เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1655 รวบรวมน้ํามันดิบ

บทที่ 1655 รวบรวมน้ํามันดิบ

บทที่ 1655 รวบรวมน้ํามันดิบ

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณดําดิ่งสู่ใต้ทะเล

แรงดันน้ําเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางคนเริ่มใช้วิญญาณเปลือกหอยวารี

วิญญาณเปลือกหอยวารีที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นมีประโยชน์มาก

ทันทีที่มันถูกระตุ้นใช้งาน พวกเขารู้สึกผ่อนคลายราวกับสามารถยกของหนักลงจากบ่า

ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดแสดงออกอย่างสนุนสนานแม้พวกเขาจะทดสอบใช้วิญญาณเปลือกหอยวารีที่หมู่บ้านมาแล้วก็ตาม

ทันใดนั้นบางคนพลันส่งสัญญาณเตือน

แมงมุมทะเลทอผ้าจํานวนมากเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขา

แมงมุมเหล่านี้เคลื่อนที่ใต้น้ําได้อย่างรวดเร็ว พวกมันจะกระจายตัวออกไปและใช้ใยแมงมุมจับกุมเหยื่อ

เมื่อเห็นแมงมุมทะเลทอผ้า ใบหน้าของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นซีดเผือดกระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านที่มีการบ่มเพาะระดับสามยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สามารถรักษาความสงบ

แมงมุมทะเลทอผ้าชํานาญการต่อสู้เป็นกลุ่ม กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสามก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน

ทะเลลึกมีอันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง

“อย่ากังวล” ฟางหยวนโบกมือ

ในเวลาต่อมากลุ่มผู้ใช้วิญญาณต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

วังน้ําวนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นและกวาดฝูงแมงมุมทะเลทอผ้าออกไป

“ไปเร็ว ข้าไม่สามารถรักษาไว้ได้นานนัก” ฟางหยวนตั้งใจกล่าว

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณรีบดําดิ่งลงไปใต้น้ํา

หลังจากไปถึงระยะปลอดภัย กลุ่มผู้ใช้วิญญาณหันหน้ากลับวังน้ําวนเริ่มสลายตัว แมงมุมทะเลทอผ้าหลบหนีไปแล้ว

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณผ่อนคลายลงและมองฟางหยวนด้วยสายตาชื่นชม

พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของท่านชูอีกครั้งสิ่งสําคัญที่สุดคือวิธีการของเขาฉลาดมาก

หากพวกเขาต่อสู้ในทะเล กลิ่นคาวเลือดจะดึงดูดปัญหาเข้ามามากขึ้น

การจับโดยไม่ฆ่าคือวิธีของผู้เชี่ยวชาญ

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณยังเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้าโดยมีฟางหยวนเป็นผู้พิทักษ์

แมงมุมทะเลทอผ้าเป็นเพียงหนึ่งในอันตรายซ้อนเร้นในการเก็บรวบรวมน้ํามันดิบ ผู้ใช้วิญญาณต้องเผชิญหน้ากับสัตว์น้ําหลากหลายชนิดนอกจากนั้นพวกเขาอาจถูกกระแสน้ําเชี่ยวพัดพาไปได้ทุกเมื่อ

การเดินทางหลังจากนั้นมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแต่มันไม่อันตรายเหมือนแมงมุมทะเลทอผ้า

ด้วยการทํางานหนัก พวกเขามาถึงร่องลึกใต้ทะเลในที่สุด

พวกเขาไม่จําเป็นต้องเข้าไปในร่องลึกใต้ทะเลเพราะน้ํามันดิบอยู่ที่นี่แล้ว

ร่องลึกใต้ทะเลเต็มไปด้วยน้ํามันดิบพวกมันรั่วไหลออกมาเหมือนลําธารสีดําที่กระจัดกระจายออกไป

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณเริ่มใช้วิญญาณบางดวงเพื่อเก็บรวบรวมน้ํามันดิบเหล่านั้น

ฟางหยวนไม่ทําสิ่งใด เขาเพียงมองดูอยู่ในระยะไกลเท่านั้น

วิญญาณที่ใช้เก็บน้ํามันดิบเป็นวิญญาณหลักของผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้ฟางหยวนไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับมัน แต่ด้วยความสามารถของเขาเขาสามารถเข้าใจทุกสิ่งด้วยการมองเพียงครั้งเดียว

หลังจากทั้งหมดความสําเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่ใช่เรื่องตลก!

ทรัพยากรล้ําค่าที่สุดของเกาะแห่งนี้คือน้ํามันดิบ หากข้าใช้น้ํามันดิบเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ขณะที่ฟางหยวนกําลังคิดถึงเรื่องนี้ ฉลามเปลือกหอยฝูงใหญ่ก็เคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขา

ฟันของฉลามเหล่านี้เหมือนเปลือกหอยที่แหลมคม

ฉลากเปลือกหอยแข็งแกร่งมาก มันอันตรายกว่าแมงมุมทะเลทอผ้าแต่กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกลับไม่รู้สึกกลัว

พวกเขาเคลื่อนที่ไปรอบๆบางครั้งพวกเขาก็พ่นน้ํามันดิบออกไปเป็นเกราะป้องกันตัว

ฉลามเปลือกหอยมีร่างกายใหญ่โตพวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างง่ายดายในบริเวณที่มีน้ํามันดิบหากน้ํามันดิบติดตัวพวกมัน พวกมันจะเคลื่อนที่ได้ช้าลงและยากลําบากมากขึ้น

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณใช้ความได้เปรียบของสถานที่ต่อต้านฝูงฉลามเปลือกหอย

ฉลามเปลือกหอยพยายามดิ้นรนแต่ยังถูกน้ํามันดิบกลืนกินเข้าไปอย่างช้าๆ

น้ํามันดิบจะจับกุมฉลามเปลือกหอยและค่อยๆกัดกร่อนเนื้อกระดูกและเลือดของพวกมันสุดท้ายพวกมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ํามันดิบ

น้ํามันดิบเป็นทรัพยากรอมตะบนเส้นทางอาหาร มันไม่ปลอดภัยร่องลึกใต้ทะเลที่ เต็มไปด้วยน้ํามันดิบถือเป็นสถานที่อันตราย

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

ในชีวิตแรกของเขา ครั้งแรกที่เขาเห็นน้ํามันดิบกินเหยื่อมันทําให้เขาฝันร้ายไปหลายคืน

โดยทั่วไปงานเก็บรวบรวมน้ํามันดิบจะทําเป็นกลุ่มพวกเขาเกรงว่าน้ํามันดิบจะเกาะติดและฆ่าพวกเขาระหว่างการเก็บเกี่ยว

แต่ผู้ใช้วิญญาณของที่นี่จะไม่สร้างกลุ่มพวกเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง นอกจากนั้นหากเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายพวกเขาอาจตกตายทั้งหมด

แน่นอนว่าครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ

“ข้าแนะนําให้พวกเจ้าพยายามลากฉลามเปลือกหอยที่ติดอยู่ในน้ํามันดิบออกมาสิ่งนี้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณที่ดี” ฟางหยวนถ่อยทอดเสียง

“ท่านชู ฉลามเปลือกหอยเหล่านี้ถูกน้ํามันดิบปนเปื้อน” หัวหน้าหมู่บ้านชราลังเล

“อย่ากังวล ข้ามีวิธีกําจัดน้ํามันดิบ เชื่อข้าฉลามเปลือกหอยมีประโยชน์มากสําหรับพวกเจ้า”ฟางหยวนยิ้ม

เขาคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ใช้ฉลามเปลือกหอยเหล่านี้เป็นวัตถุดิบหลัก

หากไม่มีวิญญาณเปลือกหอยวารีผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้จะไม่เชื่อเขาแต่หลังจากฟางหยวนแสดงความสามารถดังกล่าวออกมาหัวหน้าหมู่บ้านชราจึงหยุดลังเลและออกคําสั่ง “ทุกคนได้ยินแล้วใช่หรือไม่รีบทําแต่ระวังอย่าให้น้ํามันดิบติดตัวพวกเจ้ามิฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยากลําบาก”

มันไม่เพียงเป็นเรื่องที่ยากลําบากแต่พวกเขายังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

น้ํามันดิบเป็นทรัพยากรอมตะ เมื่อมันติดตัวร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางอาหารจะติดอยู่บนร่างของผู้ใช้วิญญาณร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ขัดแย้งอาจทําให้พวกเขาเสียชีวิต

“อย่ากังวล แม้น้ํามันดิบจะติดตัวพวกเจ้าข้าก็สามารถนําน้ํามันดิบออกจากร่างกายของพวกเจ้า” ฟางหยวนกล่าว

คํากล่าวของฟางหยวนทําให้กลุ่มผู้ใช้วิญญาณดีใจมาก แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังต้องระวังตัว

ฉลามเปลือกหอยทั้งหมดถูกลากออกมา

ส่วนใหญ่ยังไม่ตาย พวกมันยังเหลือพละกําลังอยู่บ้าง

เป็นเพียงเวลานี้ที่บางคนแสดงความประหลาดใจออกมา

“ดูว่าข้าพบสิ่งใด? นางเงือกติดอยู่ที่นี่” ผู้ใช้วิญญาณบางคนลากนางเงือกออกมา

ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยน้ํามันดิบและไม่สามารถมองเห็นใบหน้า แต่จากพิ จารณารูปลักษณ์ดูเหมือนนางจะเป็นเด็กผู้หญิง

“นางยังมีชีวิต” ผู้ใช้วิญญาณรู้สึกประหลาดใจ

“ให้ข้าดู” ฟางหยวนเริ่มเคลื่อนไหว

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตกใจมากเมื่อพวกเขาเห็นน้ํามันดิบไหลออกจากร่างของนางเงือกอย่างเชื่อฟังและรวมตัวกันเป็นลูกบอลสีดําขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าฟางหยวน

“ท่านชูช่างอัศจรรย์นัก!”

“ด้วยวิธีดังกล่าว ท่านชูจะสามารถเก็บรวบรวมน้ํามันดิบได้มากเพียงใด”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณทั้งชื่นชมและอิจฉา นี่ทําให้พวกเขารู้สึกเคารพนับถือฟางหยวนมากขึ้นไปอีก

“อย่ากังวล อยู่กับข้าทุกคนจะปลอดภัย” การกระทําของฟางหยวนเป็นการสร้างความ มั่นใจให้กับคนเหล่านี้แต่ในวินาทีต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับแข็งค้าง

สายตาของเขาติดอยู่ที่ใบหน้าของนางเงือก เขากลายเป็นมีนงง

โม่เอ๋อ!?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท