เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1668 ไร้เดียงสาเกินไป

บทที่ 1668 ไร้เดียงสาเกินไป

บทที่ 1668 ไร้เดียงสาเกินไป

เมื่อเพลงจบลง ทุกคนเริ่มพูดคุย

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยได้ยินเพลงเช่นนี้ ช่างอัศจรรย์นัก!”

“เจ้าสังเกตหรือไม่ เพลงนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ดูเหมือนเซี่ยฮันโม่จะไม่ชํานาญมากนัก การร้องเพลงของนางมีจุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆมากมาย” มนุษย์เงือกบางคนกล่าว

เหตุผลที่แท้จริงก็คือฟางหยวนและเซี่ยฮันโม่ไม่เคยฝึกซ้อมเพลงนี้มาก่อน หากพวกเขาสามารถฝึกแม้เพียงครั้งเดียว พวกเขาจะไม่ทําให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ

“ตอนนี้ทะเลสงบ สภาพอากาศเปลี่ยน เมฆดํากระจัดกระจาย แสงจันทร์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยไม่คํานึงถึงข้อผิดพลาดของเซี่ยฮันโม่ แต่ผลลัพธ์ชัดเจนมาก!”

“อาจเสมอ แต่แท้จริงแล้วเซี่ยฮันโม่เหนือกว่าเล็กน้อย”

“ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับสองเพลงถัดไป”

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดสังเกตเห็นหลายสิ่ง นางสูดหายใจและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ในคฤหาสน์วิญญาณ หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็งกรีดร้อง

“ดูเหมือนแผนการของเจ้าจะสําเร็จแต่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น” ซูเหลียนหรี่ตามองฟางหยวน นางถอนหายใจกล่าว “ชายผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยฮันโม่ให้ความสําคัญกับเขา ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทเพลง เพลงนี้ควรจะเป็นผลงานของเขา มนุษย์ผู้นี้มีพรสวรรค์สูงมาก”

หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็งสงสัย “มีเพลงมากมายบนโลกใบนี้ เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่านี่เป็นผลงานของเขา”

ปู้ซูเหลียนเผยรอยยิ้มบาง นางมองหัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็งด้วยสายตาดูแคลน “เจ้าไม่มีวันเข้าใจ”

ใบหน้าของหัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็งกลายเป็นน่าเกลียดมากขึ้น “ซูเหลียน!”

ปู้ซูเหลียนหัวเราะเสียงเย็นโดยไม่สนใจหัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็ง ตรงข้าม นางมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกาย

คนอื่นอาจกลัวอํานาจทางการเมืองของผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งแต่ปู้ซูเหลียนเป็นข้องยกเว้น

ไม่เพียงเพราะนางเป็นภรรยาขอ

แต่ยังเป็นเพราะความสามารถและแผนการของนาง

แต่ปู้ซูเหลียนเดาผิด ฟางหยวนไม่ใช่ผู้ประพันธ์เพลงนี้ มันเป็นเพลงที่มาจากโลกมนุษย์ใบเดิมของเขา!

“เพลงนี้มีเอกลักษณ์และไม่มีผู้ใดเคยได้ยินมาก่อน มันต้องเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเจ้า ผู้ใดจะคิดว่าเจ้ามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งเสียงสูงถึงเพียงนี้” เซี่ยฮันโม่ชื่นชมฟางหยวน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “ขอบคุณสําหรับคําชมแต่ข้าไม่มีความสําเร็จมากมายบนเส้นทางแห่งเสียง”

“ไม่จําเป็นต้องถ่อมตัว ความสามารถในการสร้างสรรค์บทเพลงดังกล่าว มันหมายความว่าพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งเสียงของเจ้าไม่ธรรมดา เจ้าอาจมีอนาคตที่ดีหากเจ้าเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียง” เซี่ยฮันโม่กล่าวด้วยความจริงใจและใบหน้าที่สดใส

ฟางหยวนไม่อธิบาย เขาไม่สามารถอธิบายและมันก็ไม่สําคัญ

สิ่งสําคัญตอนนี้คือสองเพลงถัดไป..” ฟางหยวนรู้สึกกังวล

เซี่ยฮันโม่และฟางหยวนเดินลงจากเวทีขณะที่ตงเลยเดินขึ้นไป

นางยังสงบนิ่งและไม่หวั่นไหว

เมื่อนางเริ่มร้องเพลง เสียงของนางดึงดูดฝูงปลามากมายเข้ามา

“ดังคาด” ฟางหยวนเย้ยหยัน

สายตาของเซี่ยฮันโม่กลายเป็นเย็นชา

องค์รักษ์ทั้งสองมองหน้ากับด้วยใบหน้าแดงก่ำ “นางผู้นี้ขโมยเพลงของเราอีกครั้ง!”

“อย่ากังวล ข้าเตรียมเพลงไว้แล้ว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มมั่นใจ

หลังจากตงเลยลงจากเวที ฟางหยวนกับเซี่ยฮันโม่ก็ขึ้นไป

ฟางหยวนบรรเลงดนตรีขณะที่เซี่ยฮันโม่ร้องเพลงและเต้นรํา

เมื่อดวงจันทร์ส่องสว่าง เงยหน้าขึ้นถามท้องฟ้า

งดงามราวกับวังสวรรค์ ปีไหลผ่านในเสี้ยวพริบตา

เมื่อนางเริ่มขับร้อง บรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนปิดเปลือกตาลงและเพลิดเพลินไปกับบทเพลงอันไพเราะ

ข้าปรารถนาที่จะกลับไป หอคอยหยกช่างเหน็บหนาว

เต้นรํากับเงาของตนเองไม่อาจเทียบกับชีวิตเสรี

ดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า ใจข้าไม่เคยหลับใหล

เซี่ยฮันโม่คิดถึงช่วงเวลาที่นางเป็นเทพธิดาเลือก แม้นางจะมีอํานาจ แต่นางกลับรู้สึกโดดเดี่ยว นางร้องเพลงด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เอ่อล้น

ข้าไม่ควรโกรธแค้น แต่จันทร์มักเต็มดวงเสมอเมื่อแยกจาก

ผู้คนรู้สึกโศกเศร้าและปิติเมื่อพลัดพรากและพบพาน

ดวงจันทร์อาจมืดหรือสว่าง อาจเต็มดวงหรือเพียงจันทร์เสี้ยว

แม้ห่างไกลแต่ยังเห็นจันทร์ดวงเดียวกัน

เมื่อเพลงจบลง โลกกลายเป็นเงียบสงัด

กุ้ง หอย ปู ปลา เต่า สัตว์น้ำจํานวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนผิวทะเล

นกโบยบินอยู่บนท้องฟ้า นกที่หลับใหลยังตื่นขึ้นและถูกดึงดูดเข้ามาด้วยบทเพลงอันไพเราะ

เนื้อร้องที่งดงามและท่วงทํานองอันไพเราะเกาะกุมหัวใจของทุกคน

เซี่ยฮันโม่มองฟางหยวนและคิด นี่เป็นเพลงที่เขาแต่งเพื่อข้างั้นหรือ?”

นางสัมผัสได้ถึงเสียงสะท้อนในบทเพลง นางรู้สึกราวกับได้รับการปลอบโยน ตอนนี้ความโศกเศร้าในใจของนางจางหายไป ข่าวลือและเรื่องรบกวนจิตใจไม่ส่งผลกระทบต่อนางอีกต่อไป

“เขารู้จักข้าเป็นอย่างดี” เซี่ยฮันโม่เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย นางประทับใจมากจริงๆ

ผลลัพธ์ชัดเจน ฟางหยวนและเซี่ยฮันโม่ชนะอีกครั้ง

ใบหน้าของตงเลยกลายเป็นซีดเผือด นางตระหนักว่าหากไม่ใช่เพราะข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของเซี่ยฮันโม่และฟางหยวน นางจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะขึ้นเวทีร้องเพลงที่สาม

“คนผู้นี้เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่!” หัวหน้าเผ่าคลื่นน้ำแข็งกัดฟันแน่นและยกกําปั้นขึ้นทุบกําแพงคฤหาสน์วิญญาณ

“ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจแล้วงั้นหรือ?” ซูเหลียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งกันเสียงเย็นแต่ไม่ตอบโต้

เขาต้องแก้ปัญหานี้ มิฉะนั้นเซี่ยฮันโม่จะได้รับชัยชนะในที่สุด

“ฟางหยวนงั้นหรือ? ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะเป็นตัวปัญหา!”

“ข้าต้องกําจัดเขา!”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งตั้งใจแน่วแน่ แต่ภายใต้สายตาของทุกคนในพิธีบูชาเทพสมุทร เขาไม่สามารถทําสิ่งใด

“ข้าควรทําอย่างไร?” ผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งครุ่นคิด หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

หลังจากไตร่ตรอง เขาลงมือในที่สุด

“ฟางหยวน ข้าคือผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็ง!” เขาถ่ายทอดเสียงไปหาฟางหยวนโดยตรง นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาไม่ตอบ

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งหัวเราะเบาๆ “เพียงฟังข้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด แต่เจ้าไร้เดียงสาเกินไป”

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและตอบกลับ “ข้าไม่ได้ไร้เดียงสา นี่คืออุดมการณ์ของข้า แต่เจ้าคงไม่เข้าใจ”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็งกล่าวต่อ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากล่าวว่าเจ้าไร้เดียงสา พวกเจ้าเพียงเห่าหอนอยู่ต่อหน้ากองไฟ เจ้าเป็นเพียงตัวหมากเบี้ย มันไม่ต่างจากธงที่ปลิวไปตามสายลมและไร้ที่ยึดเหนี่ยว”

“ผู้อาวุโสสูงสุดงั้นหรือ? ลองถามคนอื่นๆว่านางเป็นคนเช่นไร นางมีอํานาจที่จะกําหราบฝ่ายของข้าแต่นางเลือกที่จะใช้พวกเจ้าเป็นแนวหน้า เมื่อเซี่ยฮันโม่สอบสวนคดีทุจริต ผู้อาวุโสสูงสุดช่วยพวกเจ้าหรือไม่? นางอาจให้เบาะแสบางอย่าง แต่เชื่อข้า นางไม่ได้พยายามทําสิ่งใดเลย”

“แม้พวกเจ้าจะได้รับชัยชนะและสามารถรักษาตําแหน่งเทพธิดาเงือก แล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าข้าจะตายงั้นหรือ? ไม่! เผ่าคลื่นน้ำแข็งเป็นฝ่ายที่มีอํานาจมากที่สุดในวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ หากข้าตาย วังเงือกศักดิ์สิทธิ์จะตกสู่ความโกลาหลและแตกแยก ผู้อาวุโสสูงสุดไม่มีความกล้าพอที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น นางต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่และป้องกันไม่ให้ข้าทําตัวนอกคอก”

“ไม่ว่าเจ้าจะทําสิ่งใด ข้าก็ยังจะมีชีวิตอยู่ในฐานะผู้นําเผ่าคลื่นน้ำแข็ง ในกรณีเลวร้ายที่สุดข้าจะเสียสละแพะรับบาปสองสามตัวและหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว”

“ในพิธีบูชาเทพสมุทร ผู้เข้าแข่งขันเกือบทุกคนได้รับการสนับสนุนจากกองกําลังที่อยู่เบื้องหลัง เจ้าคิดว่านี่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมงั้นหรือ? ไม่! นี่คือเกมส์ที่ใช้แบ่งปันทรัพยากรของตัวตนระดับสูง

“ฟางหยวน เจ้าอาจโกรธที่เราใช้กลอุบายในความมืด แต่เจ้าต้องเข้าในว่าในทะเลแห่งนี้ความมืดคือผู้ปกครองที่แท้จริง แสงสว่างสามารถส่องผ่านผิวน้ำเท่านั้น คนทั่วไปอาจเพลิดเพลินหรือหลงระเริงไปกับความงามของมันโดยคิดว่าแสงสว่างคือความจริงแท้ของท้องทะเล แต่นั่นเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไป”

ฟางหยวนเงียบ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท