เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

หลังการต่อสู้อันดุเดือดของสมองและมัดกล้ามเนื้อ ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถหลบหนีจากการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์และกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

เมื่อออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลําบากในการใช้เกราะหวนคืน ดังนั้นเขาจึงหยุดใช้มันและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเสื้อคลุมฤดูหนาว

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!

ต่อมาเขาเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด

ในสายธารแห่งกาลเวลา ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันอย่างมาก แม้เขาจะสามารถใช้งาน แต่ค่าใช้จ่ายของเขายังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า

โชคดีที่แกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยคือวิญญาณทัศนคติที่ใช้เพียงพลังจิต ดังนั้นโดยรวมแล้วท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ฟางหยวนสามารถรักษามันไว้

ฟางหยวนกลายเป็นอสรพิษเสื้อยคลานไปในสายธารแห่งกาลเวลา

“ในที่สุดข้าก็สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก ยิ่งนานเท่าใด การป้องกันของวังสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

มีเหตุผลสองประการที่ทําให้เขาสามารถหลบหนี

ประการแรก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาใช้แสงแห่งปัญญาเพื่ออนุมานวิธีการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ นี่ทําให้ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือจินตนาการของวังสวรรค์

ประการที่สอง เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาจึงสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายนี้เพื่อเพิ่มพลังอํานาจให้กับมัน อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถปล่อยดาบห้าดัชนีออกไปได้เพียงสี่ดาบ นี่คือขีดจํากัดในปัจจุบันของเขา หากเขาต้องการใช้ดาบเล่มที่ห้า เขาต้องเปลี่ยนแกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบชนิดอื่น

ข้าใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดไปมากมาย” ฟางหยวนตรวจสอบคลังเก็บพลังงานอมตะของเขาและพบว่ามันอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

แม้มิติช่องว่างของฟางหยวนจะสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการต่อสู้กับชายชราหลี่ฮวง เขาสูญเสียลิ้นจี่ขาวอมตะไปมากมาย

“ข้าควรล่าถอย” ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนมีเพียงความคิดเดียว

นี่คือการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด การเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นความคิดที่โง่เขลา

“ฟางหยวน เจ้าจะไปที่ใด!?” เสียงคํารามด้วยความโกรธดังมาจากด้านหลัง

ฟางหยวนหันหน้ากลับด้ายหัวใจที่เต้นแรง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

ทางซ้ายคือนาวานิรันดร์ บนดาดฟ้าเรือมีผู้อมตะระดับแปดชิงเอ๋และสี่ซุนจือยืนอยู่

ตรงกลางเป็นรังกระเรียนใบไม้ร่วง มันดูเหมือนนกกระเรียนกางปีกอยู่บนรังนก มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา

ทางขวาคือฉลามล่องคลื่น มีฉลาดเจ็ดตัวว่ายอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นและมีผู้อมตะระดับแปดในชุดเกราะสีน้ำเงินยืนอยู่บนแผ่นหลังของมัน

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามหลัง มีผู้อมตะระดับแปดอย่างน้อยสามคนและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกมากมาย..” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะกําจัดเขาของวังสวรรค์จากสิ่งนี้

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างของอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด แต่ความเร็วของเขาไม่สูงมากนัก ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกทําลายไปแล้ว เขาไม่สามารถปกปิดตัวตนเช่นก่อนหน้า

ระยะห่างของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเริ่มโจมตีจากระยะไกล

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงตรวจสอบราวกับตาหลังและสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว

หากเขาไม่สามารถหลบ เขาจะใช้เสื้อคลุมฤดูหนามป้องกันการโจมตี

เสื้อคลุมฤดูหนาวได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาและร่องรอยของพลังงานแห่งเบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน ดังนั้นมันจึงสามารถแสดงพลังอํานาจที่น่าเหลือเชื่อออกมา แม้มันจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าเกราะหวนคืน แต่มันสามารถเทียบเคียงเมื่ออยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

“ข้าจะปล่อยให้สิ่งนี้ดําเนินต่อไปไม่ได้!” ฟางหยวนพยายามหาทางแก้ปัญหา

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปต้องใช้เวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะในสายธารแห่งกาลเวลา ระยะเวลาเตรียมตัวจะยาวนานขึ้น พลังอํานาจของมันจะลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวมากขึ้น ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปเพื่อพลิกสถานการณ์

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน หมื่นมังกร กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน ราชันภูติ และท่าไม้ตายอื่น พวกมันต่างไร้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้

ฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน และวิธีอื่นๆบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังแข็งแกร่งราวกับป้อมปราการ กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนไม่สามารถทําสิ่งใดพวกมัน

พลังงานอมตะของฟางหยวนลดงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

วังสวรรค์ไล่ล่าฟางหยวนด้วยขวัญกําลังใจที่เต็มเปี่ยม พวกเขาผ่อนคลายมาก

ทันใดนั้นสายธารแห่งกาลเวลาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น น้ำพุขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นสู่อากาศโดยไม่คาดคิด

“โอ้ ไม่ นี่เป็นอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน!”

“ปีศาจตนนี้ช่างโชคดีนัก มันยากที่จะฆ่าเขา!”

“ตามเขาไป อย่าปล่อยให้เขาหลบหนี!”

ผู้อมะตวังสวรรค์กรีดร้องด้วยความกังวล

ฟางหยวนพุ่งเข้าสู่อาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด

ในสถานการณ์ปกติฟางหยวนจะหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้น้ำพุกะทันหันกลับเป็นความหวังที่จะหลบหนีของเขา

อสรพิษเลื้อยคลานอยู่ในอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน แม้น้ำพุจะพุ่งขึ้นมารอบๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

อย่างไรก็ตามด้วยวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนตระหนักว่าโชคของเขากําลังลดลงอย่างรวดเร็ว

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของวังสวรรค์มีช่วงเวลาที่ยากลําบากในการไล่ล่าเขา

นาวานิรันดร์และรังกระเรียนใบไม้ร่วงถูกน้ำพุกะทันหันกระแทกและส่งขึ้นสู่อากาศ

พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการย้อนกลับมา กระทั่งฉลามลองคลื่นยังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

ฟางหยวนมักพบน้ำพุกะทันหันระดับหกและระดับเจ็ดขณะที่วังสวรรค์มักเผชิญหน้ากับน้ำพุกะทันหันระดับแปด

ชัดเจนว่าโชคของพวกเขาแตกต่างกันมาก ใบหน้าของสมาชิกวังสวรรค์กลายเป็นมืดครึ้ม พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด

“ดูเหมือนฟงจิวเก้อจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนตระหนักถึงโชคที่แข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ กระทั่งคนโชคดีเช่นเขายังไม่สามารถสะกดข่มฝายหลัง

หากฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ วังสวรรค์จะไม่พบกับสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนสามารถออกจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหันอย่างปลอดภัย

หลังจากชั่วครูฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงก็สามารถออกมาขณะที่นาวานิรันดร์ใช้เวลานานที่สุด

อย่างไรก็ตามนาวานิรันดร์รวดเร็วมาก เมื่อมันสามารถออกมาจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ความเร็วของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทําให้ระยะห่างระหว่างมันกับฟางหยวนลดลงอย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่สามารถหลบหนีไปเช่นนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เมื่อเห็นฟางหยวนหยุดหลบหนี ผู้อมตะที่อยู่ภายในนาวานิรันดร์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนก

เกาซุนจือตะโกน “ทุกคนระวัง ปีศาจกําลังจะหันมาต่อสู้แทนการวิ่งหนี เขาต้องมีแผนชั่วบางอย่าง!”

นางพึ่งกล่าวเมื่อท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนถูกกระตุ้นใช้งาน

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

ท่าไม้ตายนี้ยังเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนช่วยขยายพลังอํานาจให้มันมากกว่าร้อยเท่าขณะเดียวกันมันก็ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาทําให้พลังอํานาจของมันเกือบถึงระดับแปด

เส้นขนทั่วร่างของผู้อมตะระดับแปดชิงเย่ตั้งชันขึ้นทันที หัวใจของเขาแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

แต่ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลารวดเร็วเกินไป มันกระทั่งรวดเร็วกว่าดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ มันก็มาถึงชิงเยู่แล้ว

นาวานิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มีดบินตัดเวลาสามารถทะลวงผ่านมันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ใช่ว่าท่าไม้ตายนี้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วงั้นหรือ? เขาใช้มันได้อย่างไร? ข้าจะตายอยู่ที่นี้หรือไม่?” ชิงเย่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

“ปล่อยข้า!” ในช่วงเวลาคับขัน เกาซุนจือกระโดดเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าชิงเย่

“ฉัวะ!”

ร่างของเกาซุนจือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่นางล้มลงบนดาดฟ้าเรือ

ชิงเยู่สูดหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

” ใบหน้าของซึ่งเยกลายเป็นซีดเผือด

อีกสามซุนจือมองหน้ากันด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

พวกเขาคิดว่าการตายของเกาซุนจือจะทําให้พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากผู้อมตะระดับแปดผู้นี้

“ท่านชิงเย่ อย่ากังวล เรามีวิธีชุบชีวิตน้องสาวของเรา” จางซุนจือเผยรอยยิ้ม

แต่ชิงเย่ส่ายศีรษะและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจวิธีการของพวกเจ้า ข้าเกรงว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล

ซุนจือทั้งสามตกใจ พวกเขาเร่งถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร? โปรดอธิบายให้เราทราบ”

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะของตระกูลโป้ ครั้งหนึ่งมันเคยคุกคามภาคกลาง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา” ชิงเย่กล่าวด้วยความรู้สึกซับซ้อนและไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวบนใบหน้า

“อันใด!?”

“เป็นท่าไม้ตายนี้”

การแสดงออกของสามซุนจือเปลี่ยนไป พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สามารถสงบเหมือนก่อนหน้า

“ไม่ เป็นไปไม่ได้” จางซุนจือส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ

“แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น หยุดไล่ล่าเขา” ชิงเยู่สูดหายใจลึกด้วยใบหน้าซีดขาว

“ท่าน!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่เหลืออุทาน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยฟางหยวนไป นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารฟางหยวน หากพวกเขาปล่อยปีศาจตนนี้ไป พวกเขาจะถูกตําหนิและถูกลงโทษ

อย่างไรก็ตามชิงเย่ตัดสินใจแล้ว

“ท่ามกลางคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง นาวานิรันดร์รวดเร็วที่สุดแต่การป้องกันของมันอ่อนแอที่สุด พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่ามันไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!”

“หากเรายังไล่ล่าต่อไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถสังหารพวกเรา เขาจะได้รับนาวานิรันดร์ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ไม่สามารถมอบมิติช่องว่างให้ปีศาจตนนี้”

หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ พวกเขายังมีโอกาส

แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท