เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1551 วิญญาณอายุยืนสี่พันปี

บทที่ 1551 วิญญาณอายุยืนสี่พันปี

ภูเขาตงฮันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจากภูเขาตงฮันเป็นสินค้าผูกขาด ตราบเท่าที่มีดวงวิญญาณมากพอ มันจะกลายเป็นเหมืองทองคำอันไร้จุดสิ้นสุด

ด้วยเหตุนี้มูลค่าของมันจึงมหาศาล จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องชดเชยค่าเสียหายให้ฟางหยวนสิบเท่าของมูลค่านี้

หากที่นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ทั่วไป มันอาจไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว แต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีความสามารถเพียงพอที่จะจ่ายราคานี้

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนสร้างข้อตกลงกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่พิจารณาถึงประเด็นนี้ได้อย่างไร?

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของห้าภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือถูกทำลาย มันอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ฟางหยวนไม่สงสัยเลยว่ามันสามารถจ่ายค่าเสียหายให้เขาได้อย่างเต็มที่

ฟางหยวนกล่าวถึงวิญญาณสติปัญญาเป็นอันดับแรก “ข้าจะย้ายวิญญาณสติปัญญามาไว้ในมิติช่องว่างของข้า ดังนั้นข้าต้องการวิธีย้ายมันเป็นค่าชดเชยอันดับแรก”

วิธีนี้อยู่ในมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา ฟางหยวนพยายามมาตลอดเพื่อให้ได้รับมันมา แต่กระทั่งทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนมรดกที่แท้จริงกัน เขาก็ยังไม่ได้รับมัน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บวิธีนี้ไว้ลึกมาก เขาไม่ใช่คนโง่ หากเขาแลกเปลี่ยนวิธีนี้กับฟางหยวน มันไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนจะสามารถนำวิญญาณสติปัญญาออกไปเช่นนั้นหรือ?

แม้วิญญาณสติปัญญาจะไม่รับคำสั่งและไม่ได้เป็นของนิกายหลางหยา แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็เป็นคนนำมันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไปทันที

ฟางหยวนกล่าวถึงเรื่องนี้โดยตรง มันเหมือนกับดาบที่แทงทะลุหัวใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับปาก

สิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาวางแผนมาตลอดคือการพยายามควบคุมวิญญาณสติปัญญาโดยการให้อาหารมันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะช่วยฟางหยวนเลี้ยงดูวิญญาณสติปัญญา

แต่น่าเสียดายที่จนถึงเวลานี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย แผนการของเขาไม่ประสบความสำเร็จ

เมื่อฟางหยวนร้องขอสิ่งนี้และเอ่ยอ้างกรรมสิทธิ์ ความพยายามทั้งหมดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงกลายเป็นสูญเปล่า

แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการ

แต่เขาไม่สามารถตอบโต้

ท้ายที่สุดแม้วิญญาณสติปัญญาจะเป็นวิญญาณป่าแต่มันก็ถูกนำมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างลังเล “นั่น…จะดีหรือ? แท้จริงแล้วหากพวกเราสามารถควบคุมวิญญาณสติปัญญา พวกเราจะสามารถใช้มันเป็นแกนกลางของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ไม่เพียงเราจะสามารถป้องกันตัวเอง แต่มันยังสามารถต่อต้านการอนุมานจากผู้คนทั้งโลก!”

ฟางหยวนยิ้ม “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง แผนการของท่านก็ดีแต่มันยากมากที่จะทำได้จริง ท่านมีความมั่นใจที่จะดำเนินการตามแผนการนี้ได้ในเร็ววันนี้หรือไม่?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเงียบ

ฟางหยวนกล่าวต่อ “สถานการณ์ปัจจุบันอันตรายมาก มันเป็นเรื่องยากที่ท่านจะปกป้องวิญญาณสติปัญญา ฟงจิวเก้อค้นพบมันแล้วซึ่งหมายความว่าวังสวรรค์จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาย่อมไม่เต็มใจที่จะปล่อยมันไป เมื่อพวกเขาบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้ง เราจะทำอย่างไรหากพวกเขาคว้าวิญญาณสติปัญญาไป”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจลึก

สิ่งที่ฟางหยวนกล่าวคือความจริง คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นเพียงจินตนาการในขณะที่วังสวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ซ่อนวิญญาณสติปัญญาไว้อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดเพราะวิธีการตรวจสอบของฟงจิวเก้อทรงพลังเกินไป

วิญญาณสติปัญญาเคยเป็นวิญญาณหลักของเทพอมตะกลุ่มดาว ตอนนี้มันถูกค้นพบแล้วและแน่นอนว่าวังสวรรค์จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ การโจมตีครั้งต่อไปของพวกเขาจะรุนแรงและอันตรายมากขึ้น

ฟางหยวนกล่าวถูกต้อง แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เต็มใจที่จะล้มเลิกแผนการของเขา

ฟางหยวนกล่าวเสริม “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นความคิดที่ดีแต่มันก็มีข้อเสีย หากเราทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากลายเป็นสถานที่สงบสุข แล้วผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองงั้นหรือ? พวกเราต้องการนำเผ่ามนุษย์ขนขึ้นสู่จุดสูงสุด หากพวกเราอนุญาตให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอาศัยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาจะไม่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตลอดไปงั้นหรือ?”

“หือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะลึง คำกล่าวของฟางหยวนสมเหตุสมผล

ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยอันตรายใดๆ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวปกป้องผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากเกินไปและทำให้พวกเขาแทบไม่มีพลังการต่อสู้ เมื่อนิกายเงาบุกเข้าโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกเขาเกือบพ่ายแพ้

พวกเขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสูดหายใจลึกและหยักหน้า “ฟางหยวน ข้าจะยอมรับคำขอของเจ้า ข้าจะมอบวิธีทั้งหมดให้เจ้า จากค่าชดเชยภูเขาตงฮันสิบส่วน นี่เท่ากับหนึ่งส่วนของมัน”

“ตกลง” ฟางหยวนไม่สงสัยคำกล่าวของจิตวิญาณแผ่นดินหลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินไม่สามารถโกหก

“ต่อไปข้าต้องการวิญญาณอายุยืน” ฟางหยวนกล่าวคำขอที่สอง

หากเขาเก็บวิญญาณสติปัญญาไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องแบกรับภาระเรื่องอาหารของมัน ฟางหยวนมีวิญญาณอายุยืนในคลังสมบัติของเขา แต่มันไม่ปลอดภัยที่จะพึ่งพาเพียงสิ่งที่เขามีอยู่

“ตกลง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นด้วยกับคำขอนี้อย่างมีความสุข

เขาเป็นจิตวิญญาณแผ่นดิน เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปตราบเท่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังดำรงอยู่ ดังนั้นวิญญาณอายุยืนจึงไม่มีประโยชน์กับเขา

แน่นอนว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต้องใช้มันในการยืดอายุขัย อย่างไรก็ตามมนุษย์ขนมีอายุขัยมากกว่ามนุษย์ค่อนข้างมาก นอกจากนั้นการให้อาหารวิญญาณสติปัญญาก็มีความสำคัญมากกว่าการยืดอายุขัยของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอย่างเห็นได้ชัด

ฟางหยวนใช้ค่าชดเชยอีกส่วนหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอายุยืนจำนวนมาก

บรรพชนผมยาวเป็นบุคคลเมื่อสามแสนปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดังนั้นคลังสมบัติของมันจึงเต็มไปด้วยวิญญาณอายุยืน

แม้ฟางหยวนจะนำวิญญาณอายุยืนส่วนใหญ่ไป แต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังเหลือวิญญาณอายุยืนอีกมาก!

ฟางหยวนคำนวนว่าหากเขาใช้วิญญาณอายุยืนทั้งหมดกับตัวเขาเอง เขาจะสามารถยืดอายุของเขาได้มากกว่าสี่พันปี!

กระทั่งเทพปีศาจบัวแดงก็มีชีวิตอยู่เพียงสามพันปีเท่านั้น

นี่หมายความว่าหากฟางหยวนใช้วิญญาณอายุยืนเหล่านี้ เขาจะมีอายุยืนกว่าเทพปีศาจบัวแดง! แน่นอนว่ามันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเขาต้องไม่ถูกฆ่าตายในช่วงเวลานี้

วิญญาณอายุยืนเหล่านี้สามารถแก้ปัญญาเรื่องอาหารของวิญญาณสติปัญญาได้เป็นเวลานาน

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมด เทพปีศาจบัวแดงมีอายุขัยสั้นที่สุด เทพปีศาจไร้ขอบเขตและเทพปีศาจคลั่งมีชีวิตอยู่มากกว่าหกพันปี เทพปีศาจปล้นสวรรค์มีอายุมากกว่าเจ็ดพันปี และเทพอมตะตะวันเดือดมีอายุมากกว่าแปดพันปี สามคนที่อายุยืนที่สุดได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์ เทพอมตะบัวสวรรค์มีชีวิตอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปี เทพอมตะกลุ่มดาวอยู่นานกว่าหนึ่งหมื่นเก้าพันปี และเทพอมตะแรกกำเนิดมีอายุเกินสองหมื่นห้าพันปี เขาเป็นผู้อมตะระดับเก้าคนแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและมีอายุยาวนานที่สุด

‘เทพอมตะและเทพปีศาจทั้งหมดมีอายุขัยที่ยาวนาน แต่ในประวัติศาสตร์ ผู้อมตะระดับแปดและผู้อมตะระดับเจ็ดก็มีชีวิตยืนยาวเช่นกัน บางคนถึงกับมีชีวิตอยู่หลายพันปี’

‘แต่ด้วยสงครามห้าภูมิภาคที่กำลังจะมาถึง ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเปิดม่าน วิญญาณอายุยืนจะหายากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทพอมตะแห่งความฝันปรากฏตัวขึ้น วิญญาณอายุยืนจะยิ่งหายาก โลกจะไม่ผลิตมันขึ้นมาอีกนาน’

ฟางหยวนครุ่นคิด วิญญาณอายุยืนมีค่ามหาศาลและมูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญและสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายยอมจ่ายด้วยทุกสิ่งเพื่อยืดอายุของพวกเขาแม้จะเป็นเวลาเพียงสองสามวันก็ตาม

วิญญาณอายุยืนเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ที่มันถูกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะ

ค่าชดเชยของฟางหยวนถูกคำนวณโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตามมูลค่าในปัจจุบันของมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟางหยวนเสนอราคาที่ถูกมาก

นอกจากวิญญาณอายุยืน ฟางหยวนยังใช้ค่าชดเชยแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยารวมถึงวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร

ฟางหยวนเคยยืมวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรมาก่อนหน้านี้และมันมีประโยชน์มาก

สำหรับวิญญาณบัวสวรรค์อมตะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ฟางหยวนรู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่แลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะดวงนี้

ดังนั้นจากค่าชดเชยสิบส่วนของภูเขาตงฮันยังเหลืออยู่อีกเจ็ดส่วน

ตอนนี้ฟางหยวนกำลังจะร้องขอสิ่งที่ยิ่งใหญ่

“ข้าต้องการใช้ค่าชดเชยนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งในนิกาย” ฟางหยวนกล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นเคร่งเครียด เขาเร่งถาม “อา…เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งใด?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท