เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1636 ราชาปีศาจ

บทที่ 1636 ราชาปีศาจ

บทที่ 1636 ราชาปีศาจ

สวรรค์สีขาว

ประตูบานใหญ่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

มันมีหลังคาสูงและมีรูปปั้นตั้งอยู่สองข้างของประตู มีแผ่นโลหะขนาดใหญ่ติดไว้เหนือบานประตู และมีข้อความสลักไว้ว่าห้าเซียง

ประตูบานนี้ราวกับถูกสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ มันดูยิ่งใหญ่และล้ําค่า ผู้อมตะตระกูลฉีหกคนยืนอยู่หน้าประตูบานนี้

ผู้นํากลุ่มเป็นผู้อมตะชราร่างกายผอมบาง ดวงตาส่องประกายเฉลียวฉลาด เขายืนตัวตรงราวกับหอก เขาก็คือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฉี ฉีฟาง

ด้านซ้ายของเขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลฉี ฉีไค เขาลูบเครากล่าว “ข้ามีประสบการณ์ในการเปิดผนึกหายครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าแทบไม่สามารถอดทนรอต่อไป!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามีจินหัวเราะ “การเดิมพันดําเนินมาเป็นเวลาหลายพันปี ในที่สุดเราจะสามารถยุติมันในวันนี้ ในฐานะทายาทตระกูลฉี เราสามารถเผชิญหน้าบรรพชนของเราได้อย่างภาคภูมิใจ เราจะเป็นผู้ชนะการเดิมพันนี้!”

ประตูเริ่มส่องแสงห้าสีออกมาเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของห้าเซียง

สีแรกคือสีแดง

นี่คือตัวแทนของตระกูลเสียของเสวี่ยเซียง เนื่องจากพวกเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่ง เลือดพวกเขาจึงถูกกําจัดออกไป

สีที่สองคือสีเหลือง

มันเป็นตัวแทนของตระกูลชื่อของชื่อเซียง แม้พวกเขาจะมีทายาทสืบสายเลือด แต่พวกเขาอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชน เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สุดท้ายจึงไม่มีผู้อมตะปรากฏขึ้นอีก

สีที่สามคือสีน้ําตาล

นี่คือตัวแทนของตระกูลหนี่ของหนี่เซียง พวกเขามีทายาทเป็นผู้อมตะอยู่ไม่มาก แต่พวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูงโดยเฉพาะหนี่เอ๋อ บางคนอนุมานว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะเข้ากับสายเลือดของตระกูลหนี่เพื่อช่วยเหลือทายาทของเขา แต่ตอนนี้หมู่บ้านตระกูลหนี่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฉี พวกเขาไม่สามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้อีก

สีที่สี่คือสีขาว

“ถึงคราวของเราแล้ว” ฉีไคตื่นเต้นมาก เขาแทบไม่สามารถอดทนรอต่อไป

“ไปกันเถอะ” ฉีฟากล่าวอย่างจริงจัง เขานํากลุ่มผู้อมตะสี่คนที่อยู่ข้างหลังบินเข้าไปที่ประตู…และอาบแสงสีขาว

แสงสีขาวระเบิดแสงสว่างออกมากลืนกินร่างของผู้อมตะทั้งห้าเข้าไปก่อนที่มันจะกลับสู่สภาพเดิม

ผู้อมตะทั้งห้าของตระกูลฉีถูกย้ายไปอยู่บนก้อนเมฆสีขาวในบริเวณใกล้เคียง นี่หมายความว่าพวกเขาผ่านการทดสอบและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในเดิมพัน

“ตระกูลไป่เป็นตระกูลสุดท้าย” ฉีจินกล่าวโดยไม่สามารถปกปิดความกังวลใจของเขา

กลุ่มผู้อมตะตระกูลฉียังไม่ได้เข้าไปในบานประตู พวกเขามองไปรอบๆและรอคอยการมาของไป่หนิงปิง

ไป่หนิงปิงได้รับมรดกจากถ้ําสวรรค์ไป่เซียง นางสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะไป่เชียงและแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาในการต่อสู้หลายครั้งก่อนหน้า

วังสวรรค์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวนรวมถึงสมาชิกนิกายเงา แม้ไป่หนิงปิงจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนิกายเงา แต่ข้อมูลของนางก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน

แม้ตระกูลฉีจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับโลกผู้อมตะ พวกเขาก็ยังรวบรวมข้อมูลของโลกภายนอกเสมอ

แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นแต่ยังไม่มีผู้ใดปรากฏตัว

ฉีไคถอนหายใจ “ดีไป่หนิงปิงไม่มา ตระกูลฉีของเราจะชนะอย่างแน่นอน หือ?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่สองร่างปรากฏขึ้นหน้าประตู

ผู้อมตะตระกูลฉีเห็นผู้อมตะชายหนึ่งและหญิงอีกหนึ่ง

ผู้อมตะหญิงมีเส้นผมสีขาวยาวลงมาถึงเอว ดวงตามังกรสีฟ้าซีดของนางปลดปล่อยกลิ่นอายอันเย็นเยียบออกมา ผิวของนางขาวราวหิมะ การแสดงออกของนางเย็นชามาก ความงามของนางสามารถใช้เพียงคําว่าเทพธิดาจากสวรรค์เท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่สะดุดตาที่สุดของนางคือเขามังกรคู่เล็กๆบนหน้าผากของนาง

เมื่อเห็นเทพธิดาผู้นี้ ผู้อมตะตระกูลนี้นึกถึงชื่อของไป่หนิงปิงขึ้นมาทันที

“บัดซบ! ไป่หนิงปิงมาจริงๆ!”

“ผู้ใดอยู่ข้างนาง”

ฉีจินสังเกตไป่หนิงปิงเป็นคนแรกก่อนจะหันหน้าไปทางผู้อมตะชาย

ชายผู้นี้มีเส้นผมสีดํา จมูกสูง ใบหน้างดงาม ดวงตาดํามีดราวกับขุมนรก

เมื่อผู้อมตะตระกูลฉีเห็นชายผู้นี้ ร่างกายของฉีจินพลันสะท้านขึ้น เขากลืนน้ําลายก่อนจะกล่าวด้วยน้ําเสียงที่แหบแห้ง “ฟางฟางหยวน…”

ร่างกายของผู้อมตะตระกูลฉีต่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ไป่หนิงปิงเป็นลูกน้องของฟางหยวน โลกผู้อมตะของทั้งห้าภูมิภาครู้เรื่องนี้

หากไป่หนิงปิงปรากฏตัวและเข้าร่วมในการเดินพันห้าเซียง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฟางหยวนจะมาด้วย

ตระกูลรู้เรื่องนี้และเตรียมใจไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม

เมื่อฟางหยวนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาจริงๆ การเตรียมใจของพวกเขากลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก และอารมณ์ทุกชนิดปะทุขึ้นในหัวใจของพวกเขา

นี่คือฟางหยวน!

เขาเกิดใหม่โดยใช้วิญญาณกาลเวลา

เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนภูเขาสามกษัตริย์ขณะยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ และแย่งชิงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมาจากสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

เขาไปที่ภาคเหนือและทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงใด

เขารับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาร่วมมือกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยารวมถึงเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อื่นๆและทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์

เขาปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และหลอกลวงวูหยง

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ เขาปั่นหัวฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทั้งหมด และกลายเป็นผู้นาของนิกายเงา

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้และวังสวรรค์ไล่ล่าเขาแต่เขายังสามารถหลบหนีและแข็งแกร่

งขึ้นเรื่อยๆ

ที่กําแพงภูมิภาค เขาต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและทุบตีนางจนทําให้วังสวรรค์สูญเสียชื่อเสียง

เมื่อวังสวรรค์บุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะและจากมาโดยไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้ง

หลายเดือนก่อนเขาซุ่มโจมตีกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ และจับตัวผู้อมตะจํานวนมากก่อนจะรีดไถกองกําลังใหญ่ทั้งหมด

ไม่นานมานี้วังสวรรค์เปิดเผยข้อมูลของเขาในสวรรค์สีเหลือง ภาพการต่อสู้ที่แม่น้ําหวนคืนถูกเผยแพร่ออกมาและทําให้โลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคตกตะลึง

ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดอย่างเงียบๆ เขามีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่ทรงพลังเช่นกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน ดาบห้าดัชนี และท่าไม้ตายอมตะที่หายสาบสูญไปนานแล้ว ตัดเวลา!

เมื่อข้อมูลของฟางหยวนถูกเปิดเผย เขาก็ตอบแทนวังสวรรค์ด้วยการเปิดเผยข้อมูลของฝ่ายหลังเช่นกัน

โลกผู้อมตะทั้งหมดตกสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่

รากฐานและวิธีการของวังสวรรค์ทําให้ทุกคนตกตะลึง

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือฟางหยวนสามารถหลบหนีจากพวกเขา

วังสวรรค์วางกับดักไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา มีผู้อมตะระดับแปดและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลายหลัง แต่พวกเขากลับไม่สามารถทําสิ่งใดฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะแพ้และต้องวิ่งหนีราวสุนัข แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ถูกเปิดเผย ชื่อเสียงของเขายิ่งพุ่งทะยานขึ้นไปอีก

ไม่เพียงอุบายและความดุร้ายของเขา แต่มันยังเป็นเพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือวังสวรรค์ ดังนั้น เขาจึงสามารถทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของทุกคน

วังสวรรค์มีประวัติศาสตร์มานานถึงสามล้านปี พวกเขาอดทนต่อการรุกรานของเทพปีศาจมาหลายครั้ง และถือเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่วังสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กลับไม่สามารถทําสิ่งใดปีศาจอมตะเพียงผู้เดียว!

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประวัติศาสตร์

ผู้อมตะจํานวนนับไม่ถ้วนรวมถึงกองกําลังใหญ่ทั้งหมด กําลังรอดูว่าวังสวรรค์จะจับฟางหยวนได้อย่างไร และฟางหยวนจะสามารถอยู่ได้นานเพียงใด

ทั้งหมดทําให้ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด

ฟางหยวนระดับเจ็ดสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด

ฟางหยวนระดับแปดคือราชาปีศาจที่สามารถสั่นคลอนโลกหล้า

เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันดาวรุ่งดวงนี้ไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เขาส่องประกายสว่างไสว ผู้คนนับไม่ถ้วนไม่สามารถแม้แต่จะมองไปที่เขา

ราชาปีศาจฟางหยวน!

ร่างกายของผู้อมตะตระกูลฉีสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัวเพียงเมื่อมองเห็นฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท