เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1547 ไร้ความหวัง

บทที่ 1547 ไร้ความหวัง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1547 ไร้ความหวัง

แปลโดย iPAT

“เปลี่ยนร่าง!” ท่ามกลางลมมรณะ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ด้วยท่าไม้ตายนี้ ร่างของยักษ์สวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ยักษ์ร่างมนุษย์ขยายใหญ่และกลายเป็นต้นไม้ขนาดมหึมาที่มีลำต้นสีขาว กิ่งก้านและใบจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีเส้นสายสีเงิน เมื่อใบไม้กระทบกัน มันปลดปล่อยเสียงอันแหลมคมออกมา

กิ่งก้านและใบเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเผชิญหน้ากับลมมรณะ

ลมมรณะที่อาละวาดไปทุกหนทุกแห่งถูกต้นไม้ใหญ่กีดขวางขณะที่ความเร็วในการเติบโตของมันลดลงครึ่งหนึ่ง

“นี่!?”

“ลมมรณะหยุดลงแล้ว!”

“ไม่น่าเชื่อ! รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช่างลึกล้ำนัก!”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เห็นสิ่งนี้และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“โอ้ นี่คือ…ต้นไม้แห่งความมั่งคงงั้นหรือ?” แสงสีแดงขาวพุ่งออกมาจากลมมรณะ มันก็คือฟงจิวเก้อ

แม้เขาจะสามารถเรียกลมมรณะ แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นแล้ว เขาก็ต้องออกมาจากจุดศูนย์กลาง มิฉะนั้นเขาจะถูกทำลายล้างไปพร้อมกัน

ฟงจิวเก้ออยู่ไม่ไกลจากสนามรบ ขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการลมมรณะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรบกวนฟงจิวเก้อ

“นี่คือต้นไม้แห่งความมั่งคง ผู้ใดจะคิดว่ามันจะสามารถต่อต้านลมมรณะได้จริงๆ” ฟงจิวเก้อมองจากระยะไกลด้วยดวงตาส่องประกาย

ต้นไม้แห่งความมั่งคงเป็นพืชอสูรแรกกำเนิดในตำนาน มันมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ มันมีอยู่ตั้งแต่ก่อนที่มนุษย์คนแรกจะถือกำเนิด

ต้นไม้ต้นนี้มีวิญญาณอมตะป่าอยู่มากมาย ท่ามกลางพวกมันยังมีวิญญาณอมตะระดับแปดอยู่หลายดวง เมื่อเทพอมตะบัวสวรรค์ยังเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาเดินทางไปยังทะเลตะวันออกและเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อโลกทั้งใบ เทพอมตะบัวสวรรค์ไม่สามารถหยุดคลื่นยักษ์ดังกล่าวและต้องหยิบยืมวิญญาณอมตะสองดวงจากต้นไม้แห่งความมั่งคง

แต่พืชอสูรแรกกำเนิดในตำนานต้นนี้ปฏิเสธที่จะให้ยืมวิญญาณอมตะ เทพอมตะบัวสวรรค์โกรธมาก เขาต่อสู้กับมันและฆ่ามันเพื่อขโมยวิญญาณอมตะ สุดท้ายจึงสามารถหยุดคลื่นยักษ์ได้ในที่สุด

แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะสามารถสังหารต้นไม้แห่งความมั่งคง แต่เขาก็รู้สึกยกย่องมันเป็นอย่างมาก หลังจากกลายเป็นเทพอมตะ เขายังต้องถอนหายใจกับเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาต้องกำจัดต้นไม้ต้นนี้เพราะมันสามารถต่อต้านลมมรณะ!

ฟางหยวนเป็นผู้กลับชาติมาเกิดและรู้จักเพลงลมมรณะของฟงจิวเก้อ ท่าไม้ตายนี้น่าตกใจเกินไป มันสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในสงครามห้าภูมิภาค ดังนั้นผู้อมตะจำนวนมากจึงต้องคิดค้นวิธีต่อต้านมัน

ในโลกนี้ไม่มีท่าไม้ตายใดที่ไม่สามารถต่อต้าน มีเพียงผู้คนที่ไม่สามารถก้าวผ่าน

แม้เพลงลมมรณะจะทรงพลัง แต่มันก็เป็นเพียงท่าไม้ตาย มันสามารถถูกตอบโต้

ในสงครามห้าภูมิภาค บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกพยายามค้นหาจุดอ่อนของมัน เขาขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นพลังอำนาจของต้นไม้แห่งความมั่งคงในสายธารแห่งกาลเวลา หลังจากนั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงสร้างท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคงขึ้นมา

ท่าไม้ตายนี้สามารถต่อต้านลมมรณะ!

ในเวลานั้นฟงจิวเก้อเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถบังคับให้ผู้อมตะระดับแปดหาวิธีตอบโต้ท่าไม้ตายของเขา นี่แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเพลงลมมรณะอย่างชัดเจน

ฟางหยวนจำเรื่องนี้ได้ เขาเตรียมตัวล่วงหน้าเกี่ยวกับการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของฟงจิวเก้อและด้วยแสงแห่งปัญญา เขาจึงสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคง

ท่าไม้ตายนี้เป็นฉบับที่เรียบง่ายที่สุด แต่เพลงลมมรณะของฟงจิวเก้อก็ยังไม่ใช่ท่าไม้ตายที่สมบูรณ์

ดังนั้นหลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงสามารถต้อต้านลมมรณะของฟงจิวเก้อ

“ไปจัดการฟงจิวเก้อ อย่าปล่อยให้เขาเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ หลังจากที่ข้ากำจัดลมมรณะ ข้าจะไปช่วยพวกเจ้าฆ่าเขา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคำสั่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามเผ่าพันธุ์

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตอบสนองโดยการใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะโจมตีฟงจิวเก้อ

หน้าผากของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อรักษาท่าไม้ตายนี้เอาไว้และรับมือกับลมมรณะ

เขาถอนหายใจและคิดกับตนเองด้วยความขมขื่น ‘ฟางหยวนสอนท่านี้ให้ข้า แต่ข้าพบว่ามันลำบากเกินไปและไม่ได้ฝึกฝนมันมากนัก ผู้ใดจะคิดว่าฟงจิวเก้อจะมีท่าไม้ตายเช่นนี้จริงๆ!’

การต่อสู้กับลมมรณะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาติดอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน

ท่าไม้ตายที่สามารถตอบโต้ลมมรณะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล มันใช้พลังงานอมตะจำนวนมากรวมถึงพลังจิตของผู้อมตะ

ในไม่ช้าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลายคนก็เริ่มหมดแรง

“อดทนไว้ เราต้องอดทน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนให้กำลังใจ

“นายท่าน เหตุใดเราไม่สละแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่ง?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนถาม

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถตัดส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไปและมันจะสามารถป้องกันลมมรณะ

เปรียบเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด พื้นที่ส่วนเล็กๆไม่ถือเป็นสิ่งใด

“ไม่!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธทันที เขานึกถึงคำกล่าวของฟางหยวนขณะอธิบาย “หากเราทำเช่นนั้นเราจะตกลงสู่หลุมพรางของพวกเขา การตัดส่วนหนึ่งออกไปหมายความว่าเราต้องเชื่อมต่อกับโลกภายนอก เราจะเปิดทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะทำให้ศัตรูสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้น!”

“หือ? จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายอมจ่ายราคามหาศาลเพื่อจัดการลมมรณะดีกว่าการสละส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?” ฟงจิวเก้อตระหนักถึงเรื่องนี้และรู้สึกประหลาดใจ

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำเช่นนั้น องค์ชายฟงเซี่ยนที่รออยู่ด้านนอกจะสังเกตเห็นและสามารถเป็นกำลังเสริม

ด้วยความช่วยเหลือจากองค์ชายฟงเซี่ยน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้อีก

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น แผนการของฟงจิวเก้อไม่ประสบความสำเร็จ

“เปรี้ยง!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่สายฟ้าฟาดลงมาที่ฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ราวกับควัน เขาหายตัวไปจากจุดนั้นทันที

เขามองท้องฟ้าและคิดอย่างรวดเร็ว ‘ยักษ์สวรรค์ติดอยู่ในลมมรณะ เหลือเพียงค่ายกลวิญญาณอมตะ มันจัดการได้ง่ายกว่า’

ท่าไม้ตายอมตะเพลงแยก!

ฟงจิวเก้อใช้เพลงแยกขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มแยกออกจากกัน

แม้เพลงแยกจะไม่มีพลังโจมตี แต่ผลกระทบของมันน่าเหลือเชื่อมาก มันสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณทุกชนิด

แต่โชคดีที่ฟางหยวนเป็นผู้ออกแบบมัน เขาได้พิจารณาและสร้างค่ายกลวิญญาณหลายชั้น

เพลงแยกของฟงจิวเก้อทำลายชั้นนอกสุดของค่ายกลวิญญาณขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ภายในยังปลอดภัย

ฟงจิวเก้อต้องใช้เพลงแยกอีกครั้งและสามารถแยกชั้นที่สอง

แต่ชั้นที่สามกลับปรากฏขึ้นหลังจากนั้น

“โอ้ ข้าอยากรู้ว่ามันมีกี่ชั้น!” ดวงตาของฟงจิวเก้อส่องประกายขึ้น เขาใช้เพลงแยกอย่างต่อเนื่อง หลังจากหกชั้น เขาก็หยุด

กระทั่งฟงจิวเก้อที่ทรงพลังยังอยากอาเจียนออกมาเป็นเลือดในเวลานี้

“มันมีกี่ชั้นกันแน่!?”

เพลงแยกกลืนกินพลังงานอมตะของเขาไปเป็นจำนวนมาก หลังจากใช้หลายครั้ง คลังเก็บพลังงานอมตะของฟงจิวเก้อก็เหลือไม่ถึงสามสิบส่วน

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือเพลงลมมรณะ

‘เพลงลมมรณะสามารถจับคู่กับเพลงแยก แต่มันเสี่ยงเกินไป…’ ฟงจิวเก้อส่ายศีรษะและปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไป

แม้มันจะทรงพลัง แต่มันก็มีความเสี่ยงสูง ฟงจิวเก้อไม่ค่อยได้ใช้มัน

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เขาต่อสู้กับองค์ชายฟงเซี่ยน เขาสามารถใช้มันเพราะไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก ความเสี่ยงในครั้งนั้นค่อนข้างต่ำ

แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ลมมรณะสลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว อีกไม่นานจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีเวลาจัดการเขา

‘มีเวลาน้อยเกินไป’ ฟงจิวเก้อถอนหายใจ

ยักษ์สวรรค์มีทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกัน กระทั่งลมมรณะก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ หากฟงจิวเก้อโจมตีต้นไม้แห่งความมั่งคงตอนนี้ มันจะเป็นเพียงเรื่องที่ไร้ประโยชน์

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแสดงความแข็งแกร่งอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ มันไกลเกินกว่าความคาดหวังของวังสวรรค์ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงเริ่มคิดถึงการล่าถอย

‘ก่อนจากไปข้ามีบางสิ่งที่ต้องทำ’

เขายิ้มขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบก่อนจะเคลื่อนที่ในพริบตาไปปรากฏตัวต่อหน้าฟางเจิ้ง!

“มากับข้า!” ก่อนที่ฟางเจิ้งจะสามารถตอบสนอง เขาก็ถูกฟงจิวเก้อส่งเข้าไปในมิติช่องว่างเรียบร้อยแล้ว

“และที่นี่ด้วย!” ฟงจิวเก้อบินไปยังภูเขาตงฮัน

“มา!” เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้ เขาเก็บภูเขาตงฮันไว้ในมิติช่องว่างของตน

“เมืองเมฆาเหล่านี้ล้วนเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ แต่มีชนชั้นสูงเผ่ามนุษย์ขนจำนวนมากอาศัยอยู่ พวกเขาล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดี พวกเขาทั้งหมดเป็นของข้า!” ต่อมาฟงจิวเก้อก็โจมตีและเก็บเมืองเมฆาเอาไว้

ในช่วงเวลาที่เขาทำสิ่งนี้ เขาถูกโจมตีด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่เนื่องจากมันสูญเสียไปหลายชั้น พลังอำนาจของมันจึงลดลงอย่างมาก

สำหรับยักษ์สวรรค์ มันติดอยู่ในลมมรณะ หากมันพยายามออกมา ลมมรณะจะแข็งแกร่งขึ้น การทำงานหนักทั้งหมดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะกลายเป็นสูญเปล่า

“กลิ่นอายนี้!?” ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะที่ทรงพลัง!

ในไม่ช้าเขาก็มาถึงด้านหน้าวิญญาณอมตะดวงนั้น รูม่านตาของเขาหดเล็กลงด้วยความตกใจ “หากข้าไม่เห็นมันกับตาของตนเองข้าจะไม่เชื่อ นี่คือวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท