัว ทุกอย่างก็ดูแปลกประหลาด ดังนั้นเขาจึงตะโกนเตือนชิงโจว
ชิงโจวต้องการหันหลังกลับแต่มือปีศาจปล้นวิญญาณของฟางหยวนได้ทะลวงเข้าไปในร่างของมันแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้ชิงโจวจะหันหลังกลับ มันก็ยังไม่พบการคงอยู่ของฟางหยวน
ในไม่ช้ามันก็คำรามและพุ่งเข้าโจมตีเฉินอี้ด้วยความโกรธที่ถูกหลอก
เฉินอี้ตะโกนด้วยความโกรธเช่นกัน “เจ้าโง่ หยุด!”
ฟางกงคิด ‘ซวนปู้จินผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก เขาอยู่ที่นั่นแต่ชิงโจวกลับไม่พบเขา เขาใช้วิธีใด? ตอนนี้เขาอยู่บนแผ่นหลังของชิงโจว เป้าหมายของเขาย่อมไม่ง่าย เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่?’
ในเวลาต่อมาคำถามของฟางกงก็ได้รับคำตอบ
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเมื่อเขาดึงมือปีศาจปล้นวิญญาณออกมาจากร่างของชิงโจว
มือปีศาจปล้นวิญญาณราวกับจับบางสิ่งเอาไว้
‘ข้าทำได้แล้ว!’ ฟางหยวนมีความสุขมาก เขาเก็บมือปีศาจปล้นวิญญาณเข้าไปในมิติช่องว่างของตนเองอย่างรวดเร็ว
ร่างของชิงโจวสั่นสะท้านขึ้น กระดองเต่าของมันเริ่มแตกออก
ชิงโจวเป็นอสูรวิญญาณ มันไม่สามารถพ่นเลือดออกมา แต่ฉากนี้แสดงให้เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัส!
โกรธ! โกรธมาก!
ชิงโจวยกศีรษะขึ้นคำราม
เสียงคำรามของมันทำให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เริ่มสั่นสะเทือน
‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ซวนปู้จินทำสิ่งใด?’
‘เจ้านั่นดูเหมือนจะนำบางอย่างไปจากมัน!’
ฟางกงและเฉินอี้เต็มไปด้วยความสงสัย
เฉินอี้ต้องการโจมตีฟางหยวนแต่ถูกปิดกั้นโดยฟางกง
“บึม!”
ในเวลาต่อมาชิงโจวก็ล้มลง
ฟางกงและเฉินอี้หลบออกไปอย่างรวดเร็ว
ชิงโจวคำราม “ผู้ใด? หนึ่งในพวกเจ้าสองคนขโมยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณของข้าไป!”
“อันใด!?” เมื่อได้ยินคำกล่าวของชิงโจว ผู้อมตะทั้งหมดต่างประหลาดใจ
‘แท้จริงแล้วเขามีวิธีขโมยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด! ไม่แปลกใจเลยที่เขาเลือกวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้ เขามีวิธีนี้อยู่จริงๆ!’ ดวงตาของฟางตี้เฉิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ
‘คนผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาซ่อนตัวเองอย่างมิดชิด เขาสามารถขโมยวิญญาณอมตะไปจากชิงโจวโดยตรงและมันยังเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด!’ เรื่องนี้ทำให้เฉินอี้นึกถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เทพปีศาจปล้นสวรรค์
‘คนผู้นี้ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?’ เฉินอี้คิดก่อนตะโกน “เจ้าโง่ ชิงโจว ข้าเตือนเจ้าแล้วว่ามีบางคนอยู่ข้างหลังเจ้า เราไม่ได้ขโมยมัน คนผู้นั้นอยู่ที่ประตู!”
ชิงโจวหันไปมองฟางหยวนที่กำลังบินออกจากวังแต่มันก็ไม่เห็นผู้ใด
ชิงโจวใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ แต่มันก็ยังไม่พบฟางหยวน
ชิงโจวโกรธมากและคำรามไปที่เฉินอี้ “เจ้าคนขลาด ข้ามั่นใจว่าเจ้าคือหัวขโมยผู้นั้น!”
“เจ้าโง่!” เฉินอี้โกรธมากและเริ่มโจมตี
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้น ก่อนหน้านี้สามฝ่ายติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน แต่หลังจากชิงโจวสูญเสียวิญญาณอมตะระดับแปด มันกลายเป็นบ้าและไม่สามารถระงับความโกรธ
ฟางกงรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจไม่เป็นผลดีต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เขาเริ่มเกลี้ยกล่อมทั้งสองแต่มันไร้ประโยชน์ เฉินอี้ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความโกรธของชิงโจวเพียงลำพัง ดังนั้นเขาจึงบินเข้าไปหาฟางกงและเริ่มการต่อสู้สามทาง
สุดท้ายทั้งสามก็ต่อสู้กันอย่างไม่ยั้งมือ ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งานอย่างต่อเนื่อง