เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1624 นี่คือกับดัก

บทที่ 1624 นี่คือกับดัก

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1624 นี่คือกับดัก

ทางเข้ามิติช่องว่างยังเปิดกว้างแต่ระดับการดูดซับปราณสวรรค์พิภพลดลงแล้ว

“เกิดสิ่งใดขึ้น? ศัตรูอยู่ตรงหน้าแต่พวกเจ้ายังลังเลอยู่อีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะตระกูลไท่ตะโกนเสียงดัง

หลายคนเริ่มหน้าแดงด้วยความละอายใจ จากนั้นบางคนจึงเปิดปากตะโกน “บุกเข้าไปกันเถอะ!”

“ฟางหยวนกําลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เราจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้ใดที่วิ่งหนีจะเป็นความอับอายของฝ่ายธรรมะของภาคใต้!”

“ถูกต้อง พุ่งเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน แม้ตาย เราก็ต้องทําให้แน่ใจว่าปีศาจตนนี้จะพบการสูญเสียครั้งใหญ่!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เหตุใดถึงมองโลกในแง่ร้ายนัก ปีศาจตนนี้รีดไถทรัพยากรมากมาย มิติช่องว่างของเขาต้องเต็มไปด้วยสมบัติ ยังไม่ต้องกล่าวถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ!”

“ผู้อมตะของตระกูลข้ายังถูกจองจําอยู่ ข้าสงสัยว่าเขานําเชลยไปไว้ที่ใด”

“ข้าตรวจสอบแล้ว ไม่มีค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่รอบตัวพวกเรา” ฮั่วจื่อเสวียกล่าวด้วยความมั่นใจขณะลูบศีรษะวานรแปดหู

จิตใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้สงบลงอย่างรวดเร็ว

ค่ายกลวิญญาณอมตะของฟางหยวนทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อไม่มีปัญหานี้ ขวัญกําลังใจของพวกเขาจึงพุ่งสูงขึ้น

พวกเขาพุ่งเข้าสู่มิติช่องว่างที่ละคน

“ครืน”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน

แสงระยิบระยับส่องประกายขึ้นขณะที่ผู้อมตะภาคใต้จํานวนมากถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัว วิสัยทัศน์ของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวและทําให้พวกเขาสูญเสียการมองเห็นไปชั่วครู่

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง พวกเขาพยายามปกป้องตนเองด้วยความตื่นตระหนกขณะเดียวกันก็พยายามโจมตีไปที่จุดศูนย์กลางของแสงสว่าง

อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ภายในแสงสว่างไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นจวินเฉินกวง!

เขาโกรธมาก “ท่าไม้ตายของข้าท่านี้คือแสงกะทันหัน มันจะทํางานด้วยตัวของมันเองเมื่อข้าตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แสงกะทันหันทํางานเมื่อข้าพยายามลอบเข้าสู่มิติของว่างของฟางหยวน เกิดสิ่งใดขึ้น? ยังมีกับดักซ่อนอยู่งั้นหรือ?”

เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาเร่งล่าถอย ขณะเดียวกันเขาก็ต้องปิดกั้นการโจมตีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามีวิธีการที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเจ้ามาถึงแล้ว เหตุใดต้องรีบจากไป?” เสียงหัวเราะของฟางหยวนดังเข้าสู่จวินเฉินกวง

หัวใจของจวินเฉินกวงสั่นสะท้านขึ้น เขากรีดร้อง “โอ้ ไม่!”

เขาสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลที่ดึงเขาเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวน

ทันใดนั้นความสงสัยของจวินเฉินกวงก็หายไปอย่างสมบูรณ์ เขาแน่ใจแล้วว่านี่คือกับดักของฟางหยวน!

จวินเฉินกวงคําราม เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจฟันเฟือนจากเทือกเขาห้าภูมิภาค

จวินเฉินกวงพยายามหลบหนีออกจากสนามรบ แต่กระทั่งเขาจะประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตาย แต่ความเร็วของเขากลับช้าเหมือนหอยทากหรือเต่า

“บัดซบ! นี่เป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลา!”

จวินเฉิงกวงบอกได้ทันทีว่ามันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ทําให้เขาช้าลงเกือบร้อยเท่า

จวินเฉิงกวงตกใจมาก “ข้าคือผู้อมตะระดับแปดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ระดับแปด เหตุใดข้าจึงช้าลงถึงระดับนี้? วิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอยู่ในระดับแปด นี่อยู่นอกเหนือจากข้อมูลทั้งหมด เขาบรรลุสิ่งนี้ได้อย่างไร?

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ข้าถูกโจมตี!”

“เวลาข้ามาก มันเหมือนข้าติดอยู่ในโคลนดูด คิดหาวิธีเร็วเข้า!”

เช่นเดียวกับจวินเฉิงกวง กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ข้าควรตอบแทนความกระตือรืนร้นของพวกเจ้าเป็นร้อยเท่า” ฟางหยวเข้าสู่สนามรบ

พวกเขาเห็นผู้อมตะชุดคลุมขาว เส้นผมสีดําปลิวไปตามสายลม ใบหน้าหล่อเหลาจนถึงขั้นงดงาม ดวงตาที่ดูราวกับขุมนรกทั้งเยือกเย็นและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ทุกคนคุ้นเคยกับรูปลักษณ์นี้เป็นอย่างดีและมันก็ทําให้ร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านในขณะที่ใบหน้ากลายเป็นซีดขาวด้วยความหวาดกลัว

บางคนตะโกนเสียงสั่น “ฟางหยวน!”

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อผู้อมตะระดับเจ็ดแต่มองไปที่จวินเฉินกวง

ใบหน้าของจวินเฉินกวงกลายเป็นแดง เขากําลังใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

ฟางหยวนยิ้มและค่อยๆยกฝ่ามือข้างซ้ายขึ้น

มือของเขางดงามราวกับดอกบัวหยกที่กําลังเบ่งบาน

กลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากควบแน่นจนกลายเป็นเงาร่างที่ดูเหมือนหุบเขาเหล่โปอยู่กลางฝ่ามือของฟางหยวน

ความรู้สึกของจวินเฉินกวงส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกอันตรายที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเข้าครอบงําร่างกายและจิตใจของเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหม่า

ท่าไม้ตายนี้น่ากลัวเกินไป! ความรู้สึกของข้าไม่ผิด ข้าจะไม่รอดหากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้! หนี ข้าต้องหนี!”

ใบหน้าของจวินเฉิงกวนไม่เหลือความสง่างามใดอยู่อีก

ท่าไม้ตายอมตะแสงเทพสุริยัน!

เขาใช้ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาทันที ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาราวกับดวงอาทิตย์

ไม่ว่าแสงสีขาวจะเคลื่อนที่ไปที่ใด วิธีการของฟางหยวนก็จะพังทลายลง

กระทั่งเทือกเขาห้าภูมิภาคยังสั่นสะเทือนและเริ่มพังทลาย

ท่าไม้ตายอมตะแสงเทพสุริยันส่งผลกระทบต่อทุกสนามรบ

ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้ที่ต่อสู้กับอสูรปีแรกกําเนิดถูกรบกวนอย่างหนักจากสิ่งนี้

“ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง?”

“อืม นี่เป็นคนของวังสวรรค์!”

เมื่อแสงสีขาวหายไป ผู้อมตะทั้งหมดก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

“เดี๋ยว! นั่นมิติช่องว่าง…นั่นคือมิติช่องว่างของผู้อมตะตระกูลข้า!”

“อันใด? มันไม่ใช่มิติช่องว่างของฟางหยวนงั้นหรือ?” ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว

“นี่เป็นกับดัก!” จวินเฉิงกวงตะโกนขณะที่เขายังพยายมล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง

“ต้องการหนึงั้นหรือ?” ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของจวินเฉินกวง

หัวใจของจวินเฉินกวงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขามองฟางหยวนด้วยดวงตาเบิกกว้าง เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาตระหนักว่าแทนที่จะกล่าวว่าฟางหยวนซุ่มโจมตีผู้อมตะภาคใต้ มันจะถูกต้องกว่าที่เขาจะกล่าวว่าฟางหยวนซุ่มโจมตีสมาชิกวงสวรรค์ซึ่งก็คือตัวเขาเอง!

ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือข้า!”

“ฮีม เจ้าเผยตัวออกมาแล้ว ข้าเตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว กับดักของเจ้าไม่สามารถล้มข้า เจ้าคิดว่าจะสามารถจับกุมข้างั้นหรือ?”

“เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด…แต่ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปด! นอกจากนี้ข้ายังมีเว่ยเฟิงอยู่ที่

เว้นเพียงผู้อมตะภาคใต้จะร่วมมือกับเจ้า มิฉะนั้นเจ้าอย่าคิดว่าจะสามารถสังหารข้า!”

จวินเฉินกวงสุดหายใจลึกและปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาปกป้องตนเอง

ผู้อมตะภาคใต้โจมตีในเวลาต่อมา

เป้าหมายของพวกเขาคือฟางหยวน

วุหยงเป็นผู้นําขณะที่จื่อชิวหยูและเฉิงอู๋เจียตามไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาโจมตีฟางหยวนโดยไม่คํานึงถึงการโจมตีของอสูรปีแรกกําเนิด นอกจากนั้นยังมีผู้อมตะภาคใต้อีกเป็นจํานวนมาก

จวินเฉินกวงหัวเราะเสียงดัง “ปีศาจฟางหยวน เจ้านําหายนะมาสู่ตนเองด้วยการทําบาปกรรมมากมาย! เจ้าต้องการฆ่าข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่า วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”

เช่นนั้นหรือ?” แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแต่ฟางหยวนยังสงบ มุมปากของของเขายกตัวขึ้นเล็กน้อย

“บึม!”

ในเวลาต่อมา กลิ่นอายของเขาก็ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกคนตกใจมาก

“อันใด!?”

“กลิ่นอายระดับแปด!”

“เป็นไปไม่ได้!”

ฟางหยวนชี้นิ้วออกไป

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

จากนั้น

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

“นี่คือ!?” จื่อชิวหยูและเฉิงอู๋เจียตกตะลึง

“นี่คือท่าไม้ตายอมตะของท่านหญิงเซี่ยชา…” ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลเซี่ยกรีดร้อง

กรรไกรฤดูใบไม้ผลิโจมตีจวินเฉินกวงและกําหราบเขาทันที ขณะเดียวกันพัดฤดูร้อนที่อยู่ในมือของฟางหยวนก็สะบัดออกไปสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดของผู้อมตะภาคใต้

เขาต่อสู้กับผู้อมตะกลุ่มใหญ่ด้วยตัวเขาเพียงลําพัง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่และไม่น่าเชื่อ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท