เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ

บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ

แปลโดย iPAT

“สมกับเป็นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับกองกำลังใหญ่ของทั้งห้าภูมิภาคเป็นอย่างดีจากข้อมูลของนิกายเงา

ทุกกองกำลังล้วนมีมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ตัวอย่างเช่นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กที่กระทั่งนิกายเงายังต้องการ

นิกายเงาไม่ประสบความสำเร็จในการรับมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กแต่พวกเขายังได้รับข้อมูลบางส่วน ผู้สืบทอดมรดกนี้ต้องมีหัวใจแห่งความยุติธรรม พวกเขาจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นในการรักษาความยุติธรรมและลงโทษผู้กระทำความผิด

ไม่เพียงเท่านั้นแต่ฟางหยวนยังจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะไท่เมี่ยนเฉินผู้นี้ยังมีผลงานที่โดดเด่น เขาแสดงความแข็งแกร่งบนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดออกมา แต่ในปัจจุบันเขายังห่างไกลจากจากจุดดังกล่าว

ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานอย่างต่อเนื่องเพื่อคิดวิธีตอบโต้ปราณทรายเหล็ก

สุดท้ายฟางหยวนก็เลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

“โฮก…”

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและออกอาละวาด

“อันใด?” ใบหน้าของไท่เมี่ยนเฉินปรากฏให้เห็นถึงความตกใจ

ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ปราณทรายเหล็กอย่างเต็มความสามารถ

แต่ในเวลาน้อยกว่าสองลมหายใจปราณทรายเหล็กก็ถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์โดยมังกรดาบบรรพกาล

ไท่เมี่ยนเฉินกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาต้องการหลบหนีแต่เขาจะไปที่ใดได้?

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปิดล้อมเขา

“ท่านไท่เมี่ยนเฉิน!” ไท่รั่วหนานกรีดร้อง

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาลทำให้ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ

หลังจากไม่นานร่างเล็กก็บินออกมาจากฝูงมังกร มันคือไท่เมี่ยนเฉิน

เขาอ่อนแอมาก ร่างยักษ์เหล็กของเขาพังทลายลงแล้ว แต่เขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้วที่สามารถหลบหนีจากฝูงมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาล

‘ทรงพลังนัก!’ ไท่เมี่ยนเฉินที่แสดงออกด้วยท่าทางเคร่งขรึมมาตลอดกลับเผยความตกใจออกมาในเวลานี้

เขาต้องการสะสมพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะปราณทรายเหล็กแต่ฟางหยวนกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด โดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด หากเป็นไท่เมี่ยนเฉินในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาจะสามารถต่อต้านการโจมตีนี้ แต่สำหรับตอนนี้เขายังห่างไกลอยู่อีกมาก

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสามารถตัดสินผลแพ้ชนะ ตอนนี้พลังโจมตีของไท่เมี่ยนเฉินยังด้อยกว่าฟางหยวนขณะที่การป้องกันของเขาแพ้ฟางหยวนอย่างสมบูรณ์

ไท่เมี่ยนเฉินทำได้เพียงล่าถอยและหลบหนี

เขาเร็วมาก กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลก็ยังไล่ตามไม่ทัน

ฟางหยวนไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เขาไม่สามารถกักขังคนเหล่านี้

‘กระทั่งข้าจะต้องการใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ข้าก็ยังไม่สามารถใช้งานมันได้ทันที เนื่องจากพลังการต่อสู้ระดับแปดของข้าอยู่ที่การป้องกัน วันนี้คงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะฆ่าไท่เมี่ยนเฉิน’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ

ไท่เมี่ยนเฉินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ฟางหยวนไม่ต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเขา สิ่งสำคัญก็คือไท่เมี่ยนเฉินเป็นคนสำคัญของภาคใต้ในการต่อต้านวังสวรรค์

‘สำหรับผู้อมตะระดับหกทั้งสอง’ ฟางหยวนไม่ขยับแต่ชำเลืองมอง

เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาถูกมังกรดาบบรรพกาลปิดล้อม พวกเขาไม่มีทางรอด

แม้พวกเขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่พวกเขาสามารถยืนหยัดมาถึงจุดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเป็นตัวตนระดับสูงของแต่ละกองกำลัง

“บึม บึม!”

ด้วยเสียงระเบิดสองสาย เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาไม่สามารถอดทนต่อการโจมตีได้อีกต่อไป ร่างกายของพวกเขาถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยหมื่นมังกร สำหรับจิตวิญญาณของพวกเขา แม้พวกเขาจะต้องการระเบิดตัวเอง แต่ฟางหยวนเป็นผู้ใด เขาจะปล่อยให้คนทั้งสองทำเช่นนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาจับดวงวิญญาณของทั้งสองเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

“ฟางหยวนฆ่าพวกเราหากมีความกล้า!”

“ปีศาจชั่ว เจ้ากำลังรุกรานสามกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย ในไม่ช้าเจ้าจะเสียใจกับการกระทำของเจ้า!”

ดวงวิญญาณทั้งสองกรีดร้อง

ฟางหยวนก็ปิดผนึกดวงวิญญาณและเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฟางหยวนที่จะสังหารผู้อมตะระดับหก

อีกด้านหนึ่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดยังพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน แม้มันจะถูกมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมากโจมตีแต่มันกลับเพิกเฉยต่อการโจมตีทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง

ฟางหยวนสามารถมองเห็นความกระหายเลือดในดวงตาของมัน มันสูญเสียความสามารถในการรับรู้ไปแล้ว ฟางหยวนตระหนักว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบางคน มิฉะนั้นมันจะไม่กล้าโจมตีเขาเช่นนี้

ท้ายที่สุดไม่เพียงฟางหยวนจะสะกดข่มมันเป็นทาสแต่เขายังฟักมันออกมาจากไข่และเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่ถือกำเนิด

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและปล่อยให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้ามาหา เขาเพียงบินขึ้นลงและปล่อยให้มันไล่ล่าเขาเท่านั้น

“ปัง!”

ปีกของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดปะทะแผ่นหลังของฟางหยวนแต่ภายใต้พลังอำนาจของเกราะหวนคืน พลังโจมตีของมันถูกสะท้อนกลับทั้งหมด

ปีกขวาของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหัก มันร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า แต่ฝูงมังกรดาบบรรพกาลยังบังคับให้มันบินกลับขึ้นไปและโจมตีมันอย่างไม่รู้จบสิ้น

ฟางหยวนสังเกตเห็นความผิดปกติของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทันทีตั้งแต่เขามาถึง

เนื่องจากเย่ฟานสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจจับเขาเป็นอันดับแรก

เปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าจัดการได้ง่ายกว่ามาก

เย่ฟาน ไท่รั่วหนาน และคนอื่นๆเฝ้ามองฟางหยวนที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ด้วยร่างกายที่แข็งค้าง พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน

“ไม่!” เย่ฟานกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาต้องการอธิบายตัวเองแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้มากกว่านี้

ในความคิดเห็นของฟางหยวน คำอธิบายใดก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการค้นวิญญาณ

‘ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ? ข้าเสียใจที่ไม่สามารถรักษาความยุติธรรม!’ ไท่รั่วหนานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉินซินซื่อเป็นคนเดียวที่ยังสงบนิ่ง ดวงตาของนางสั่นไหวด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง ‘ท่านช่วยข้าในคราวนั้น ท่านเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าได้รับอิทธิพลในตระกูลเฉิงและเดินมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นต่อให้ข้าต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน ข้าก็…พอใจแล้ว…’

แต่ในจังหวะนี้บางสิ่งกลับปรากฏขึ้น

ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นฉากที่พร่าเลือน

‘ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!’ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ฟางหยวนก็ตอบสนองได้รวดเร็วเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเขายังติดอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ

ผู้อมตะระดับแปดปรากฏตัวต่อหน้าฟางหยวนและปกป้องผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ข้างหลังเขา

“ท่านอาจารย์!” เมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่ฟานตะโกนด้วยความตื่นเต้น

“เจ้าคือผู้ใด?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา

“ข้าชื่อลั่วเว่ยหยิน โอ้ ฟางหยวน สิ่งมีชีวิตต่างใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้ว เหตุใดพวกเราต้องเข่นฆ่ากัน? เหตุใดเจ้าไม่หยุดอยู่ตรงนี้?” ผู้อมตะลึกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท