เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1550 ค่าชดเชย

บทที่ 1550 ค่าชดเชย

ภาคใต้

หมื่นมังกร!

เสียงคำรามของมังกรดังไปทั่ว สนามรบทั้งหมดถูกทำลาย แสงสีเงินพุ่งออกมาราวกับสายฟ้า

ทันทีที่เขาสามารถหลบหนีจากเขตแดนอมตะ เขาได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจำนวนมาก

‘กระไรนะ!? แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกวังสวรรค์ที่นำโดยฟงจิวเก้อบุกโจมตีงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตกตะลึง

เขาติดอยู่ในเขตแดนอมตะของลั่วเว่ยหยินเพียงไม่นาน แต่ในเวลาเดียวกันแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ถูกโจมตีโดยวังสวรรค์ หากบางคนบอกว่ามันไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองเหตุการณ์ แม้แต่ผีก็ไม่เชื่อ!

‘โอ้ พวกเขาพ่ายแพ้แล้วงั้นหรือ? ผู้อมตะภาคกลางจำนวนมากเสียชีวิต มีเพียงฟงจิวเก้อที่รอดชีวิตไปได้?’ ฟางหยวนตรวจสอบข้อความที่ถูกส่งมาโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับข้อความของผมที่หก

ผมที่หกเป็นสายลับที่ถูกวางไว้ในนิกายหลางหยาโดยนิกายเงา เขาอยู่ข้างฟางหยวน ดังนั้นข้อความจากผมที่หกจึงน่าเชื่อถือมากที่สุด

ข้อความของผมที่หกทำให้ฟางหยวนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

‘เมื่อฟงจิวเก้อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เขาจึงวางแผนที่จะล่าถอย…’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายแหลมคม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้อาจกำลังเดินทางมาที่นี่

ฟางหยวนเร่งเดินทาง ระหว่างทางเขาใช้วิธีการที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อจุดระเบิดภูเขาตงฮัน

‘วังสวรรค์โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางแผนมานานแล้ว วิธีการดึงภูเขาตงฮันไม่ธรรมดา การนำภูเขาตงฮันไปเป็นแผนการที่จะทำลายรากฐานของข้า แต่น่าเสียดาย…ฮ่าฮ่า…ภูเขาตงฮันของข้าจะถูกฉกชิงโดยง่ายได้อย่างไร?’

ฟางหยวนวางภูเขาตงฮันไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ด้านหนึ่งเป็นการแสดงความจริงใจในการทำงานร่วมกันและทำให้นิกายหลางหยาเป็นผู้ดูแลธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยว สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาและความพยายามของฟางหยวน อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะฟางหยวนได้จัดเตรียมแผนการป้องกันเอาไว้แล้ว เขาไม่กลัวว่านิกายหลางหยาหรือผู้อมตะคนอื่นๆจะขโมยภูเขาตงฮันไปจากเขา

ในขณะที่ฟางหยวนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า!”

เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดวงนี้กับหินก้อนหนึ่ง

มันเป็นชิ้นส่วนของภูเขาตงฮันที่ถูกเก็บไว้โดยฟางหยวนเมื่อนานมาแล้ว

ตอนนี้ภูเขาตงฮันได้ระเบิดทำลายตัวเองไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นชิ้นส่วนเดียวของมันที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้

เมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า ก้อนคริสตัลสีชมพูก็เริ่มขยายตัวอย่างช้าๆก่อนจะกลายเป็นภูเขาตงฮันในที่สุด

‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเหมือนวิญญาณอมตะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเองและมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ ภูเขาตงฮันได้รับการดัดแปลงโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณในอดีต ดังนั้นภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า หินจากภูเขาตงฮันจึงสามารถฟื้นฟูตัวมันเองและกลายเป็นภูเขาตงฮันที่สมบูรณ์แบบในที่สุด’

ฟางหยวนมั่นใจมาก ภูเขาตงฮันอาจถูกฉกชิงไป แต่เขาไม่ได้สูญเสียมันและยังได้รับภูเขาตงฮันกลับคืนมาทันที

แต่กระบวนการนี้ยังต้องใช้เวลา

วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกขณะที่ภูเขาตงฮันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่เทียบเท่ากับวิญญาณอมตะระดับเก้าและขนาดของหินภูเขาที่ฟางหยวนเก็บไว้ก็ค่อนข้างเล็ก มันต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง

วังสวรรค์วางแผนมานายแล้ว การสูญเสียในครั้งนี้ของฟางหยวนค่อนข้างรุนแรง

ประการแรก เขาไม่สามารถนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับคืน ประการที่สอง ภูเขาตงฮันถูกทำลายขณะที่มันต้องใช้เวลาฟื้นตัวและต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก ประการสุดท้าย ฟางเจิ้งถูกจับตัวซึ่งหมายความว่าแผนการปรับแต่งเทพโลหิตของฟางหยวนถูกหยุดยั้ง

โชคดีที่วิญญาณสติปัญญาไม่ถูกจับหรือถูกทำลาย

สถานการณ์ในเวลานั้นอันตรายอย่างมาก

หากฟงจิวเก้อตั้งใจทำลายวิญญาณสติปัญญา มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่มันจะเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวมันเอง

แต่ฟงจิวเก้อไม่ได้โจมตีมันในเวลานั้น

สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกยินดี แต่ในขณะเดียวกันมันก็หมายความว่าการโจมตีของวังสวรรค์จะดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ฟงจิวเก้อถอยกลับด้วยความตั้งใจของตัวเขาเอง นั่นหมายความว่าวังสวรรค์จะโจมตีอีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อใด? วังสวรรค์จะส่งผู้ใดมา? แล้วพวกเขาจะใช้วิธีการใด?

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องคิด

ฟางหยวนบินลงไปยังหุบเขาธรรมดาแห่งหนึ่ง

เขาออกจากสนามรบมาไกลแล้ว เขาระวังตัวมากระหว่างการเดินทาง ตอนนี้เขามาถึงสถานที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว

ฟางหยวนซ่อนกลิ่นอายของตนเอง จากนั้นเขาก็จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเตือนภัยก่อนจะนั่งไขว้ขาและปิดเปลือตาลงเพื่อทำการอนุมาน

หลังจากไม่นานเขาก็เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วราวกับเขาประสบกับการต่อสู้ระหว่างนิกายหลางหยากับฟงจิวเก้อมาด้วยตนเอง

‘ชัดเจนว่าวิญญาณท่องแดนอมตะอยู่กับวังสวรรค์ ดูเหมือนมันจะถูกเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับเจ็ด พวกเขายังใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะ…’

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่สามารถหลบหนีจากการรับรู้ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ฉากการโจมตีของฟงจิวเก้อถูกส่งมายังฟางหยวนทั้งหมด

ด้วยเบาะแสที่เพียงพอและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน เขาเข้าใจทันทีว่าฟงจิวเก้อบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างไร

‘เพื่อป้องกันวิญญาณท่องแดนอมตะ ข้าได้แก้ไขรูปลักษณ์ของภูเขาตงฮันแล้ว แต่กลุ่มของฟงจิวเก้อปรากฏตัวขึ้นเหนือสามทวีป ข้อมูลที่รั่วไหลออกไปนี้อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน’

‘ข้าต้องใช้ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของทั้งสามทวีป แต่กระทั่งมันจะเปลี่ยนแปลงไป มันก็อาจไม่สามารถขัดขวางการบุกรุกของวังสวรรค์’

‘แม้ผู้อมตะของวังสวรรค์จะไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่การหลบหนีที่ง่ายดายของฟงจิวเก้อก็บอกได้ว่าพวกเขามีวิธีการบางอย่างที่ทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา’

ความคิดทุกประเภทพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

วังสวรรค์ไม่ได้เคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว พวกเขาจะทำให้พื้นพิภพสั่นสะเทือน หากไม่ใช่เพราะฟางหยวนได้จัดเตรียมวิธีการป้องกันหลายอย่างเอาไว้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอาจสูญเสียหม้อหลอมรวมไปอย่างสมบูรณ์หรือมันอาจถูกกำหราบโดยฟงจิวเก้อไปแล้ว

ฟางหยวนเตรียมการเอาไว้หลายอย่าง แต่รากฐานของวังสวรรค์ลึกเกินไป ตัวอย่างเช่นครั้งนี้ฟงจิวเก้อสามารถย่องเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้เพราะความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ยิ่งใหญ่เหลียงเหลียง

วังสวรรค์เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากที่สุดเพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าพวกเขามีไพ่ตายกี่ใบอยู่ในมือ!

ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

เขาแจ้งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาและยังกล่าวถึงการคาดเดาที่ว่าลั่วเว่ยหยินน่าจะเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจยังไม่พอใจที่ฟางหยวนไม่ปรากฏตัวเพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่สิ่งที่ฟางหยวนกล่าวเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงไม่สามารถตำหนิเขาได้

“วังสวรรค์ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้แต่พวกเขาค้นพบวิญญาณสติปัญญา พวกเขาจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ฟางหยวน เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยา นิกายต้องการความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าควรกลับมาปกป้องนิกาย” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างจริงจัง

ฟางหยวนยิ้ม

นั่นเป็นไปไม่ได้!

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช่วยฟางหยวนได้มากจริงๆ มันถือเป็นรากฐานของเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะผูกมันเขาด้วยเหตุผลนี้

วังสวรรค์ในปัจจุบันทรงพลังมาก ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวของโลกใบนี้

หากฟางหยวนคอยปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วังสวรรค์จะหัวเราะอย่างมีความสุขเพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ

ฟางหยวนจะไม่มีความก้าวหน้าหากเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาต้องเดินทางไปรอบๆเพื่อแสวงหาทรัพยากรในการบ่มเพาะและเติบโตต่อไป

เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะสามารถเดินทางไปรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ไม่ว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงจะช่วยเหลือเขาได้หรือไม่ เขาก็ต้องทำลายแผนการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์

นี่เป็นทางออกเดียวของเขา

มิฉะนั้นหากวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ผู้อมตะเกือบทั้งโลกจะอยู่ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณชะตากรรม หลังจากทั้งหมดมีปีศาจต่างโลกเช่นฟางหยวนอยู่เท่าใด? เมื่อเวลานั้นมาถึง วังสวรรค์จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งและฟางหยวนจะไม่เหลือความหวังที่จะต่อสู้กับมัน

‘แม้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะถูกทำลาย แม้วิญญาณสติปัญญาจะดับสูญ พวกมันก็ไม่สามารถขัดขวางแผนการของข้า!’

แสงที่น่ากลัวส่องประกายขึ้นในดวงตาของฟางหยวน

แน่นอนว่าเขาจะไม่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

เขาถูกผูกมัดโดยข้อตกลงพันธมิตร แต่เขามีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองและมันไม่ได้มีไว้โอ้อวดเท่านั้น

“เรายังต้องคุยกันเรื่องค่าชดเชยใช่หรือไม่?” ฟางหยวนกล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

“อา…” การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจมดิ่งลงทันที เขาทำข้อตกลงกับฟางหยวนไว้แล้ว หากภูเขาตงฮันหรือวิญญาณสติปัญญาสูญหายหรือถูกทำลาย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องชดเชยให้ฟางหยวนสิบเท่า

วิญญาณสติปัญญาไม่ได้ถูกทำลาย นี่ทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับเรื่องนี้ แต่ภูเขาตงฮัน…

อย่างน้อยตอนนี้มันก็หายไปจริงๆ!

“หากวังสวรรค์ได้รับภูเขาตงฮัน พวกเขาจะผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับพวกเขา” ฟางหยวนเพิ่มแรงกดดันขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานิ่งเงียบ

“เจ้า..ไม่ต้องพูดแล้ว อย่ากังวล ข้าจะชดเชยให้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบกลับ

“ข้าเชื่อท่าน ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะกลับคำพูดได้อย่างไร?” ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก

“เจ้าต้องการค่าชดเชยแบบใด?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น มีหลายสิ่งที่เขาต้องการ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท