เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1615 ก้าวต่อไป

บทที่ 1615 ก้าวต่อไป

บทที่ 1615 ก้าวต่อไป

มิติช่องว่างจักรพรรดิ์

ท่าไม้ตายอมตะค้นวิญญาณ!

พลังอํานาจลึกลับพุ่งเข้าสู่ดวงวิญญาณของเซี่ยชา แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของนาง ยังขัดขวางการค้นวิญญาณของฟางหยวน

แต่ฟางหยวนไม่ยอมแพ้ เขายังกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะค้นวิญญาณอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลาผ่านไปท่าไม้ตายอมตะค้นวิญญาณของฟางหยวน ก็ค่อยๆทําลายการป้องกันของนาง และบุกเข้าไปได้ในที่สุด

ฟางหยวนเริ่มดูดซับบข้อมูลจํานวนมหาศาลอย่างตะกละตะกลาม แต่ร่องรอยของพลังงาน แห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลายังไม่ยอมแพ้ มันพยายามกีดขวางอย่างเต็มที่และกระทั่งแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้า

ท่าไม้ตายอมตะค้นวิญญาณของฟางหยวนหยุดลง

“เซียชาผู้นี้สมกับเป็นผู้อมตะระดับแปด นางมีรากฐานที่แข็งแกร่ง กระทั่งดวงวิญญาณของนางก็ยังได้รับการปกป้องด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะ ค้นวิญญาณระดับเจ็ด

“การป้องกันของนางยังสามารถฟื้นฟูและตอบโต้ มันช่างวิเศษนัก”

หลังจากแยกดวงวิญญาณออกจากร่างเชลย ภัยคุกคามของผู้อมตะเหล่านี้ลดน้อยลงอย่างมาก

ดวงวิญญาณของไทซิ่วจง เฉิงหูจาง และคนอื่นๆไม่มีปัญหา ฟางหยวนสามารถดึงความทรงจําของพวกเขาออกมาได้ทั้งหมด

แต่เขาพบปัญหาบางอย่างกับหยางกู้ที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ โดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมมีวิธีต่อต้านการค้นวิญญาณ

อย่างไรก็ตามการค้นวิญญาณของหลิวห่าวกลับยิ่งยากลําบากมากกว่า

ดวงวิญญาณของหลิวห่าวถูกดัดแปลงโดยวังสวรรค์ มันมีการป้องกันที่ถูกจัดตั้งไว้เป็นชั้นๆ

แต่คนทั้งสองยังถูกค้นวิญญาณโดยฟางหยวนในที่สุด

หากภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจ จิตวิญญาณก็คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอันดับหนึ่งของโลกใบนี้

นั่นทําให้ฟางหยวนสามารถเรียนรู้ตัวตนของหลิวห่าวที่เป็นสายลับของวังสวรรค์

อย่างไรก็ตามดวงวิญญาณของเซี่ยชากลับมีปัญหามากที่สุด

ดวงวิญญาณของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า บนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ก่อตัว เป็นปราการป้องกันการโจมตีจากภายนอก

แน่นอนว่าการค้นวิญญาณของฟางหยวนคือการโจมตีและเป็นอันตรายต่อเซี่ยชา

แม้ฟางหยวนจะใช้วิธีการทั้งหมดแต่การค้นวิญญาณของเซี่ยชายังมีปัญหา เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเปิดช่องโหว่และดึงความทรงจําของนางออกมาทีละน้อยทีละน้อย

โชคดีที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเซี่ยชาไม่เพิ่มขึ้น นั่นทําให้ฟางหยวนมีโอกาสในการโจมตีครั้งต่อไป

ดวงวิญญาณของคนอื่นๆถูกขุดค้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเซี่ยชาผู้เดียวเท่านั้น

ฟางหยวนยุ่งอยู่กับดวงวิญญาณของเซี่ยชา ขณะที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อมตะคนอื่นๆโดยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ

ฟางหยวนได้รับข้อมูลจากการค้นวิญญาณ เขารู้จักภูมิประเทศภายในมิติช่องว่างของคนเหล่านั้นเป็นอย่างดีและสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเข้าสู่มิติช่องว่างของพวกเขาได้โดยตรง

นอกจากนี้ฟางหยวนยังตระหนักถึงทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ในมิติช่องว่างของพวกเขา

มิติช่องว่างเป็นสิ่งสําคัญในการบ่มเพาะของผู้อมตะ ผู้อมตะเหล่านี้เป็นตัวตนระดับสูงของภาคใต้ รากฐานของพวกเขาเหนือกว่าผู้อมตะทั่วไปอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ

แต่ผู้อมตะเหล่านี้จะถูกปล่อยตัวในที่สุด

หลังจากทั้งหมดการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขามีประโยชน์น้อยกว่าการรีดไถทรัพยากรจากกองกําลังใหญ่เหล่านั้น

การเพิ่มขึ้นของพลังงานแห่งเต๋าเป็นการเพิ่มรากฐานและสร้างอนาคตที่สดใส

แต่ไม่ว่าอนาคตจะสดใสเพียงใด หากไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรค์ในปัจจุบัน มันก็ไร้ประโยชน์

อุปสรรค์ในปัจจุบันคือวิญญาณชะตากรรม กล่าวให้ชัดเจนมากขึ้นคือเขาต้องหยุดวังสวรรค์ จากการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม

แต่ฟางหยวนไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ปัจจุบันเขาต้องหลบหนีการไล่ล่าของวังสวรรค์ ขณะที่วิญญาณชะตากรรมได้รับการคุ้มครองอยู่ในส่วนลึกของวังสวรรค์ การหยุดการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์เกินความสามารถของฟางหยวน

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องหาวิธีเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

ในประวัติศาสตร์ สามเทพปีศาจบุกโจมตีวังสวรรค์ แต่มีเพียงเทพปีศาจบัวแดงเท่านั้นที่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม แม้เขาจะไม่สามารถทําลายมันได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขายังทําให้วิญญาณชะตากรรมได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยเหตุนี้มันจึงมีความเป็นไปได้ที่มรดกของเทพปีศาจบัวแดง จะมีวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรม

เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงและไม่ถูกสังหารโดยวังสวรรค์ระหว่างกระบวนการนี้ ฟางหยวนต้องเพิ่มความแข็งแกร่งบนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้กับตนเอง วิธีการบนเส้นทางสายอื่นจะอ่อนแอลงและไม่มีประโยชน์ในสายธารแห่งกาลเวลา

ไม่ว่าจะเป็นสระแก่นแท้ปี คฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ฟางหยวนต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้โดยใช้เชลยอมตะเป็นเครื่องมือ

หลายวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

“โฮก…”

บนท้องห้าของภาคใต้น้อย มังกรหินคํารามเสียงดัง

ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน มังกรหินตัวนี้ก็เจาะลึกลงไปใต้พื้นดิน

ฟางหยวนถอนหายใจ “ในที่สุดการขุดสายแร่ก็เสร็จสิ้น”

มังกรหินตัวนี้ไม่ใช่มังกรหินของเผ่ามนุษย์หิน แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากสายแร่ นี่เป็นสายแร่ที่เกิดขึ้นจากทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดหินหมึก ฟางหยวนน้ํามันออกมาจากมิติช่องว่างของผู้อมตะภาคใต้ที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี

สําหรับวิธีย้ายสายแร่ขนาดใหญ่ มันมีอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่วิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนใช้มาจากเชลย

เชลยผู้นี้เคยย้ายสายแร่หมึกดําจากโลกภายนอกไปยังมิติช่องว่างของเขา ฟางหยวนเพียงเลียนแบบเขาเท่านั้น

“ด้วยสายแร่หมึกดํา ข้าจะสามารถสกัดมันออกมาทุกปีและขายมันในสวรรค์สีเหลือง”

มันทํากําไรไม่มากแต่เป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง

สายแร่หมึกดําจะขยายตัวโดยการดูดซับปราณพิภพ ตราบเท่าที่ฟางหยวนสกัดหินหมึกดําออกมาเพียงบางส่วน เขาจะได้รับหินหมึกดําอย่างต่อเนื่อง

แม้หินหมึกดําจะมีราคาไม่สูงนักหากเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดชนิดอื่น แต่มันก็ยังเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดมูลค่าของมันไม่สามารถมองข้าม

“บางทีข้าอาจย้ายเผ่ามนุษย์หินมาอยู่ใกล้ๆกับสายแร่หมึกดํา” ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจ

สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเผ่ามนุษย์หิน

ยิ่งสายแร่มีคุณภาพสูงเท่าใด มันก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นสําหรับการให้กําเนิด การอยู่อาศัย และความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์หิน สิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นก็คือเผ่ามนุษย์หินยังสามารถหล่อเลี้ยงสายแร่เหล่านั้นและทําให้พวกมันบริสุทธิ์มากขึ้น

นี่คือสถานการณ์ที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ฟางหยวนครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจย้ายที่อยู่ของเผ่ามนุษย์หิน

ผลกําไรของหินหมึกดําไม่มีความสําคัญกับเขา สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือผลประโยชน์ในอนาคตที่เผ่ามนุษย์หินจะมอบให้เขา

นอกจากสายแร่หมึกดํา ฟางหยวนยังนําภูเขาอีกหลายสิบลูกจากมิติช่องว่างของเชลยมาวางไว้ที่ภาคใต้น้อย

พวกมันเป็นภูเขาธรรมดาแต่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี นี่ถือเป็นขุมสมบัติ

นอกจากนี้ยังมีภูเขาบางลูกที่มีชื่อเสียง

ตัวอย่างเช่นภูเขาฝนลี้ลับ

ภูเขาลูกนี้ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดํา และมีฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

ฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ใช่น้ําฝนทั่วไป แต่เป็นทรัพยากรอมตระระดับหก

ตัวอย่างต่อไปคือภูเขาผนึกทองแดง

ภูเขาลูกนี้เป็นสีทองแดงและรูปร่างเป็นทรงลูกบาศก์สี่เหลี่ยมจตุรัส มันเหมือนกล่องขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในภาคใต้น้อย

ภูเขาผนึกทองแดงไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี มันถูกสร้างขึ้นจากทองแดงทุกประเภทตั้งแต่ทองแดงระดับมนุษย์เช่นทองแดงสวรรค์พิโรธ ทองแดงศักดิ์สิทธิ์ ทองแดงบัวหิมะ ตลอดไปถึงทองแดงระดับอมตะเช่นทองแดงบรรพกาลและทองแดงมังกรบิน

ทองแดงระดับมนุษย์มีมากที่สุดขณะที่ทองแดงระดับอมตะมีเพียงเล็กน้อย แต่มันยังมีทองแดงระดับเจ็ดที่เรียกว่าทองแดงจักรพรรดิอยู่บ้าง

ภูเขา สายแร่ และป่าไม้ ทรัพยากรเหล่านี้ถูกขโมยมาจากมิติช่องว่างของผู้อมตะภาคใต้ ทรัพยากรส่วนใหญ่ถูกย้ายมายังภาคใต้น้อยเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ทรัพยากรส่วนที่เหลือถูกแบ่งไปยังอีกสีภูมิภาคและเก้าสวรรค์

ตัวอย่างเช่นภาคกลางน้อยมีสวนดอกไม้เงาปลูกอยู่ในดินชาวนาอมตะ

ภาคเหนือน้อยมีเสาวายุสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ปลดปล่อยกระแสลมออกไปรอบๆ

ทะเลตะวันออกน้อยมีทะเลแห่งใหม่ มันคือทะเลคลื่นบุปผา มันเป็นทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่น และดอกไม้ที่เติบโตขึ้น ฟางหยวนค่อนข้างแปลกใจที่ได้รับสิ่งนี้มาจากอี้หยางที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

ทะเลทรายตะวันตกน้อยมีต้นชบายักษ์หลายสิบต้น ไม่ว่าจะเป็นกิ่งก้านหรือใบ พวกมันล้วนเป็นทรัพยากรอมตะ

มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป ก่อนหน้านี้การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิอยู่ที่สามถึงสี่ในร้อยส่วนเท่านั้น เมื่อเพิ่มทรัพยากรเหล่านี้เข้ามา มันพัฒนาไปถึงแปดหรือเก้าในร้อยสวน ยังมีทรัพยากรอีกมากที่เหลืออยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะภาคใต้และถ้ําสวรรค์ของเซี่ยชา หากนําทุกสิ่งออกมา มิติช่องว่างจักรพรรดิจะพัฒนาได้ถึงสิบในร้อยส่วน” ฟางหยวนถอนหายใจ

แหล่งทรัพยากรทั้งหมดมีทั้งแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่และแหล่งทรัพยากรขนาดเล็ก พวกมันต่างเป็นแหล่งรายได้หลักของผู้อมตะเหล่านั้น

เวลานี้วังสวรรค์เริ่มดําเนินแผนการของพวกเขาในสวรรค์สีเหลืองแล้วโดยการวางขายปลามังกรทองแดง ปลามังกรเหล็กไหล และปลามังกรเงินด้วยราคาที่ลดต่ําลงอย่างมาก สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจปลามังกรของฟางหยวน

แต่แล้วอย่างไร?

แหล่งทรัพยากรที่ฟางหยวนได้รับมาใหม่เหล่านี้สามารถสนับสนุนการบ่มเพาะของเขาได้อย่างไม่มีปัญหา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท