เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

บทที่ 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

บทที่ 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

โดยปกติสัตว์ประหลาดยักษ์จะมีพละกําลังแต่เชื่องช้า เป็นไปไม่ได้ที่มันจะว่องไวเช่นนี้”

นักรบอินทรีย์ยืนขึ้นและนึกถึงความเป็นไปได้ เดี๋ยว! การโจมตีนี้อาจเป็นทักษะพิเศษของมัน!

เขามองฟางหยวนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหัววัวร่างมนุษย์และค่อยๆกู้คืนความกล้า

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! ข้ารู้ทักษะของเจ้าแล้ว แต่สัตว์ประหลาดที่โง่เขลาเช่นเจ้า ไม่สามารถทําความเข้าใจทักษะของข้า!”

“ถูกต้อง ตราบเท่าที่ข้าสามารถคว้าโอกาสนี้ ข้าจะมีโอกาสชนะ!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาของนักรบอินทรีย์ก็ส่องประกายขึ้นด้วยความหวัง

“เขายืนขึ้นแล้ว!”

“ถูกต้อง นักรบอินทรีย์จะถูกเขี่ยทิ้งทันทีได้อย่างไร?”

“นักรบอินทรีย์ เราเชื่อในตัวท่าน!”

เมื่อเห็นนักรบอินทรีย์ยืนขึ้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

นักรบอินทรีย์กรีดร้องและกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! สัตว์ประหลาด ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ทักษะการต่อสู้ของข้า ภาพลวงตาสีเงิน!” นักรบอินทรีย์ตะโกน

ในเวลาต่อมาร่างของเขากลายเป็นพร่าเลือนและแยกออกเป็นหกร่าง ร่างทั้งหมดเหมือนจริง และไม่มีความแตกต่าง นักรบอินทรีย์บินเข้าไปล้อมกรอบฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน

ความโกลาหลในเมืองพุ่งขึ้นสู่ระดับใหม่ทันที

“ดู มันคือทักษะการต่อสู้ภาพลวงตาสีเงินของนักรบอินทรีย์!”

“ในที่สุดเขาก็ใช้มัน ดู สัตว์ประหลาดกําลังมึนงง มันไม่รู้จะโจมตีร่างใด”

“โอกาสแห่งชัยชนะมาถึงแล้ว ฆ่าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้”

“อ๊าก…นักรบอินทรีย์เท่เกินไปแล้ว!”

เสียงโห่ร้องของฝูงชนทําให้ความกล้าหาญและเจตจํานงแห่งการต่อสู้ของนักรบอินทรีย์พุ่งทะ ยานขึ้น

แต่เขายังเยือกเย็น ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ แม้ข้าจะไม่สามารสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ ข้าก็ต้องทําให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากทั้งหมดทักษะที่แข็งแกร่งไม่สามารถใช้ซ้ํา!”

“สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เช่นกัน มันไม่สามารถใช้ทักษะที่ทรงพลังซ้ําๆ ข้าจะใช้ภาพลวงตาเพื่อโจมตีและทําให้มันสูญเสียพละกําลังเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นข้าจะจับมันทั้งเป็น!”

นักรบอินทรีย์ต้องการจับฟางหยวนทั้งเป็น แม้ฟางหยวนจะไม่รู้ถึงความคิดนี้ แต่เขามองเห็นมันได้อย่างชัดเจนผ่านการเคลื่อนไหวของนักรบอินทรีย์

นักรบอินทรีย์เหมือนแมลงวันที่บินอยู่รอบๆฟางหยวน บางครั้งร่างมายาหนึ่งหรือสองร่างจะพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยกรงเล็บหรือจงอยปาก

ฟางหยวนยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่หลบเลี่ยง นักรบอินทรีย์ไม่ใช่ภัยคุกคามของเขา

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจ ถ้ําสวรรค์แห่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจ

ประการแรก ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับผู้อมตะค่อนข้างแตกต่างจากโลกภายนอก

พวกเขามีความสามัคคีและเป็นมิตร

ในห้าภูมิภาค มนุษย์มีสถานะเหมือนมดปลวกขณะที่ผู้อมตะมีสถานะเหนือกว่าอย่างมาก ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ผู้อมตะเป็นผู้ทักษ์ของมนุษย์ สิ่งสําคัญที่สุดคือพวกเขายังกระตือรือร้นที่จะทําหน้าที่ผู้ปกครอง

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

ถ้ําสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ หากพวกเขาสามารถติดต่อโลกภายนอก โครงสร้างทางสังคมของถ้ําสวรรค์แห่งนี้จะแตกต่างออกไป

ประการที่สอง รูปแบบการต่อสู้รวมถึงวิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะของที่นี่น่าสนใจเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นนักรบอินทรีย์ที่เกิดจากการรวมร่างกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร

นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ข้อดีของมันเห็นได้ชัดมาก

โดยปกติผู้อมตะจะใช้พลังงานอมตะเพื่อกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะ แต่ผู้อมตะของที่นี่เพียงต้องรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อให้ได้รับความสามารถในการต่อสู้ของพวกมัน

ทักษะการต่อสู้เช่นภาพลวงตาสีเงินเป็นความสามารถโดยกําเนิดของนกอินทรีย์เดียวดาย มันเหมือนกับความสามารถโดยกําเนิดของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่สามารถเจาะทะลวงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์

สําหรับผู้คนที่นี่ ความสามารถโดยกําเนิดถูกเรียกว่าทักษะการต่อสู้ มันไม่พึ่งพาพลังงานอมตะแต่อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นเช่นการเสียสละส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรืออายุขัยบางส่วน

แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ วิญญาณอมตะ หรือท่าไม้ตายอมตะ พวกมันล้วนเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งเต๋าทั้งสิ้น

เนื่องจากสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่บนร่างกายของพวกมัน ร่างกายส่วนที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่มากกว่าจะทําให้พวกมันได้รับความสามารถโดยกําเนิด

วิญญาณอมตะคือภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

ท่าไม้ตายอมตะคือการรวมตัวกันของวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมาก เพื่อปลดปล่อยพลังอํานาจที่เฉพาะเจาะจง

ในความเป็นจริงท่าไม้ตายอมตะดั้งเดิมมักถูกสร้างขึ้นโดยการเลียนแบบความสามารถโดยกําเนิดของสัตว์อสูร

ผู้อมตะของที่นี่สามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อใช้ความสามารถโดยกําเนิดของพวกมัน พวกเขาไม่พึ่งพาวิญญาณอมตะและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย

นี่เป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่น

วิญญาณอมตะหายาก แต่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีอยู่มากมาย กระทั่งสัตว์อสูรแรกกําเนิดก็ยังพบเห็นได้ไม่ยาก

สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลขาดสติปัญญา แต่หลังจากรวมร่างกับผู้อมตะ ผู้อมตะจะสามารถใช้พลังอํานาจของพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันเป็นการชดเชยข้อบกพร่องของกันและกัน

“แต่วิธีนี้ไม่มีความยืดหยุ่น มันขาดความหลากหลาย พวกเขาจะมีวิธีต่อสู้ที่ตายตัว มันจัดการได้ง่ายและเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” ฟางหยวนตระหนักถึงข้อเสียของมันเช่นกัน

“แต่โดยรวมแล้วข้อดีของวิธีนี้ยังเหนือกว่าข้อเสีย หากมันได้รับความนิยม ห้าภูมิภาคจะได้รับอาวุธใหม่ที่สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง

โชคดีที่วิธีนี้ไม่เคยรั่วไหลออกไปในชีวิตก่อนหน้าของข้า มิฉะนั้นความทรงจําของข้าจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้อมตะ แม้มันจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่มันยังเพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์บางอย่าง

ห้าภูมิภาคมีผู้อมตะระดับหกมากมายที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

นี่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของโลกผู้อมตะในทุกภูมิภาค

หากภูมิภาคหนึ่งมีวิธีการนี้แต่อีกภูมิภาคหนึ่งไม่มี พลังการต่อสู้โดยรวมของภูมิภาคที่มีจะพุ่งสูงขึ้น พวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะภูมิภาคอื่น

“ความสามารถในการรวมร่างไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มันไม่เคยประสบความสําเร็จมาก่อน อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า”

“แต่ถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีวิธีเปลี่ยนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋อื่นๆให้เป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”

“ดังนั้นผู้อมตะของที่นี่จึงสามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล มันเหมือนกับการเปลี่ยนภัยพิบัติให้เป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

หลังจากได้ข้อสรุป ฟางหยวนยิ่งต้องการครอบครองวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาก

“ข้ามีเรื่องต้องทํา แมลงวันเหล่านี้ควรจะหยุดรบกวนข้าได้แล้ว” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทันที

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาในปัจจุบันไม่เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

นักรบอินทรีย์ตกใจเมื่อค้นพบว่าเวลารอบตัวเขาเดินช้าลงหลายเท่า

“นี่!? เวลาเดินช้ามาก! เป็นไปได้อย่างไร?” นักรบอินทรีย์ตกตะลึง

เขาค่อนข้างมั่นใจในความเร็วของตน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับไม่สามารถแสดงข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือความเร็ว!

“เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ฟางหยวนกางฝ่ามือออกและคว้าปักอินทรีย์ของนักรบอินทรีย์

“บัดซบ!” นักรบอินทรีย์คําราม แต่กระทั่งเขาจะใช้พละกําลังทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือของฟางหยวน

“ฉัวะ!”

ฟางหยวนฉีกปักทั้งสองข้างออกจากร่างของนักรบอินทรีย์

“อ๊าก…” ใบหน้าของนักรบอินทรีย์กลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือกไหลออกมาจากบาดแผลบนแผ่นหลังของเขาราวกับน้ําพุ

“นักรบอินทรีย์!”

“ไม่!”

ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องด้วยความตกใจ ความหวาดกลัว และความสยดสยอง บางคนหมดสติ บางคนยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนเอง

ฟางหยวนค่อยๆวางมือลงบนศีรษะของนักรบอินทรีย์

หัวใจของนักรบอินทรีย์เต้นแรงขณะที่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตาย

“นี่คือทักษะการต่อสู้ของมันงั้นหรือ?”

“การชะลอเวลาเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!!

แต่ แม้ข้าจะตายที่นี้ มันก็

ย่างน้อยข้าก็สามารถเปิดเผยความลับของมัน!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นักรบอินทรีย์ก็กรีดร้อง “สัตว์ประหลาด! แม้เจ้าจะฆ่าข้าแต่ยังมีนักรบอสูรอีกมากมายที่จะมาฆ่าเจ้า! ความตายของเจ้าเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น…”

“ผัวะ!”

ศีรษะของนักรบอินทรีย์ระเบิดราวกับผลแตงโมที่ถูกทุบ เลือด สมอง และกระดูกกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง

ฟางหยวนคลายฝ่ามือออก

ศพของนักรบอินทรีย์ที่ขาดศีรษะร่วงลงบนพื้น

ฟางหยวนมองไปที่เมือง

กําแพงเมืองสูงเพียงเข่าของฟางหยวน ศีรษะวัวของเขาทําให้ผู้คนหวาดกลัว เมฆสีขาวเคลื่อนตัวผ่านไหล่ของเขาไปอย่างช้าๆ เงาร่างที่น่ากลัวของเขาเกาะกุมหัวใจของทุกคน

มีผู้คนมากมายอยู่ในเมืองแต่มันกลับเงียบสงัดราวกับพวกเขาตายไปแล้ว

ฟางหยวนค่อยๆเดินตรงไปที่เมืองดังกล่าว

วินาทีต่อมา ความโกลาหลจึงปะทุขึ้น ผู้คนกรีดร้องและร้องไห้ขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนีไปทุกทิศทาง

จากมุมสูง ในสายตาของฟางหยวน มนุษย์เหล่านี้ไม่ต่างจากมดที่เคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองทั้งสี่ทิศ

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อพวกเขาและเดินหน้าต่อไป

“บึม!”

กําแพงเมืองถูกทําลายลงในครั้งเดียว

เขาเดินไปตามถนนสายหลักของเมือง อาคารบ้านเรือนพังทลายลงราวกับกล่องกระ ดาษ มนุษย์ที่โชคร้ายบางคนถูกเหยียบและกลายเป็นเนื้อบดโดยตรง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท