เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1546 ลมมรณะของฟงจิวเก้อ

บทที่ 1546 ลมมรณะของฟงจิวเก้อ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1546 ลมมรณะของฟงจิวเก้อ

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ทอดตัวยาวไปจนสุดขอบฟ้า

ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ มันดูว่างเปล่าแต่มีผู้อมตะสามคนกำลังซ่อนตัวอยู่กลางอากาศ

‘ตามการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามากที่สุด’ ผู้นำกลุ่มผู้อมตะคิดกับตนเอง

หากผู้อมตะภาคเหนือเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา พวกเขาจะอ้าปากค้างเพราะคนผู้นี้ก็คือองค์ชายฟงเซี่ยน

เขาเป็นหนึ่งในห้าผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ

ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและภรรยาของเขาหายตัวไปหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะถูกทำลาย

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าเหยา เหยากวงได้รับคัดเลือกจากถ้ำสวรรค์นิรันดรให้เป็นราชันใต้คนใหม่ นี่ทำให้เขาต้องออกจากเผ่า

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษแต่ตอนนี้เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่และกลายเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ

ปรมาจารย์ห้าธาตุยังติดอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณแท่นบูชาแห่งโชคของถ้ำสวรรค์นิรันดร

หลังจากการรุกรานของวังสวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดเกือบทั้งหมดกลายเป็นฝ่ายธรรมะ ดังนั้นปีศาจอมตะจึงต้องซ่อนตัวอยู่ในความมืด

ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดทั้งห้ามีเพียงองค์ชายฟงเซี่ยนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

คนผู้นี้มีสถานะพิเศษ ภายนอกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ากงและเป็นสามีของกงหว่านถิง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือสายลับของภาคกลาง

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนมาเป็นเวลานาน นางส่งฟงจิวเก้อและคนอื่นๆบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา นอกจากนั้นยังมีเฉินอี้เป็นกำลังเสริมรวมถึงองค์ชายฟงเซี่ยน

“นายท่าน สันเขาไร้สิ้นสุดเป็นหนึ่งในสิบสถานที่อันตรายของภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาควรอยู่ในบริเวณนี้” ผู้อมตะหญิงระดับหกกล่าวมาจากด้านข้างองค์ชายฟงเซี่ยน

นอกจากองค์ชายฟงเซี่ยนยังมีสาวใช้สองคนที่มีชื่อเสียง

พวกนางคือเล่อเหยาและหยูหลาน ทั้งสองมาจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลางเช่นกัน คนที่กล่าวคือเล่อเหยาในชุดสีเหลือง

หยูหลานไม่ได้ติดตามองค์ชายฟงเซี่ยนมาในครั้งนี้

องค์ชายฟงเซี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย เขาสามารถคาดเดาเช่นเดียวกัน

เขาชำเลืองมองผู้อมตะที่อยู่ด้านข้าง คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์ขน!

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ถูกควบคุมโดยองค์ชายฟงเซี่ยน

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ เขาจะจดจำได้ทันที

เพราะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนเดินทางมาจากภาคใต้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคนออกมารับเขา อย่างไรก็ตามหนึ่งในสองเสียชีวิตขณะที่อีกหนึ่งหายสาบสูญ

แต่มันกลายเป็นว่าเขาถูกจับตัวโดยองค์ชายฟงเซี่ยน องค์ชายฟงเซี่ยนได้รับข้อมูลมากมายและเป็นเบาะแสสำคัญในการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ยเพื่อค้นหาที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เพราะเขารู้จักภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยตรง

เล่อเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางถามด้วยความกังวล “ดูจากเวลาแล้ว ฟงจิวเก้อและคนอื่นๆควรจะเข้าไปแล้ว แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่ส่งข้อมูลใดๆออกมา พวกเขาพบปัญหางั้นหรือ?”

องค์ชายฟงเซี่ยนไตร่ตรองก่อนกล่าว “ย่อมมีปัญหาแน่นอน แม้เราจะมีข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยา แต่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลใบนี้และมีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว มันมีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึง พวกเขาย่อมต้องมีไพ่ตายซ่อนอยู่”

เล่อเหยาขมวดคิ้วลึกกว่าเดิม “ภาคกลางส่งผู้อมตะระดับเจ็ดเข้าไปเพียงเจ็ดคน พวกเขามั่นใจเกินไปหรือไม่?”

องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่คุ้นเคยกับฟงจิวเก้อ”

“โอ้?” เล่อเหยารู้สึกประหลาดใจ

ในนิกายคฤหาสน์วิญญาณมีคำกล่าวที่ว่า เหนือฟง กลางฟง ทั้งคู่เป็นตัวตนที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันหมายถึง ฟงเซี่ยน และฟงจิวเก้อ

คนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน แต่องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งขณะที่ฟงจิวเก้อมีชื่อเสียงด้านพรสวรรค์

ผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ในระดับเดียวกับผู้อมตะระดับแปด เล่อเหยาและหยูหลานเคยไม่พอใจกับเรื่องนี้ กระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนก็ไม่มีความสุข

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเล่อเหยาและหยูหลานก็ค่อยๆเข้าใจ

สำหรับทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์ชายฟงเซี่ยน มันเป็นเพราะเขาเคยต่อสู้กับฟงจิวเก้อมาก่อน

หลายปีก่อนเมื่อวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง ฟงจิวเก้อนำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางเดินทางมายังภาคเหนือเพื่อค้นหาความจริง ในฐานะผู้อาวุโส องค์ชายฟงเซี่ยนจึงได้พบกับฟงจิวเก้อเป็นการส่วนตัว

ในการพบปะในครั้งนั้น พวกเขาได้ประลองฝีมือ ผลลัพธ์น่าตกใจมาก เพราะกระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนจะใช้กำลังเต็มที่แต่เขาก็จบลงด้วยการเสมอกับฟงจิวเก้อเท่านั้น

เมื่อนึกถึงฉากการต่อสู้ของพวกเขา องค์ชายฟงเซี่ยนก็ต้องถอนหายใจ “ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้ระดับแปดแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าตกใจ สิ่งที่สามารถกระตุ้นข้าได้อย่างแท้จริงคือท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์”

“ท่าไม้ตายอมตะเช่นนั้นหรือ?” เล่อเหยาถาม

องค์ชายฟงเซี่ยกล่าวอย่างช้าๆ “ฟงจิวเก้อตั้งชื่อมันว่าเพลงลมมรณะ”

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึก เพลงแยกไร้ประโยชน์ ณ จุดนี้เขาเหลือวิธีเดียวเท่านั้น

เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายนี้หากไม่จำเป็น

เพราะเมื่อกระตุ้นใช้งานมันแล้ว นอกจากจะมีความเสี่ยงมหาศาล มันยังจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง กำไรของการต่อสู้จะลดลงอย่างมาก ดังนั้นฟงจิวเห้อจึงต้องระมัดระวัง

แต่ตอนนี้เขาถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตัน

เขาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจากเทพธิดาจื่อเว่ย แต่หลังการต่อสู้ เขาตระหนักว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปไกลมาก

ไม่เพียงค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยอดเยี่ยมแต่ยังรวมไปถึงผู้อมตะที่ซ่อนตัวอยู่ภายในและท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์

ฟงจิวเก้อรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถตอบโต้เส้นทางแห่งเสียงที่เรียกว่าโลกสงบสุข

แต่เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนพัฒนามันขึ้นเป็นความเงียบสัมบูรณ์

ฟงจิวเก้อมีวิธีป้องกันท่าไม้ตายอมตะโลกสงบสุขแต่สำหรับท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์ มันแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า

ท่าไม้ตายอมตะเพลงลมมรณะ!

ฟงจิวเก้อหลบไปทางซ้ายและขวาเพื่อหาโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

สายลมกรรโชกแรงทำให้สภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลง

เมื่อลมชนิดนี้ปรากฏขึ้น การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยไปทันที ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อื่นๆที่รู้สึกพูดไม่ออก

มันคือลมมรณะ!

สายลมที่จะดูดกลืนทุกสิ่ง มีเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถรับมือมัน

เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงจุดจบ ลมชนิดนี้จะพัดเข้ามาทำลายล้างมัน

“นี่คือลมมรณะ? เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนกรีดร้อง

“ไม่น่าเชื่อ คนผู้นี้สามารถควบคุมลมมรณะได้งั้นหรือ?” ปิงเจาตกตะลึง ดวงตาของเขาแทบหลุดออกมาจากเบ้า ท่าทางเย็นชาของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์

ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมลมมรณะ แต่ตอนนี้บันทึกนี้ถูกทำลายเรียบร้อยแล้วโดยฟงจิวเก้อ

เขาสามารถปล่อยลมมรณะออกมาได้จริงๆ!

ในปัจจุบันฟงจิวเก้อมีเพลงอยู่เจ็ดเพลง เพลงรับสมบัติและเพลงสู่สวรรค์ใช้ในการบ่มเพาะ เพลงหยกเขียว เพลงสวรรค์พิภพ เพลงยอมจำนน และเพลงแยกเป็นท่าไม้ตายหลักที่เขาใช้ในการต่อสู้ สำหรับเพลงที่เจ็ด เพลงลมมรณะ เขาจะไม่ใช้มันหากไม่จำเป็น

หากเขาล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานเพลงลมมรณะ ฟงจิวเก้อจะเป็นคนแรกที่ถูกลมมรณะดูดกลืน นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก

หลายเพลงของเขาสามารถเปลี่ยนเป็นนักรบเพลง แต่เพลงลมมรณะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนักรบเพลง มันเป็นเพลงที่พิเศษที่สุด

ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังเกินไป มันจะพลิกสถานการณ์ทั้งหมดทันที

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

เพราะวิธีทั่วไปจะยิ่งทำให้ลมมรณะทรงพลังขึ้น

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลก แต่เผชิญหน้ากับลมมรณะ มันก็ยังจะถูกทำลาย!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินกล่าวด้วยความสิ้นหวัง

“มันจะไม่เกิดขึ้น!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้อง เขาต้องยกขวัญกำลังใจของพวกพ้อง

เขาตะโกน “นี่คือลมมรณะจริงๆ ข้าไม่เชื่อเมื่อฟางหยวนบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า ข้าต้องเชื่อเขาเท่านั้น!”

“ทุกคน อย่ากังวล เรามีวิธีรับมือลมมรณะ!”

“อันใด? ฟางหยวนมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นหรือ?”

ฟางหยวนมีบทบาทสำคัญและสามารถรักษาขวัญกำลังใจของทุกคนเอาไว้แม้ตัวเขาจะไม่อยู่

ฟางหยวนมีความทรงจำจากอนาคต เขารู้ถึงความดุร้ายของท่าไม้ตายนี้ ในสงครามห้าภูมิภาค ฟงจิวเก้อใช้ท่าไม้ตายนี้สังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องบอกเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในการต่อสู้กับฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้ ฟางหยวนก็ต้องระวังท่าไม้ตายนี้เช่นกัน

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่สำคัญ ตัวอย่างเช่นฟางหยวนสามารถหลบเลี่ยงได้หากฟงจิวเก้อใช้มันที่โลกภายนอก

แต่ในสถานการณ์นี้ลมมรณะพัดมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้ววิธีการใดที่จะสามารถต่อต้านลมมรณะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท