เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1648 เมี่ยวหมิงเฉินและเหรินซิ่วผิง

บทที่ 1648 เมี่ยวหมิงเฉินและเหรินซิ่วผิง

บทที่ 1648 เมี่ยวหมิงเฉินและเหรินซิ่วผิง

ทะเลตะวันออก

“ครืน..ครืน..”

คลื่นทะเลปะทะโขดหินบนเกาะและระเบิดฟองสีขาวออกไปรอบๆ

สายลมกรรโชกแรง ท้องฟ้ามืดครื้ม

เกาะแห่งนี้ดูธรรมดาและไม่สะดุดตาแต่มีผู้อมตะสี่คนซ่อนตัวอยู่

“เหรินซิ่วผิง เจ้ามากเกินไปแล้ว!” เมี่ยวหมิงเฉินตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาได้รับบาดเจ็บและรู้สึกโกรธมาก

เมี่ยวหมิงเฉินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขามีวิธีขยายพื้นที่ในมิติช่องว่าง เขาช่วยผู้อมตะของทะเลตะวันออกจํานวนมากในเรื่องนี้

เมี่ยวหมิงเฉินไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม เขาดูธรรมดา มีเพียงจมูกที่แบนและกว้างเท่านั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาค่อยข้างธรรมดา แต่เขาเป็นคนทะเยอทะยาน เขามีเครือข่ายที่กว้างขวางและมีความสามารถทางสังคมที่โดดเด่น

เขาเป็นผู้นํากลุ่มสี่คนซึ่งประกอบด้วยผู้อมตะหญิงฮวาตี้ เฟิงเจียง และกุ้ยฉีเย่

แต่ตอนนี้ร่างกายของกุ้ยฉีเยเปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากพิษบางอย่าง เขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

เฟิงเจียงและฮวาตี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเมี่ยวหมิงเฉินไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ที่รุนแรง

“ท่านเมี่ยวหมิงเฉิน เราควรทําอย่างไร? กุ้ยฉีเยถูกปลาดาวพิษน้ำแข็งโจมตี เราไม่มีวิธีรักษาเขา” ฮวาตี้กล่าวด้วยความกังวล

ไม่นานมานี้คนทั้งสี่ตกลงสู่หลุมพรางของเหรินซิ่วผิง

เหรินซิ่วผิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งทาส เขาต้องการลอบสังหารเมี่ยวหมิงเฉินโดยใช้ปลาดาวพิษน้ำแข็ง แต่ในช่วงเวลาสําคัญกู้ยฉีเย่กลับก้าวออกมารับการโจมตีนี้แทนเขา

เมี่ยวหมิงเฉินตอบสนองด้วยการรีบนํากุ้ยฉีเยู่ที่หมดสติรวมถึงเฟิงเจียงและฮวาซื้ออกมากจากกับดัก

เฟิงเจียงกล่าว “ปลาดาวพิษน้ำแข็งอาจมีพิษร้ายแรง แต่ข้าได้ยินมาว่าซูเฉินและเทพธิดาจิ่วอวี๋สามารถรักษามัน”

ซูเฉินเป็นสมาชิกกองกําลังตระกูลซู เขาเชี่ยวชาญด้านการรักษาและมีชื่อเสียงในทะเลตะวันออก เขาค่อนข้างใจดี

เทพธิดาจิ่วอวี๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ นางเย็นชาและไม่แยแส คนผู้หนึ่งต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลหากต้องการความช่วยเหลือจากนาง

เมี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะ “ข้าจะไม่ไปหาคนทั้งสอง ซูเฉินมาจากตระกูลซูขณะที่เทพธิดาจิ่วอวี๋มีความสัมพันธ์กับเหรินซิ่วผิง คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ข้าแน่ใจเรื่องนี้ ข้าคิดว่าเทพธิดาจิ่วอวี๋อาจเป็นกับดักที่เหรินซิ่วผิงวางไว้”

“อา…เป็นเช่นนั้น” ฮวาที่ไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด

เมี่ยวหมิงเฉินยิ้ม “พวกเจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าพิษของปลาดาวพิษน้ำแข็งสามารถลบล้างได้ด้วยน้ำเหลืองใต้พิภพ”

ดวงตาของเฟิงเจียงเบิกกว้างขึ้น “น้ำเหลืองใต้พิภพเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด กระทั่งในทะเลตะวันออกก็หาได้ยาก นายท่าน ท่านมีมันงั้นหรือ?”

เมี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะ “ไม่อย่างแน่นอน ข้าจะใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับมัน”

เฟิงเจียงและฮวาตี้เข้าใจทันที

เข็มเวลาสุดขั้วเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เมี่ยวหมิงเฉินได้รับมานานแล้วแต่เขาไม่สามารถตัดใจขายมันออกไป เฟิงเจียงและฮวาที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

การแสดงออกของฮวาตี้เปลี่ยนไป นางกล่าว “เข็มเวลาสุดขั้วเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่หายาก เหตุใดเราไม่ใช้ทรัพยากรอมตะระดับแปดชนิดอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนกับน้ำเหลืองใต้พิภพ”

เมี่ยวหมิงเฉินส่ายศีรษะ “ทรัพยากรอมตะระดับแปดสามารถแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรอมตะระดับแปดที่เท่าเทียมกันเท่านั้น หากข้าใช้ทรัพยากรชนิดอื่น พวกเขาจะไม่แลกเปลี่ยนกับข้า”

“ตอนนี้วังสวรรค์และภาคใต้พยายามปราบปรามฟางหยวน พวกเขากําลังรวบรวมทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทั้งหมด วังสวรรค์มีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึง พวกเขาต้องมีน้ำเหลืองใต้พิภพอยู่อย่างแน่นอน ข้าจะใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับมัน”

“นายท่าน…” เฟิงเจียงลังเล เขาจําได้ว่าเมี่ยวหมิงเฉินเกือบตายเพื่อให้ได้รับเข็มเวลาสุดขั้ว มันถือเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลอย่างแท้จริง

เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะเสียงดังและตบไหล่เฟิงเจียง “ข้าจะปล่อยให้เขาตายต่อหน้าข้าได้อย่างไร? แม้ข้าจะสูญเสียเข็มเวลาสุดขั้วแล้วอย่างไร?”

เฟิงเจียงและฮวาตี้ตื่นเต้นมาก พวกเขารู้สึกว่าไม่ได้ติดตามเจ้านายผิดคน

ดังคาด สถานการณ์เป็นไปตามความคาดหมายของเมี่ยวหมิงเฉิน เขาสา มารถแลกเปลี่ยนทรัพยากรอมตะกับวังสวรรค์และได้รับน้ำเหลืองใต้พิภพจํานวนมาก

เขาใช้น้ำเหลืองใต้พิภพล้างพิษให้กับกุ้ยฉีเย่ ไม่นานหลังจากนั้นกุ้ยฉีเย่ก็ตื่นขึ้น

เมื่อรู้ว่าเมี่ยวหมิงเฉินจ่ายราคามหาศาลเพื่อช่วยเขา เขารู้สึกประทับใจมาก

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงออกมากนักแต่เก็บความกตัญญไว้ในใจ เขากล่าว “นายท่าน เหรินซิ่วผิงโจมตีพวกเราอย่างกะทันหัน ข้าคิดว่าเขากําลังตามหาวาฬมังกรฟ้า”

เมี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจ “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน เดิมที่เหรินซิ่วผิงต้องการร่วมมือกับข้าเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ แต่เขาไม่มีความจริงใจ คราวนี้เขาโจมตีพวกเรา เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

กุ้ยฉีเย่พยักหน้า “นายท่าน ท่านรู้ตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้า ความลับถูกเปิดเผยแล้ว มันยากเกินไปที่จะรักษาความลับนี้ต่อไป เราควรเชิญผู้คนมาสํารวจวาฬมังกรฟ้าพร้อมกับพวกเรา เมื่อเราได้รับมรดกและแข็งแกร่งขึ้น เราจะสามารถจัดการเหรินซิ่วผิง มิฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในปัจจุบัน พวกเราไม่สามารถเอาชนะชายผู้นี้ นอกจากนั้นเขายังมีผู้ช่วยมากมาย เมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ เขาอาจกระจายข่าวและดึงดูดศัตรูให้เข้ามาหาพวกเรามากขึ้น”

เมี่ยวหมิงเฉินตอบ “ตอนนี้เราควรหากําลังเสริม มันเป็นทางเลือกเดียวของเรา น่าเสียดาย หากข้าเป็นผู้อมตะระดับแปด เราสามารถสํารวจมันได้ด้วยกลุ่มของเราเอง”

กุ้ยฉีเย่กล่าวเสริม “นายท่าน เราต้องเลือกกําลังเสริมอย่างระมัดระวัง”

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้า เขามองผู้อมตะทั้งสามและเปิดปากถาม “แน่นอน ข้ารู้ พวกเจ้าสามารถแนะนําผู้ใดหรือไม่?”

ผู้อมตะทั้งสามกล่าวแนะนํา

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้าเป็นบางครั้งและส่ายศีรษะเป็นครั้งคราว เขาเลือกคนที่เหมาะสมและกําจัดบางคนออกไปเพื่อความปลอดภัย

สิ่งสําคัญที่สุดคือความน่าเชื่อถือ

ด้วยวิธีนี้ตัวเลือกของพวกเขาจึงเหลือไม่กี่คน แม้พวกเขาจะทํางานร่วมกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถทําลายอุปสรรคแรกและไม่สามารถสํารวจวาฬมังกรฟ้า

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮวาตี้เปิดปากกล่าว “ข้าขอเสนอคนผู้หนึ่ง นายท่านจําคนที่ชื่อชูอิงได้หรือไม่?”

“ชูอิง?” ดวงตาของเมี่ยวหมิงเฉินส่องประกายขึ้น “ยอดเยี่ยม คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขามีความขุ่นเคืองกับเหรินซิ่วผิงเช่นกัน แต่เขามีความลับมากเกินไป ข้าไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา…”

กล่าวถึงชูอิง เขาแสดงออกด้วยความลังเล

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท