เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1623 วานรแปดหู

บทที่ 1623 วานรแปดหู

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1623 วานรแปดหู

กลุ่มผู้อมตะของภาคใต้รู้สึกถึงแรงกดดันทันทีเมื่อพวกเขาเข้าสู่เทือกเขาห้าภูมิภาค

พวกเขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวเพื่อก้าวไปข้างหน้าและใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันปกป้องตนเอง อย่างไรก็ตามมิติช่องว่างของพวกเขายังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นอกจากนั้นพวกเขายังได้รับผลกระทบย้อนกลับจากการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะอีกด้วย

“ปีศาจตนนี้เลือกสถานที่ได้ค่อนข้างดี!” ผู้อมตะภาคใต้กล่าวด้วยความเกลียดชัง

“แม้มิติช่องว่างของข้าจะถูกทําลาย ข้าก็จะกําจัดปีศาจตนนี้ให้ได้!” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์และร้ายกาจมาก เขากล้าหาญและหยิ่งผยอง เขาไม่กลัวแม้แต่วังสวรรค์โดยไม่ต้องกล่าวถึงภูมิภาคอื่น

เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่สามารถซุ่มโจมตีและจับตัวผู้อมตะจํานวนมากของภาคใต้ไปเรียกค่าไถ่ หากเขาได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะเกิดหายนะชนิดใดขึ้น?

หากฟางหยวนเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ นั้นอาจถือเป็นเรื่องดี เพราะฝ่ายธรรมะต้องทําตามกฏ

แต่เขาอยู่บนเส้นทางสายปีศาจ เขาจะปล้นฆ่าคนอื่นๆเพื่อทรัพยากรที่เขาต้องการ นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถประนีประนอม

ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงฟางหยวนจะมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวแต่เขายังมีความสามารถในการป้องกันการอนุมาน สิ่งนี้น่ากลัวเกินไป

ภัยคุกคามนี้จะต้องถูกกําจัดโดยเร็วที่สุด!

“ฆ่า บุกเข้าไป! ล้างแค้นให้สมาชิกของเรา!”

“ผู้ใดที่สามารถฆ่าฟางหยวน มารับรางวัลกับข้า เฉินอู๋เจีย!”

“ข้าจื่อชิวหยู่จะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะให้คนผู้นั้นด้วยตนเอง!”

“ตระกูลวูของข้าจะเปิดคลังสมบัติและมอบวิญญาณอมตะสามดวงให้คนที่สามารถสังหารฟางหยวน!”

ขวัญกําลังใจของผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากต่อหน้ารางวัลใหญ่ พวกเขาแยกออกเป็นกลุ่มและเคลื่อนที่ไปทุกแห่งหนบนเทือกเขาห้าภูมิภาค

“กุ๊ก กุ๊ก”

เสียงร้องของไก่ดังขึ้นก่อนที่อสูรปีระกาแรกกําเนิดตัวหนึ่งจะเข้าปิดกั้นกลุ่มของเฉิงอู๋เจีย

ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เขาส่งอสูรปีแรกกําเนิดออกไปสกัดกั้นศัตรูจากทุกทิศทาง

ผู้อมตะระดับเจ็ดรู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจก่อนที่จะได้ยินเสียงเย้ยหยันของเฉิงอู๋เจีย

“ลูกเจี๊ยบพยายามกีดขวางเส้นทางของข้างนหรือ?” เฉิงอู๋เจียตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

“บึม!”

อสูรประกาแรกกําเนิดถูกส่งลอยกลับหลังไปชนภูเขาและหมดสติลงทันที

ผู้อมตะระดับเจ็ดอ้าปากค้างเมื่อเห็นฉากเหตุการณ์นี้

“เฉิงอู๋เจียอาจเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขาไม่เคยมีชื่อเสียงด้านพลังการต่อสู้ ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะมีท่าไม้ตายที่น่ากลัวเช่นนี้”

อสูรปีระกาแรกกําเนิดถูกเฉิงอู๋เจียกํากราบโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบสนอง!”

“ดุร้ายเกินไปแล้ว!”

“ตระกูลเฉิงถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้ากองกําลังแนวหน้าแต่ผู้ใดจะคิดว่าเฉิงอู๋เจียจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

การเคลื่อนไหวของเฉิงอู๋เจียน่าเหลือเชื่อมาก ไม่ว่าอสูรประกาแรกกําเนิดจะอ่อนแอเพียงใด มันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตระดับแปด แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะถูกกําหราบในการเคลื่อนไหวเดียว

โอ้ เขานําวิญญาณไก่อ่อนมาด้วย..” เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของฟางหยวน

ผลงานที่ย่ำแย่ของอสูรประกาแรกกําเนิดทําให้ฟางหยวนนึกไปถึงธุรกรรมที่มีชื่อเสียงในชีวิตแรกของเขา ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลปา ปาจี้ จ่ายราคามหาศาลเพื่อซื้อวิญญาณอมตะไก่อ่อนระดับแปดจากตระกูลเฉิง ด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้เป็นอย่างมาก

ปัจจุบันปาจี้ยังอยู่ระหว่างปิดประตูฝึกตน เขาไม่มีชื่อเสียงและแทบไม่เป็นที่รู้จัก วิญญาณอมตะไก่อ่อนยังอยู่กับตระกูลเฉิงขณะที่เฉิงอู๋เจียน้ำมันมาเพื่อจัดการข้า”

ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้ พลังการต่อสู้ของเฉิงอู๋เจียไม่โดดเด่น แต่เขาสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นๆด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะไก่อ่อน

โชคดีที่อสูรปีระกาแรกกําเนิดเพียงหมดสติและไม่ถูกสังหาร มันสามารถกลับเข้าสู่สนามรบได้อีกครั้ง

ฟางหยวนส่งอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดเข้าโจมตีกลุ่มของเฉิงอู๋เจียทันที

ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน เฉิงอู๋เจียถูกหยุดยั้ง ความได้เปรียบก่อนหน้าหายไปแล้ว

กลุ่มอื่นๆกําลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ชัดเจนว่าฟางหยวนให้ความสําคัญกับผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้

อสูรปีแรกกําเนิดไม่ใช่ปัญหาสําหรับผู้อมตะระดับแปดในการต่อสู้ตัวต่อตัว แต่พวกมันสามารถหยุดพวกเขาได้ชั่วคราว

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยแรงกดดันจากเทือกเขาห้าภูมิภาค การใช้ท่าไม้ตายอมตะของกลุ่มผู้อมตะจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากและยังต้องพบกับผลกระทบย้อนกลับโดยเฉพาะผู้อมตะระดับแปด

นี่เป็นเหตุผลที่ผู้อมตะระดับแปดจะไม่เดินทางผ่านกําแพงภูมิภาคแต่เลือกเดินทางผ่านสวรรค์สีขาวหรือสวรรค์สีดํา

แต่ท้ายที่สุดภูเขาห้าภูมิภาคก็เป็นเพียงการจําลองกําแพงภูมิภาค แรงกดดันของมันที่มีต่อผู้อมตะระดับแปดจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับกําแพงภูมิภาคที่แท้จริง

ยังต้องใช้พลังทั้งหมด

แรกกําเนิดและไม่สามารถ

อย่างไรก็ต เคลื่อนไหวไปที่ใด

อสูรปีแรกกําเนิดเหล่านี้มาจากสายธารแห่งกาลเวลา พวกมันไม่ได้เกิดในห้าภูมิภาค ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้รับอิทธิพลจากแรงกดดันใดๆ

สําหรับบ้านไม้ไผ่สายลม มันจะได้รับแรงกดดันมหาศาลจากเทือกเขาห้าภูมิภาค ดังนั้นวูหยงจึงเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของเขาและไม่กล้าใช้งานมันที่นี่

“ปีศาจตนนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก ไม่แปลกใจเลยที่เขาเลือกสถานที่แห่งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ!” ผู้อมตะบางคนกระอักเลือดขณะตะโกน

“เราไม่สามารถปล่อยให้ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัตินี้!” จื่อชิวหยูตะโกน

ฟางหยวนส่งอสูรปีแรกกําเนิดทั้งหมดออกมาแต่จํานวนของพวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

พวกมันสามารถกักขังผู้อมตะภาคใต้ ขณะเดียวกันผู้อมตะภาคใต้ก็สามารถกักขังพวกมัน นั่นทําให้ผู้อมตะภาคใต้บางกลุ่มสามารถมุ่งหน้าเข้ามาหาฟางหยวน

“ค่ายกลวิญญาณอมตะ!” ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนก ภายใต้คําสั่งของเขา ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ถูกกระตุ้นใช้งาน

ทันใดนั้นกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พลันสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขา หมอกหนาทึบปรากฏขึ้นและทําให้พวกเขาสูยเสียการรับรู้ทิศทาง

“ปีศาจตนนี้มีแผนสํารอง!”

“อย่ากลัว คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่สามารถใช้งานในเทือกเขาห้าภูมิภาค ค่ายกลวิญญาณอมตะก็เช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปมันจะพังทลายลงในที่สุด ฟางหยวนต้องได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง!”

“ไม่ นี่เป็นแผนการของปีศาจร้ายตนนั้น ตราบเท่าที่เขาอดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แม้ค่ายกลวิญญาณอมตะจะพังทลายและทําให้เขาได้รับผลกระทบย้อนกลับ แต่เขาสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อหลบหนี”

ผู้อมตะภาคใต้สนทนากันอย่างรวดเร็วและตระหนักถึงกลยุทธ์ของฟางหยวน

“เราต้องทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้โดยเร็วที่สุด!”

“เจ้ามีวิธีการดังกล่าวนั้นหรือ?”

“ไม่ดีแล้ว ผู้อมตะตระกูลจื่อถูกขัดขวางทั้งหมด” “บัดซบ! ปีศาจตนนี้จงใจทําเช่นนี้!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงหัวเราะดังขึ้น

ทุกคนหันหน้าไปทางแหล่งที่มาของเสียงและพบกับคนตัวเล็กแต่ศีรษะโต ผู้อมตะบางคนถาม “สหายตระกูลฮัว เหตุใดเจ้าจึงหัวเราะ?”

ผู้อมตะตระกูลฮั่ว ฮัวจื่อเสวีย หยุดหัวเราะและกล่าว “อย่ากังวล ทุกคน ข้าพบว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไม่มีความสามารถด้านห้วงมิติ มันเพียงทําให้เราสับสนและไม่สามารถตรวจสอบทิศทางเท่านั้น ข้ามีสัตว์อสูรบางตัวที่สามารถใช้งานในสถานการณ์นี้ ออกมา!”

หลังกล่าวจบคํา ฮั่วจื่อเสวียก็นําวานรตัวหนึ่งออกมาจากมิติช่องว่างของเขา

มันเป็นลิงตัวเล็กๆที่มีขนสีทองและมีแปดหู

กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง “นี่คือวานรแปดหูแรกกําเนิดงั้นหรือ?”

ฮั่วจื่อเสวียหัวเราะเสียงดัง “ถูกต้อง!”

สายตาของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่จ้องมองยั่วจื่อเสวียเปลี่ยนไปทันที

ฮั่วจื่อเสวียเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ไร้ชื่อเสียง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะซ่อนสัตว์อสูรแรกกําเนิดเอาไว้

“เจ้าลิงน้อย ศัตรูอยู่ที่ใด?” ยั่วจื่อเสวียลูบศีรษะวานรแปดหูเบาๆ

วานรแปดหูเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิดแต่มันกลับเชื่องมากและฟังคําสั่งของฮั่วจื่อเสวีย

มันเอียงหูไปด้านข้างก่อนจะกรีดร้องและชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง

ทุกคนเดินไปตามทิศทางที่มันชี้นําโดยไม่ลังเล

แม้ค่ายกลวิญญาณอมตะจะเกิดการเปลี่ยนไป แต่วานรแปดหูยังสามารถนําทางพวกเขา

“มันคือวานรแปดหู! แม้ตระกูลฮั่วจะเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงวานร แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะมีสัตว์อสูรแรกกําเนิดในการครอบครอง!” เจตนาสังหารปะทุขึ้นในใจของจวินเฉินกวง

แต่ภารกิจกําจัดฟางหยวนสําคัญมาก จวินเฉิงกวนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเสี่ยง

“วานรแปดหูสามารถรับรู้ทุกสิ่งรอบตัว เมื่อภาคกลางบุกภาคใต้ วิธีการปกปิดส่วนใหญ่ของพวกเราจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ การฆ่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแผนการของวังสวรรค์!”

จวินเฉิงกวงมองวานรแปดหูด้วยเจตนาสังหาร

วานรแปดหูตอบสนองทันที มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

สัตว์อสูรตัวนี้ค่อนข้างอ่อนไหว!” จวินเฉิงกวนรีบถอนสายตาของเขา “ลืมมันไปซะ ตอนนี้ภารกิจที่สําคัญที่สุดของข้าคือฟางหยวน”

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว” ยั่วจื่อเสวียปลอบโยนวานรแปดหู

เมื่อถึงจุดนี้วิสัยทัศน์ของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ก็กลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง บางคนตะโกน “พวกเราหลุดออกมาแล้ว!”

“ครืน…ครืน…”

ปราณสวรรค์พิภพยังปั่นป่วน

“นี่เกิดจากมิติช่องว่างของฟางหยวนงั้นหรือ?”

“เราอยู่ใกล้แล้ว!”

ศัตรูอยู่ข้างหน้าแต่กลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลับไม่กล้าก้าวเท้าออกไป

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนทําให้ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้รู้สึกไม่สบายใจ

“พันธมิตรภาคใต้อาจก่อตัวขึ้นแล้วแต่สถานการณ์โดยรวมยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คนเหล่านี้ยังไม่สามารถรวมใจเป็นหนึ่ง! จวินเฉินกวงเย้ยหยันอยู่ภายใน

เขายังเดินไปข้างหน้าและพยายามเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวนขณะปกปิดตนเอง

“เมื่อข้าเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวน เขาจะไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่เพราะกลัวว่าทรัพยากรของเขาจะได้รับความเสียหาย

“ข้าไม่จําเป็นต้องต่อสู้ แต่ข้าจะเคลื่อนที่ไปรอบๆและทําลายทรัพยากรของเขา ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะไม่สามารถอดทน

สิ่งสําคัญก็คือฟาหงยวนกําลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ หากข้ารบกวนเขาจากด้านข้าง เขาจะทําเรื่องผิดพลาดและเผยจุดอ่อน เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะประสบความสําเร็จในการฆ่าเขา!”

“แต่เพื่อความมั่นใจ ข้าควรซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่างของเขาต่อไป หลังจากฟางหยวนต่อสู้กับภัยพิบัตและกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ระยะหนึ่งแล้ว ข้าจะฉวยโอกาสนั้นฆ่าเขา ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว!

จวินเฉินกวงมีทักษะการปกปิดที่ทรงพลัง นี่เป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของเขา

เขารู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟางหยวนจะค้นพบเช่นกัน

แต่หากเขาไม่ฉวยโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ เขาอาจพลาดโอกาสแห่งชัยชนะ

ในฐานะผู้อมตะระดับแปด เขาไม่เคยสูญเสียความกล้า แต่เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อใดควรเสี่ยงหรือเมื่อใดไม่ควร

“ตอนนี้เป็นเวลาเดิมพันชีวิตของข้า!! ดวงตาของจวินเฉินกวงส่องประกายขึ้นขณะที่เขาอดทนต่อแรงกดดันและพยายามเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวน

ผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมดพยายามตรวจสอบสภาพแวดล้อมแต่ไม่มีผู้ใดค้นพบจวินเฉินกวง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท