เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1559 ผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง

บทที่ 1559 ผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง

บทที่ 1559 ผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง

วังสวรรค์

ในห้องโถงใหญ่ เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆและหยุดอนุมาน นางถอนหายใจ “ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนช่างน่าทึ่งนัก เขาสามารถป้องกันการอนุมานของข้าได้อีกครั้ง”

ผู้อมตะระดับแปดเฉินอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม ช่วยเทพธิดาจื่อเว่ยอนุมาน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังล้มเหลว

เฉินอี้กล่าวด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ท่านหญิงจื่อเว่ย มีบางอย่างที่ข้าต้องรายงานท่าน”

“มันคือสิ่งใด?”

เฉินอี้เป็นเพียงผู้ช่วยขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยทุ่มเทความสนใจไปที่ฟางหยวนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเฉินอี้จึงเป็นคนแรกที่ค้นพบการกระทําของฟางหยวน

เขารายงาน “กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากําลังถูกวางขายอยู่ในสวรรค์สีเหลือง

“กระไรนะ!?” การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนไปทันที

นางเร่งเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงสามชิ้นถูกวางขาย มันดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจํานวนมาก

“เป็นไปได้อย่างไร ปีศาจฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ถึงระดับนี้แล้วงั้นหรือ!?”

“เห้อ…การเติบโตของเขารวดเร็วเกินไป เขากลายเป็นเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางสายปีศาจของรุ่นนี้แล้ว”

“ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกและใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่ เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการบ่มเพาะ”

“ข้าจํานางได้ นี่คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าของวังสวรรค์ ผู้ใดจะคิดว่านางจะถูกฟางหยวนปราบปรามจริงๆ!”

“จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในอดีต นางยังมีชีวิตอยู่อีกขั้นหรือ?”

“วังสวรรค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่ง พวกเขาพยายามจับฟางหยวนและส่ง ผู้อมตะระดับแปดออกมา แต่ดูสิ่งนี้ ฟางหยวนสามารถเอาชนะขณะที่นางตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช”

เจตจํานงของกลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่รู้จบสิ้น

ร่างของเทพธิดาจื่อเว่ยสั่นสะท้านขึ้นด้วยความโกรธ

ฟางหยวนไม่เพียงขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าแต่เขายังใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแสดงภาพการต่อสู้ระหว่างเขากับจิ้งหลานอย่างต่อเนื่อง

โดยธรรมชาติแล้วเขาเลือกที่จะแสดงภาพในช่วงเวลาที่เขาโจมตีจึงหลานได้สําเร็จเท่านั้น

“เราควรรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าหรือไม่?” เฉินอี้ถาม

จิ้งหลานเอาชนะหมื่นมังกรและกําจัดหมอกสับสนด้วยความยากลําบาก แต่เมื่อนางสามารถออกมา ฟางหยวนก็จากไปนานแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง

แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะสามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนได้ในเวลานั้น แต่พลังการต่อสู้ของจิ้งหลานตกลงอย่างมาก สถานการณ์ของนางค่อนข้างเลวร้าย นางจําเป็นต้องพักรักษาตัวเองชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อกําลังเสริมมาถึงในภายหลัง พวกนางก็ออกไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง

น่าเสียดายที่ฟางหยวนอยู่ลึกเข้าไปในกําแพงภูมิภาค แม้จิ้งหลานจะสามารถไล่ล่าต่อไป แต่กําลังเสริมของนางไม่มีวิธีการเดินทางในกําแพงภูมิภาคและต้องหยุดอยู่ที่ขอบนอกของกําแพงภูมิภาคเท่านั้น

จิ้งหลานไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ ด้วยความอัปยศ นางจึงไล่ล่าฟางหยวนต่อไปโดยไม่พักผ่อน แต่ในเวลานั้นเทพธิดาจื่อเว่ยก็สูญเสียความสามารถในการตรวจจับฟางหยวนไปแล้ว

“จื่อเว่ย ปีศาจฟางหยวนอยู่ที่ใด?” จึงหลานตะโกนถามเทพธิดาจื่อเว่ยด้วยความโกรธจัดแต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

จิ้งหลานถูกบังคับให้หยุดไล่ล่าแต่นางยังกัดฟันแน่นและต้องการฆ่าฟางหยวนเพื่อลบล้างความอับอายของตน

เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบไปชั่วขณะก่อนจะแจ้งผลลัพธ์กับจิ้งหลาน

“ว่าไงนะ!? เจ้าไม่สามารถค้นหาตําแหน่งของเขางั้นหรือ?” จิ้งหลานไม่พอใจ

“ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เขาจะไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างแน่นอน เราได้เตรียมการบางอย่างไว้แล้ว แม้เราจะล้มเหลวในครั้งนี้ แต่เราก็ได้กําไรมหาศาลเช่นกัน ไม่เพียงเราจะทําให้เขาสูญเสียพลังงานอมตะจํานวนมาก เรายังบังคับให้เขาเปิดไพ่หลายใบผู้อมตะเช่นเขาจะถูกกําจัดในการต่อสู้เพียงครั้งเดียวได้อย่างไร?” เทพธิดาจื่อเว่ยเกลี้ยกล่อมจิ้งหลาน

จิ้งหลานเงียบ

ไม่นานหลังจากนั้นนางก็ถอนหายใจยาว นางสงบจิตใจลงแล้ว

“ข้าประเมินเขาต่ำเกินไป คนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อ เขาคู่ควรที่จะถูกคัดเลือกโดยเจตจํานงสวรรค์และนิกายเงา ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ข้าจะไม่ทําพลาดเช่นในครั้งนี้!”

จิ้งหลานไม่ใช่คนบ้าระห่ํา หลังจากได้รับการแจ้งเตือน นางก็สามารถสงบอารมณ์และยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

“หากเปรียบเทียบกับฟางหยวน มีเรื่องที่น่าอึดอัดใจยิ่งกว่า…” เทพธิดาจื่อเว่ยแจ้งข่าวเกี่ยวกับสวรรค์สีเหลืองกับจิ้งหลาน

หัวใจที่พึ่งสงบลงของจิ้งหลานปะทุขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธ

“กระไรนะ!? ชายผู้นี้กล้าขายกระดูกซี่โครงของข้าจริงๆงั้นหรือ? ยืม ช่างอุกอาจนัก!”

จิ้งหลานเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงของนางถูกวางขาย ความโกรธของนางพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของนางกลายเป็นแดงก่ำ

ไม่นานหลังจากนั้นนางยังเห็นภาพที่แสดงฉากการต่อสู้ที่ฟางหยวนกําลังทุบตีนาง นี่ทําให้นางกัดกรามจนแทบหัก “บัดซบ! เจ้าสารเลวผู้นี้ในอนาคตเมื่อเขาอยู่ในกํามือของข้า ข้าจะถลกหนัก ดังเส้นเอ็น และเลาะกระดูกของเขาออกมา!”

“แต่…เด็กเลวผู้นี้นาพวกมันไปวางขายจริงๆ เขาระวังตัวมาก นอกจากนั้นเขายังแสดงภาพ การต่อสู้เพียงบางส่วน ช่างไร้ยางอายจริงๆ”

จิ้งหลานสูดหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นนางก็เริ่มคิด เขาใช้ทรัพยากรมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้ รากฐานของเขาได้รับความเสียหายงั้นหรือ? อาจเป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงวางขายกระดูกซี่โครงของข้าเพื่อเป็นการชดเชย? ข้าต้องซื้อพวกมันกลับมา!”

ด้านหนึ่งจิ้งหลานต้องการซื้อกระดูกซี่โครงเพื่อเชื่อมต่อกลับไป วิธีนี้จะทําให้การฟื้นตัวของนางรวดเร็วขึ้น

อีกด้านหนึ่งการปล่อยให้ฉากการต่อสู้และกระดูกซี่โครงของนางอยู่ในสวรรค์สีเหลืองแม้แต่วันเดียวก็จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของวังสวรรค์

ตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น วังสวรรค์ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งเสมอมา ตอนนี้ฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีจิ้งหลาน นี่เหมือนกับการตบหน้าวังสวรรค์ครั้งใหญ่

ไม่ใช่เรื่องดีที่เทพธิดาอเว่ยจะเคลื่อนไหวเนื่องจากจิ้งหลานเป็นผู้เกี่ยวข้อง

จิ้งหลานตระหนักถึงเจตนาของเทพธิดาจื่อเว่ย ดังนั้นนางจึงต้องกลืนความอัปยศและปกปิดตัวตนเพื่อเข้าไปเจรจากับฟางหยวนในสวรรค์สีเหลือง “เจ้าขายกระดูกซี่โครงเหล่านี้อย่างไร?”

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”

“ข้ามาจากทะเลตะวันออก” จิ้งหลานกัดฟันกล่าว นางไม่เคยคิดว่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่จะต้องปกปิดตัวตนเช่นนี้ “ข้าสนใจกระดูกซี่โครงสามชิ้นนี้มาก”

เจตจํานงของฟางหยวนหัวเราะ “มีผู้คนมากมายที่สนใจมัน”

จิ้งหลานกัดฟันกล่าวต่อ “แต่มีน้อยคนที่จะให้ราคาสูงได้เช่นข้า”

ฟางหยวนไม่ได้ทําตามความคาดหวังของนาง เขาไม่แม้แต่จะถามราคาที่นางเสนอและส่ายศีรษะทันที “ไม่ว่าเจ้าจะเสนอราคาเท่าใด ข้าก็ไม่ขาย!”

“ไม่ขายงั้นหรือ? หากเจ้าไม่ขาย เจ้าจะนําพวกมันมาวางไว้ที่นี่เพื่อสิ่งใด?” จิ้งหลานโกรธมาก

ฟางหยวนเย้ยหยัน “เพื่อความสนุก! เจ้ามีปัญหางั้นหรือ?”

“พรวด!”

จิ้งหลานหมดความอดทนและอักเลือดออกมาทันที “ฟางหยวน! ข้า จิ้งหลาน จะทําทุกอย่างเพื่อฆ่าเจ้า!”

สิบวันต่อมาฟางหยวนก็กลับไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ระหว่างทาง ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีตลอดเวลา

‘สุดท้ายข้าก็ไม่ต้องใช้อาภรณ์ภูตผีอีกต่อไป’ ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะยก เลิกการทํางานของท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ยืนรออยู่เร่งเข้ามาทักทาย

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกรุกรานแต่ฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วม แล้วเหตุใดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงแสดงออกอย่างเป็นมิตรเช่นนี้?

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าในสวรรค์สีเหลือง

ฟางหยวนไม่ได้ขายพวกมัน ด้านหนึ่งเป็นการตบหน้าวังสวรรค์ อีกด้านหนึ่งเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกกลุ่มของฟงจิวเก้อรุกรานและทุบตีอย่างน่าสังเวช นั่นทําให้ขวัญกําลังใจของสมาชิกพันธมิตรมนุษย์กลายพันธุ์ตกต่ําลงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์เป็นผู้นําเผ่าพันธุ์มนุษย์กําหราบเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และกดขี่พวกเขามาตลอด

ดังนั้นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกหวาดกลัวเผ่ามนุษย์และต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของโลกใบนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนสามารถทุบตีจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเปิดเผยฉากการต่อสู้ในสวรรค์สีเหลือง มันจึงถือเป็นข่าวดีสําหรับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มันก็เหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมายังพวกเขาและปัดเป่าความโศกเศร้าทั้งหมดออกไป

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าทําได้ดีมาก! ก่อนหน้านี้ข้าพยายามขอยืมมังกรหินแรกกําเนิดจากเผ่ามนุษย์หิน แต่พวกเขาทําตัวคลุมเครือ อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวการต่อสู้ของเจ้าถูกเผยแพร่ออกมา ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว เราสามารถข่มขู่เผ่ามนุษย์หินเพื่อขอยืมมังกรหิน ในเวลานั้นเราจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดเพิ่มขึ้นและการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็จะไม่เป็นปัญหา!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกมีขวัญกําลังใจ

แต่ฟางหยวนไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอีกฝ่าย วังสวรรค์ต้องเตรียมการเอาไว้มากมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะอธิบายเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

ฟางหยวนมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

คนเหล่านี้เป็นผู้อมตะจากพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาออกมาต้อนรับฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนยกย่อง “ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นอัจฉริยะจากสวรรค์ที่แท้จริง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ท่านกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้!”

ปิงหยวนยิ้มกว้าง ฟางหยวนหมั้นหมายกับสตรีเผ่ามนุษย์หิมะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกมองว่าเป็นมนุษย์หิมะครึ่งหนึ่ง ปิงหยวนเป็นผู้ริเริ่มแผนการนี้ ดังนั้นยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด นางก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนและฟงจิวเก้อครอบบัลลังก์อันดับหนึ่งร่วมกัน แต่หลังจากฟางหยวนแสดงฉากการต่อสู้ที่เขาสามารถเอาชนะจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า โลกทั้งใบจึงส่งเสียงโห่ร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ

ฟงจิวเก้อบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขาไม่ได้เผยแพร่ฉากเหตุการณ์ดังกล่าวออกไป ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟงจิวเก้อและได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท