เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1570 วิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

บทที่ 1570 วิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1570 วิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปเมฆา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสูดหายใจลึกก่อนตะโกน “เปิดใช้ค่ายกล!”

ราวกับผึ้งหลายล้านตัวเต้นรําอยู่กลางอากาศและส่งเสียงดึงๆออกมา แสงสีทองขาวปะทุขึ้นรอบๆ

“เข้าสู่ค่ายกล!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคําสั่งขณะที่เขาก้าวเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

ต่อมาผมที่หก ผมที่สาม ผมที่สี่ และผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกหลายคนก็ตามเข้าไปในค่ายกลดังกล่าว

ฟางหยวนยืนอยู่ด้านนอกในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้น

เขาไม่มีส่วนร่วมในการหลอมรวมวิญญาณในครั้งนี้แต่มอบภารกิจให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ

แม้ฟางหยวนจะเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะของนิกายหลางหยาในแง่ของความเชี่ยวชาญ

“หากเป็นเวลาปกติ ข้ายังสามารถเข้าร่วม แต่ครั้งนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากำลังใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่บรรพชนผมยาวคิดค้นขึ้นด้วยตนเอง ค่ายกลนี้ใช้ได้กับมนุษย์ขนเท่านั้น ในฐานะมนุษย์ หากข้าเข้าไป ข้าจะถูกฆ่าทันที”

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีรากฐานที่ลึกล้ำ ครั้งนี้พวกเขานําหนึ่งในค่ายกลวิญญาณอมตะที่ดีที่สุดของบรรพชนผมยาวออกมา

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟางหยวนจะใช้ความสามารถบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ขน แต่อาจเป็นเพราะนิกายหลางหยาต้องการเก็บค่ายกลวิญญาณนี้ไว้ เป็นความลับและไม่ต้องการเปิดเผยมันต่อฟางหยวน

‘ข้าใช้มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณแลกเปลี่ยนกับมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา แต่มันไม่มีค่ายกลวิญญาณอมตะนี้รวมอยู่ เห็นได้ชัดว่านี่คือไพ่ตายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่แลกเปลี่ยนมันเช่นเดียวกับท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันที่ข้าจะไม่มอบให้ผู้ใด’

ฟางหยวนมองไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่สะท้อนแสง

แม้นิกายหลางหยาจะผลักฟางหยวนออกมา แต่เขาก็ค่อนข้างพอใจกับมัน

เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากวังสวรรค์ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมาก เขา กระทั่งนําค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวออกมาเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายหลางหยา ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเขาจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมปลดปล่อยแสงหลากหลายสีสันออกมาอย่างช้าๆ ขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกําลังทํางานอย่างหนักอยู่ภายใน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานําทรัพยากรอมตะที่เตรียมไว้จํานวนหนึ่งออกมา

สิ่งนี้ดูคล้ายดอกทานตะวันแช่แข็ง ทันทีที่มันปรากฏขึ้นในค่ายกลวิญญาณอมตะ มันก็กลายเป็นควันและค่อยๆควบรวมเป็นดวงแสงสีทอง

ฟางหยวนเฝ้ามองอย่างตั้งใจ นี่เป็นขั้นตอนแรกที่สําคัญ เมื่อควันกลายเป็นแสงสีทองอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะสามารถดําเนินการในขั้นตอนต่อไป

ฟางหยวนไม่รู้สึกกดดันมากนัก

หากขั้นตอนแรกล้มเหลว การสูญเสียของเขาก็ยังไม่มาก เขาสามารถเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หนึ่งชั่วโมงต่อมาควันก็กลายเป็นดวงแสงสีทองไปอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้มันมีขนาดเท่าบ้าน

หลังจากนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็เริ่มขั้นตอนที่สอง

เมื่อเวลาผ่านไปทรัพยากรอมตะก็ถูกนําออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน

สามวันสามคืนต่อมา ผมที่สามก็เริ่มโยนวิญญาณเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะ

วิญญาณดวงแรกที่เขาโยนเข้าไปคือวิญญาณพึ่งพาตนเอง

มันเป็นเพียงวิญญาณระดับสามที่มีรูปลักษณ์เหมือนแมลงสาบสีน้ำตาล

วิญญาณพึ่งพาตนเองเป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มีความสามารถในการรักษา ยิ่งผู้ใช้วิญญาณมีความแข็งแกร่งมากเท่าใด ผลของการรักษาก็ยิ่งสูงเท่านั้น

นี่เป็นวิญญาณหายาก ผู้ใช้วิญญาณทั่วไปไม่สามารถครอบครองมัน แต่ขณะนี้ผมที่หกกลับโยนวิญญาณพึ่งพาตนเองหลายร้อยดวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ

จํานวนวิญญาณพึ่งพาตนเองที่ใช้ต้องแม่นยําเพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับปริมาณร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

เมื่อวิญญาณพึ่งพาตนเองทั้งหมดถูกโยนเข้าไป จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็กระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวอย่างเต็มที่

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ เสาไฟนับร้อยหรือหลายพันต้นพุ่งขึ้นสู่อากาศ

กระแสลมกรรโชกแรงพัดออกมาแต่ค่ายกลวิญญาณอมตะกักเก็บพวกมันเอาไว้ภายในอย่างสมบูรณ์ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย

กล่าวได้ว่าค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวยอดเยี่ยมมาก

เสาไฟสีส้มยังลุกไหม้ต่อไปเป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงก่อนจะค่อยๆอ่อนกําลังลง ทุกอย่างหลอมรวมกันจนกลายเป็นก้อนหินที่มีขนาดเท่ารถม้า

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นหินก้อนนี้ เพราะมันหมายความว่าขั้นตอนที่สองของการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนสิ้นสุดลงแล้ว

ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆเริ่มพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพละกําลัง ขณะเดียวกันผมที่สี่และผมที่หกก็ใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะทําลายหินก้อนนั้นอย่างช้าๆ

เมื่อเวลาผ่านไปหินก้อนใหญ่ก็กลายเป็นเศษหินกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ผมที่สามดื่มสุราใบมีดก่อนจะพ่นมันไปที่เศษหินเหล่านั้น

สุราใบมีดเป็นทรัพยากรอมตะที่ฟางหยยวนได้รับมาจากการสังหารเมิ้งตู๋เมื่อไม่นานมานี้และมันก็มีประโยชน์มากในเวลานี้

ควันสีเทาลอยขึ้นมาจากพื้นและควบแน่นเป็นกลุ่มควันลอยอยู่กลางอากาศ

ผมที่สี่และผมที่หกเริ่มพักผ่อนขณะที่ผมที่สามนําวิญญาณระเบิดพลังจํานวนหนึ่งออกมา

ฟางหยวนยังไม่ได้หลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลังในตอนนี้ สิ่งที่ผมที่สามนําออกมาคือวิญญาณระเบิดพลังระดับหนึ่งถึงระดับห้า

วิญญาณระเบิดพลังบินเข้าไปในกลุ่มควันแต่ไม่ได้หลอมรวมกันมัน

เป็นเพียงเวลานี้ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มดําเนินการต่อ เขาส่งเพลิงชีวิตที่เตรียมไว้เข้าไป

ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ไร้สีสัน วิญญาณระเบิดพลังเริ่มหลอมรวมกับกลุ่มควันสีเทา

นี่เป็นขั้นตอนที่ยาวนาน

ครึ่งเดือนต่อมาขั้นตอนนี้ก็ประสบความสําเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเพลิงชีวิตวิญญาณระเบิดพลังหรือกลุ่มควันสีเทา พวกมันล้วนอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์และทิ้งไว้เพียงสายฝนที่โปรยปรายลงมาเท่านั้น

ฝนตกอย่างต่อเนื่องอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ

เมื่อถึงจุดนี้ ขั้นตอนที่สามก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

สายฝนที่โปรยปรายลงมาค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรับผิดชอบงานในส่วนของตนเองอย่างเต็มที่

เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมีขั้นตอนมากมาย ฟางหยวนคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนขึ้นมาโดยปฏิเสธการใช้วิญญาณอมตะเป็นวัสดุในการหลอมรวม แต่เลือกใช้ทรัพยากรอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากเป็นการทดแทน

ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่สูญเสียวิญญาณอมตะแต่ต้องใช้ทรัพยากรอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์มากขึ้นหลายสิบเท่า ปริมาณงานที่ต้องทําก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน นี่เป็นสาเหตุที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตัดสินใจใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาว

เมื่อเวลาผ่านไปขั้นตอนต่างๆก็เสร็จสิ้นโดยไม่มีอันตรายหรืออุบัติเหตุมากนัก

หลังจากสองเดือนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา การหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สําคัญที่สุด

ฟางหยวนมีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาแต่เขาไม่สามารถลดเวลาของการหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้ การลดเวลาของการหลอมรวมวิญญาณโดยพื้นฐานแล้วก็คือการแกะสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาลงไปและนั่นจะเป็นการขัดขวางการหลอมรวมวิญญาณ

สองเดือนคือขีดจํากัดในปัจจุบันของฟางหยวน เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะทั้งหมดแล้ว วิธีการเหล่านี้จะเปลี่ยนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ค่ายกลวิญญาณอมตะสั่นสะท้านและระเบิดแสงสว่างออกมา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เหนื่อยล้าแสดงความยินดีขึ้นบนใบหน้า

ขั้นตอนสุดท้ายสําเร็จ

เมื่อแสงจางหาย วิญญาณอมตะก็ปรากฏตัวขึ้น

วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนระดับเจ็ด!

“ผู้ใดจะคิดว่ามันจะประสบความสําเร็จตั้งแต่ครั้งแรก!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดเราก็หลอมรวมมั่นได้สําเร็จ!”

วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนลอยอยู่ในค่ายกลวิญญาณ เนื่องจากฟางหยวนยังไม่ได้ปรับแต่งมัน มันถึงเป็นวิญญาณที่ไร้เจ้าของ

แต่ในไม่ช้าฟางหยวนก็รีบปรับแต่งมั่นอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“ใช้ความพยายามเพียงครั้งเดียวเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ช่างยอดเยี่ยมนัก! ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนมีความสุขมาก เขาไม่เคยกล้าฝันถึงสิ่งนี้มาก่อน

หลังจากทั้งหมดโอกาสประสบความสําเร็จห้าสิบส่วนสูงเกินไป

ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้กับวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนก่อนที่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจํานวนนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้น มันเหมือนกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนมาก!

“อย่างไรก็ตามมั่นอ่อนแอกว่าท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเล็กน้อย ท้ายที่สุดท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก็ใช้วิญญาณจํานวนมหาศาล ฟางหยวนรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง “แต่ค่าใช้จ่ายของมันก็ลดลงอย่างมาก การใช้งานก็สะดวกขึ้น มันต้องการเพียงหนึ่งความคิดเพื่อปลดปล่อยพลังอํานาจขณะที่ท่าไม้ตายอมตะต้องใช้เวลาเตรียมตัว ไม่ว่าข้าจะคุ้นเคยกับมันมากเพียงใด มันก็ยังใช้พลังจิตมหาศาล!”

ฟางหยวนทดสอบและพอใจกับวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนดวงนี้เป็นอย่างมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท