เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1569 เพลิงชีวิต

บทที่ 1569 เพลิงชีวิต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1569 เพลิงชีวิต

สวรรค์สีเหลือง

เปลวไฟโปรงใสที่ไร้สีสันกําลังเผาไหม้อยู่อย่างเงียบๆ ขณะที่วิญญาณแสงสมบัติปลดปล่อย เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ผู้อมตะจางจื่อแห่งนิกายวัดสวรรค์สีดําเผยรอยยิ้ม เขาเป็นเจ้าของสินค้าชิ้นนี้

สมบัติล้ําค่าดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจํานวนมากทันที

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะทําให้ข้าได้รับทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด กํา ไรของข้าควรจะเพียงพอที่จะเติมเต็มคลังเก็บพลังงานอมตะของข้าแล้ว

เขาคิดขณะบอกราคาสินค้ากับทุกคน

ราคาของเขาสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อยและทําให้ผู้คนรู้สึกสนใจ

“ข้าต้องการทั้งหมดนี้” สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะผู้หนึ่งกล่าวกับจางจื่อ

หัวใจของจางจื่อเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ท่านต้องการทั้งห มดงั้นหรือ มันมีราคา…”

“มาทําธุรกรรมกันเถอะ” อีกฝ่ายนําหินวิญญาณอมตะจํานวนมากออกมาโดยตรง

“ตกลง!” เมื่อเห็นหินวิญญาณอมตะจํานวนมาก ดวงตาของจางจื่อที่ส่องประกายขึ้นและตก ลงทําธุรกรรมกับคนผู้นี้ทันที

ธุรกรรมเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ผู้อมตะที่เฝ้าดูอยู่แทบไม่สามารถตอบสนอง

“อย่ากังวล ข้ายังมีสินค้าเหลืออยู่” จางจื่อรีบประกาศและนําเปลวไฟออกมาอีกครั้ง

แต่มันมีขนาดเล็กก่อนก่อนหน้า

ธุรกรรมครั้งแรกกระตุ้นความปรารถนาของผู้อมตะคนอื่นๆ เปลวไฟชนิดนี้หายากมาก โดย ปกติแล้วพวกเขาจะพบเห็นเปลวไฟที่มีขนาดเท่ากําปั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยู่ต่อหน้า พวกเขาตอนนี้เป็นเปลวไฟขนาดเท่ารถม้า! ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการสูญเสียโอกาสที่หายากนี้

“แต่คราวนี้ราคาของมันสูงขึ้น” จางจื่อเผยรอยยิ้มสดใส เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเปลวไฟชนิ ดนี้มากนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับมันและน้ํามันออกมาวางขาย เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ของมัน ดังนั้นความกระตือรือร้นที่จะซื้อของผู้อมตะคนอื่นๆจึงเหนือกว่าความคาดหมายของเขา

เขาขึ้นราคาแต่ยังมีคนสนใจซื้อ

“บัดซบ! ดูเหมือนข้าจะทําพลาดในการขายครั้งก่อน!” จางจื่อรู้สึกเสียใจขณะเดียวกันก็มีความ สุขกับการตอบสนองของลูกค้า

จางจื่อไม่ใช่คนโง่ เขาแบ่งสินค้าออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือการทดลองตลาด ส่ว นที่เขากําลังขายอยู่คือส่วนที่สอง

เมื่อธุรกรรมดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง เขาจึงเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น

“เพลิงชีวิต!” ฟางหยวนมองเปลวไฟไร้สีที่อยู่ในมิติช่องว่างของเขาด้วยความยินดี เขาเป็นคน แรกที่ซื้อสินค้าของจางจื่อ

เพลิงชีวิตเผ่าไหม้อย่างเงียบๆโดยปราศจากความร้อน แต่เมื่อมันเผาสิ่งมีชีวิต ฉากในอดีตของ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวไฟ

จางจื่อได้รับเพลิงชีวิตมาโดยบังเอิญ เขาไม่มีวิธีใช้งานมัน

เมื่อฟางหยวนได้รับเพลิงชีวิต เขาใช้วิธีการบางอย่างเก็บรักษามันไว้อย่างพิถีพิถัน วิธีนี้ไม่ได้ มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่มันมาจากมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา

เดิมที่ข้าคิดว่าข้าต้องเดินทางไกลและต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงเพลิงชีวิตมาจากบา งคน แต่ผู้ใดจะคิดว่ามีบางคนขายมันในสวรรค์สีเหลือง โชคของข้าช่างยอดเยี่ยมนัก!”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มมีความสุข

มีผู้อมตะจํานวนมากที่ต้องการเพลิงชีวิต

แต่เจตจํานงของผู้อมตะมักไม่สามารถตัดสินใจ พวกเขาสามารถทําตามคําสั่งของร่างต้นเท่านั้น

และการจ่ายด้วยหินวิญญาณจํานวนมากในครั้งเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะทั่วไปจะทําได้

แม้พวกเขาจะร่ํารวย พวกเขาก็ต้องเจรจาต่อรองอย่างเต็มที่เป็นอันดับแรก

ด้วยเหตุผลหลายประการ มันจึงทําให้ฟางหยวนได้รับสินค้าราคาถูก!

สําหรับความเสี่ยง?

จางจื่อผู้นี้เป็นผู้อมตะของนิกายวัดสวรรค์สีดําซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของวังสวรรค์ แต่เขา ไม่รู้ว่าผู้ซื้อคือฟางหยวนและฟางหยวนก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขา

การทําธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองปลอดภัยมาก กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถครอบงํามันได้

โดยรวมแล้วมันมีความเสี่ยงต่ํา

สุราใบมีด วิญญาณใบมีด เข็มศักดิ์สิทธิ์ และเพลิงชีวิต หลังจากรวบรวมทรัพยากรอมตะทั้ง สี่ ฟางหยวนก็รีบกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที

กระบวนการเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาราบรื่นไม่มีอันตราย

การกลับมาของฟางหยวนเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิด มันจึงทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมาก

“เมื่อเจ้ากลับมา ข้าก็จะเตรียมตัวหลอมรวมวิญญาณ” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก ระตือรือร้นมาก หลังจากทั้งหมดแรงกดดันจากวังสวรรค์รุนแรงเกินไป

“ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งและผู้อมตะอีกสามเผ่าเป็นอย่างมากที่ให้ข้ายืมหิน วิญญาณอมตะ” ฟางหยวนกล่าวขอบคุณ

หากปราศจากความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้ ฟางหยวนจะนําเงินก้อนโตมาจากที่ใด?

“ไม่จําเป็นต้องมากพิธี เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้น มันก็หมายความว่าแดนศักดิ์ สิทธิ์หลางหยาจะปลอดภัยมากขึ้น หากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตกอยู่ในอันตราย ทุกคนก็หนีไม่ พ้นเช่นกัน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

สถานการณ์ในปัจจุบันทําให้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เผ่ามนุษย์หิมะ เผ่ามนุษย์หิน และเผ่าม นุษย์หมึกอยู่บนเรือลําเดียวกัน หากฝ่ายใดมีอันตราย ฝ่ายที่เหลือก็ไม่สามารถหลบหนี

ฟางหยวนมอบทรัพยากรอมตะทั้งหมดให้นิกายหลางหยาดําเนินการ

ทรัพยากรอมตะเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้าวันในการแปรรูป นี่เป็นกระบวนกา รที่ซับซ้อนและเป็นงานของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

ความเหนือชั้นของเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนสามารถมองเห็นได้จากสี่งนี้

ด้วยเคล็ดลับการหลอมรวมที่คิดค้นขึ้นโดยกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เช่นฟางหยวน เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนจึงมีความโดดเด่นมาก อาจกล่าว ได้ว่ามันอยู่บนจุดสูงสุดและไม่สามารถพัฒนาไปไกลกว่านี้ได้อีก

ฟางหยวนให้ความสําคัญกับการแปรรูปทรัพยากรมากที่สุด แม้ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่ ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เพราะขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่ผู้อมตะสามารถควบคุมได้ ตรงข้ามกับขั้นตอนกา รหลอมรวมที่ต้องพึ่งพาโชค

ด้วยวิธีนี้โอกาสที่การหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนจะประสบความสําเร็จก็สูงถึงห้าสิบส่วน!

นั่นหมายความว่าฟางหยวนมีโอกาสประสบความสําเร็จและล้มเหลวเท่ากัน

นี่เป็นอัตราความสําเร็จที่นี่ตกใจมาก

ผู้อมตะส่วนใหญ่จะมีความสุขหากพวกเขามีโอกาสประสบความสําเร็จในการหลอมรวม วิญญาณแม้เพียงหนึ่งส่วน

อย่างไรก็ตามสาเหตุหลักของเรื่องนี้เป็นเพราะความสําเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบน เส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดมีถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอยู่บนโลกใบนี้กี่คน? ตั้ง แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกับฟางหยวนสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ บุคคลระดับ สูงกว่าเขามีเพียงสามคนในประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่บ่มเพาะหลายเส้นทางและมีกี่คนที่บ่มเพาะบนเส้นทาง แห่งการหลอมรวม?

จากอีกมุมมองหนึ่ง ผู้อมตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นมือสมัครเล่นในการหลอมรวมวิญญาณ อมตะ มันคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจหากพวกเขาสามารถเพิ่มอัตราความสําเร็จในการหลอมรวมวิญ ญาณได้แม้แต่หนึ่งส่วน

ในความเป็นจริงกระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันมีโอกาสประสบความสําเร็จถึงห้าสิบส่วน

แต่เมื่อเขาคิดถึงบรรพชนผมยาว เขาก็สามารถยอมรับได้

บรรพชนผมยาวหลอมรวมวิญญาณอมตะจํานวนมากในช่วงชีวิตของเขา ท่ามกลางพวกมันยัง มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและระดับแปดเป็นจํานวนมาก เขาเป็นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทาง แห่งการหลอมรวม หากเขาไม่มีความสําเร็จดังกล่าว เทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวร รค์จะมาขอความช่วยเหลือจากเขางั้นหรือ?

“นอกจากนี้ข้ากําลังใช้ความสามารถทั้งหมดของนิกายหลางหยาในการหลอมรวม ในยุคปัจจุ บันไม่ต้องสงสัยเลยว่านิกายหลางหยาเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งด้านการหลอมรวมวิญญาณ”

“เหตุผลสุดท้ายคือโชคอันทรงพลังของข้า”

หนึ่งคือความสําเร็จระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม สองคือความ ช่วยเหลือจากกองกําลังอันดับหนึ่งของโลกในแง่การหลอมรวม สามคือโชคอันทรงพลังที่ได้ รับจากมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด

การรวมตัวกันของเหตุผลทั้งสามทําให้อัตราความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ หมื่นตัวตนบรรลุถึงระดับห้าสิบส่วน

“ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระจากคําสาปแห่งการหลอมรวมวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนมีความสุข จนอยากจะร้องไห้

เขารู้ดีว่าเหตุผลสําคัญที่สุดคือการที่เขาเป็นกิ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

อีกสองเหตุผลมีประโยชน์แต่เขาก็มีทั้งสองสิ่งนี้มานานแล้ว อัตราความสําเร็จห้าสิบส่ว นมาจากความสําเร็จระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอย่างแท้จริง

“ตอนนี้เป็นเพียงการคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเท่านั้น ในอนาคตข้าจะดูแล และหลอมรวมมันด้วยตนเอง ด้วยวิธีนี้อัตราความสําเร็จจะเพิ่มขึ้นอีกมาก!”

น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาไม่มากนัก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท