เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1673 ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1673 ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1673 ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง

ห้าร้อยปีในชีวิตแรกของฟางหยวน

พิธีบูชาเทพสมุทร

ไร้เดียงสา?

เผชิญหน้ากับคํากล่าวของผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็ง ฟางหยวนเงียบ

แต่เขาเงียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะและตอบกลับ “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้สิ่งที่เจ้าพูดงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กไร้ประสบการณ์งั้นหรือ? ไม่ ข้าเข้าใจกลอุบายเหล่านี้ แท้จริงแล้วข้ารู้ ข้าเข้าใจ และยอมรับพวกมัน”

ฟางหยวนถูกบังคับให้ออกจากภูเขาชิงเหมา เร่รอนทั่วภาคใต้ เดินทางไปยังทะเลทรายตะวันตกท่องเที่ยวอยู่ในทะเลตะวันออก ดิ้นรนอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย เขาต้องต่อสู้เพื่อหินวิญญาณเพียงหนึ่งหรือสองก้อน คํานับและคร่ําครวญต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง มีชีวิตที่ยากลําบาก ครั้งหนึ่งเขายังเคยได้รับสถานะที่สูงส่งและฟังรายงานจากลูกน้องขณะดื่มชาอย่างสะดวกสบาย

เขาเคยอยู่ในจุดต่ําสุด เขาเคยรุ่งโรจน์ เขาเคยสูงส่ง เขาเคยเป็นคนธรรมดา

เมื่อพิจารณาถึงชีวิตของเขาบนโลกมนุษย์ใบเดิมและประสบการณ์หลังจากเดินทางมายังโลกวิญญาณใบนี้ เป็นธรรมดาที่วิสัยทัศน์ของเขาจะเหนือกว่าคนทั่วไป เขามีประสบการณ์มากมายและมีความรู้ที่หลากหลาย

คนเช่นนี้จะไม่เข้าใจกลอุบายเหล่านั้นได้อย่างไร?

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกหงุดหงิดและเร่งตอบกลับ “เมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว เจ้าก็ควรรู้ว่าเจ้ากําลังเสี่ยงมากนี่คือการต่อสู้ทางการเมืองภายในของเผ่ามนุษย์เงือก เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ที่อ่อนแอเจ้าจะเข้ามายุ่งเพื่อสิ่งใด? เจ้าชอบเสี่ยฮันโม่งั้นหรือ? หลังจากจบเรื่องนี้ ข้าจะมอบนางเงือกที่งดงามมากมายให้เจ้า อย่าสงสัยความจริงใจของข้า ข้าสาบานต่อเทพสมุทร!”

“ไม่จําเป็นต้องสงสัยความจริงใจของมนุษย์เงือกที่สาบานต่อเทพสมุทร แต่…” ฟาง หยวนกล่าวต่อ“แม้ข้าจะยอมรับความจริงเหล่านี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าชอบพวกมัน เจ้าคิดว่าข้าชอบเชี่ยฮันโม่งั้นหรือ? ไม่ ไม่ ข้าเพียงต้องการช่วยนาง เหตุใดข้าถึงเสี่ยงเพื่อนาง? เพราะข้ามีหลักการของตนเอง ข้าจะตอบแทนความเมตตาและแก้แค้นศัตรูอย่างสาสม”

“ข้าเคยใช้วิญญาณอายุยืน ข้ามีชีวิตอยู่มานานกว่าที่เจ้าจะคิด ข้าเคยปรารถนาชีวิตที่ยาวนานมาก่อน แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยกับความคิดนี้แล้ว ชีวิตกลายเป็นน่าเบื่อ บางครั้งเป้าหมายสุดท้ายของการเดินทางก็ไม่สําคัญ สิ่งสําคัญคือกระบวนการมุ่งสู่จุดหมายและความรู้สึกระหว่างการเดินทาง”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเบิกตากว้างโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ มันยากที่จะทําความเข้าใจชีวิตของฟางหยวน “เจ้ากําลังบอกว่าตําแหน่งเทพธิดาเงือกไม่สําคัญ สิ่งสําคัญคือการช่วยเซี่ยฮันโมในการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรือ?”

“ถูกต้อง แต่ยังมีมากกว่านั้น เจ้ากล่าวถึงด้านมืดของการเมืองและสัญญาว่าจะมอบนางเงือกที่งดงามให้ข้า ทั้งคู่ไร้ความหมายสําหรับข้า ข้าจะบอกเจ้า ข้าอยู่มานานพอแล้ว ข้าเบื่อหน่ายการสวมหน้ากาก ความตายไม่ได้น่ากลัวสําหรับข้า ตอนนี้ข้าขอเพียงได้ใช้ชีวิตตามอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของข้าเท่านั้น ข้าจะบรรลุเป้าหมายในแบบของตนเอง มีเพียงการใช้ชีวิตเช่นนี้ที่สามารถทําให้ข้ารู้สึกถึงความตื่นเต้นของชีวิตและต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมึนงงก่อนจะสามารถทําความเข้าใจและตะโกน “เจ้ามันบ้า! เจ้าเป็นคนบ้า! เจ้ากล่าวออกมามากมายแต่ไม่มีสิ่งใดมากกว่าการบอกว่าเจ้าอยู่มานานพอแล้วและไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้อมตะหรือเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสาม หากต้องการใช้ชีวิตในแบบของเจ้าเอง มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น!”

ฟางหยวนยิ้ม “เจ้าคิดว่าการเป็นผู้อมตะสามารถทําให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ตามต้องการและมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากงั้นหรือ? ทุกที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ย่อมมีความขัดแย้ง ความอยู่รอดและการใช้ชีวิตเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน การใช้ชีวิตไม่ต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งหรือระดับ การบ่มเพาะแต่ต้องใช้หัวใจ”

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งตะลึง เขาอ้าปากค้างโดยไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

สายตาของเขามองผ่านฝูงชนไปยังฟางหยวน เขาเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของฟางหยวนและรู้สึกหนาวเย็นอยู่ภายใน เขาคิด คนผู้นี้มีความคิดที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากตรรกะทั่วไป เขามีแนวโน้มที่จะทําลายตัวเอง เขาเป็นปีศาจ!”

มันไม่สําคัญหากเขาไม่เล่นตามกฏกติกา สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือเขาไม่มีความคิดที่ยึดติดกับกฏใดๆ กระบวนการคิดของเขาแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เขาอยู่ไกลจากมาตรฐานของสังคมมากเกินไป

นี่คือปีศาจ!

“นี่คือปีศาจที่แท้จริง!” ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก เขารู้สึกว่านี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของฟางหยวน แม้ฟางหยวนจะไม่เข่นฆ่าผู้คนอย่างปาเถื่อนและจะตอบแทนความเมตตาแต่เขากลับมีทัศนคติที่บ้าคลั่ง

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกถึงความไร้อํานาจของตน

หากฟางหยวนเป็นเด็กไร้ประสบการณ์ ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งอาจแสร้งทําตัวเป็นผู้อาวุโสเพื่อชี้ ทางและบอกถึงความจริงอันมืดดําของสังคม

แต่ฟางหยวนเข้าใจพวกมันเป็นอย่างดี เขารู้ทุกอย่างชัดเจนเกินไป สิ่งที่ทําให้ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งรู้สึกหมดหนทางยิ่งขึ้นคือความคิดของฟางหยวนแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

“เขามีจิตใจที่แข็งแกร่งและดิ้นรั้นเกินไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามเขากล้าดีอย่างไร ไร้เหตุผล ไร้เหตุผล! คนบ้า! เขาเป็นคนบ้า! เขาเย่อหยิ่งเกินไป เขากระทั่งดูถูกชีวิตและความตาย! ถูกตอ้ง เขาไม่กลัวแม้แต่ความตาย แล้วคนเช่นนี้จะกลัวสิ่งใด? ไม่ว่าจะเป็นกวามมั่งคั่งหญิงงามหรืออํานาจ ทุกสิ่งอาจไร้ความหมายหากเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่แท้จ ริงของเขา!แล้วข้าจะจัดการเขาได้อย่างไร?

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งกําลังจะเป็นบ้า

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเข้าใจฟางหยวน คนผู้นี้ไม่มีความหวาดกลัวและจะไม่ถูกล่อลวง อาจมีวันที่เขาถูกล่อลวง แต่มันจะเกิดขึ้นเพราะความต้องการของเขาเอง

มันไม่ง่ายที่ผู้คนจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ มนุษย์เงือกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมีอํานาจและสถานะที่สูงส่ง แต่เขาก็มีความยากลําบากมากมายในชีวิต

ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองเงือกศักดิ์สิทธิ์กดดันเขาจากเบื้องบน ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนของเขากําลังวางแผนและต่อสู้กันเอง บางคนยังต้องการขโมยตําแหน่งของเขา ลูกน้องหลายคนต้องการอํานาจมีความขัดแย้งระหว่างภรรยาหลายคนของเขา เขาต้องดูและและจัดการทุกสิ่ง

ผิดหรือที่เขาทุจริต?

ไม่!

การทุจริตคือสิ่งใด?

การทุจริตไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการได้รับผลประโยชน์มากขึ้นและผลประโยชน์เหล่านี้จะทําให้ผู้ครอบครองผลประโยชน์รายอื่นรู้สึกไม่ยุติธรรม

มันคล้ายกับการแบ่งเค้ก ในสถานการณ์ปกติอาจเป็นเจ้าได้รับหนึ่งชิ้น ข้าได้รับหนึ่งชิ้น แต่ตอนนี้ข้าได้รับอีกหนึ่งชิ้นและทําให้เจ้ารู้สึกอิจฉา เจ้าบ่นว่า “เจ้าฝ่าฝืนกฎของการแบ่งปัน เจ้ามีสิทธิ์รับสิ่งนี้นั้นหรือ?”

นี่คือการทุจริต

คิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่สนับสนุนเทพธิดาเลือกไม่ทุจริตงั้นหรือ?

การทุจริตจะเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย กระทั่งตัวผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ทุจริต แล้วลูกน้องของนาง? บุตรธิดาของนาง? มันเป็นเพียงว่าพวกเขาอาจไม่ได้ทุจริตมากเท่ากับผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเท่า

แม้ฝ่ายของผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่มีการทุจริตแม้แต่น้อย พวกเขาก็ยังเป็นคนชั้นสูงที่ชื่นชอบเค้กและเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น

จากแง่มุมนี้ ทุกคนต่างเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์ มีความแตกต่างกันอย่างไร?

พวกเขาเหมือนกัน!

ดังนั้นผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจึงไม่เคยรู้สึกว่าการทุจริตของเขาเป็นความผิด เขาเพียงต้องการได้รับความมั่งคั่ง หญิงงาม และอํานาจมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อการทุจริตของเขาเพิ่มขึ้น เขาจะสร้างกฎของการแบ่งปัน แต่เขาจะไม่หยุด ความ โลภในตัวเขาไม่ยอมให้เขาหยุด

ไม่ มันไม่ใช่ความโลภ มันเป็นความทะเยอทะยานของข้า!” หลายครั้งที่ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งตะโกนสิ่งนี้ในใจ

เขาคิดถึงเรื่องตลกที่ไม่ตลกเรื่องหนึ่ง

พ่อถามลูกว่าโตขึ้นต้องการสิ่งใด?

ลูกชายตอบ “ข้าต้องการความมั่งคั่งและหญิงงาม”

พ่อตบลูกชาย!

ลูกชายตอบอีกครั้ง “ข้าต้องการอาชีพและความรัก”

พ่อเผยรอยยิ้มบางและพยักหน้าเบาๆ

อาชีพและความรักเป็นความทะเยอทะยาน ความมั่งคั่งและหญิงงามก็เป็นความทะเยอทะยานเช่นกัน

ดังนั้นผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจึงมั่นใจในตัวเอง มีสิ่งใดผิดหากเขาจะไล่ล่าความมั่งคั่ง หญิงงามอํานาจ และชื่อเสียง?

มันเลวร้ายงั้นหรือ?

ทั้งหมดคือความทะเยอทะยาน

ผู้ใดบ้างไม่มีความทะเยอทะยาน?

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งชอบความทะเยอทะยานนี้และความทะเยอทะยานนี้กระตุ้นเขา มันยังล่อลวงให้ผู้อื่นเสียลสะเพื่อความปรารถนาของเขา

ไม่มีสิ่งใดผิดเกี่ยวกับการทุจริตของเขา นี่คือความทะเยอทะยานของเขา!

ความทะเยอทะยานควรนําไปปฏิบัติจริงและต้องพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย

เมื่อผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งทุจริตเป็นครั้งแรก เขารู้ว่าตนเองต้องมีช่วงเวลาที่ถูกต่อต้านและตําหนิจากผู้อื่น

แล้วอย่างไร?

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นความเจ็บปวดที่เขาต้องประสบเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของตน

ตราบเท่าที่เขาสามารถก้าวข้ามความยากลําบากเหล่านี้ ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งจะสามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานของตน

ตราบเท่าที่เขาใช้กลยุทธ์ทางการเมืองที่หลากหลายเช่นการบิดเบือน การใช้ทางอ้อม การคุกคาม และอื่นๆ เขาจะสามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานเหล่านั้น

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งที่อยู่ในอํานาจมาอย่างยาวนานมั่นใจในแง่มุมนี้ เขามีรากฐานของความมั่นใจ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของฟางหยวน เขาจะผลักเซี่ยฮันโม่ลงจากตําแหน่งเทพธิดาเงื่อกด้วยตนเอง

เมื่อเขาประสบความสําเร็จในเรื่องนี้ เขาจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสสูงสุดและปกป้องผลประโยชน์จากการทุจริตของเขา

จากนั้นเขาจะใช้เทพธิดาเลือกเป็นหุ่นเชิดเพื่อวางนโยบายในอนาคต เขาจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่เสียหายของตนและใช้กฏชําระล้างชื่อเสียงของเขา

ในเวลานั้นผู้ใดจะบอกได้ว่าเขาทุจริต!

แต่ก่อนที่ผู้นําคลื่นน้ําแข็งจะประสบความสําเร็จ เขากลับล้มเหลวเพราะเขาบังเอิญพบฟางหยวน!

คนผู้นี้ไม่มีความทะเยอทะยาน ไม! นั่นไม่ถูกต้อง ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งเชื่อว่าฟางหยวนชอบความมั่งคั่ง หญิงงาม อํานาจ และชื่อเสียง แต่เขาชอบทําตามความรู้สึกของตนเองมากกว่า! นั่นคือความทะเยอทะยานของเขา!

สิ่งใดคือต้นกําเนิดของความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่นี้?

ด้วยความทะเยอทะยานดังกล่าว คนส่วนใหญ่จะไม่จบลงด้วยการถูกมองว่าชั่วร้ายและบ้าคลั่งงั้นหรือ?

เขากําลังรนหาที่ตาย!

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ความเกลียดชังยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อมันเกิดจากสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งหวังว่าจะสามารถเอาชนะฟาหยวน เขาต้องการให้ฟางหยวนตายทันที!

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทําได้เพราะพวกเขาอยู่ในพิธีบูชาเทพสมุทร

เพลงสุดท้าย เชี่ยฮันโม่และฟาหยวนเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน

ฟางหยวนเล่นดนตรี เชี่ยฮันโม่ร้องเพลง

ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน

ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้

สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย

ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้

ชีวิตมนุษย์มีขึ้นมีลงเหมือนคลื่นสมุทร

บางครั้งสูง บางครั้งต่ํา แล้วเหตุใดต้องกังวลว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้

แม่น้ําและภูเขาเย้ยหยันสายฝนที่โปรยปราย

วีรชนกี่คนที่ถูกกระแสน้ําพัดพาไป ยิ้มรับสายลม ดื่มความเงียบ

ความกล้าหาญของวีรบุรุษสะท้อนให้เห็นในค่ําคืนอันเหน็บหนาว

ความกล้า ความสูงส่ง ความทะเยอทะยานทั้งหมดจะถูกคลื่นซัดหายไปไม่เว้นแม้แต่ชีวิต

บุรุษผู้สูงศักดิ์ไม่ใช่คนสันโดษที่ห่างไกลจากโลกหล้าและผลประโยชน์

โชคชะตาไม่แน่นอน แล้วเหตุใดจึงไม่รักษาความรู้สึกของตนเอาไว้ ทิ้งหน้ากากและค้นหาตัวตนที่แท้จริง

ตัวตนที่แท้จริงคือความเด็ดเดี่ยว ตัวตนที่แท้จริงคือความเดียวดาย กระทั่งชีวิตจะเหมือนตะวันตกข้าก็จะใช้ชีวิตอย่างสง่างาม

ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน

ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้

สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย

ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้

แม่น้ําและภูเขาเย้ยหยันสายฝนที่โปรยปราย

วีรชนกี่คนที่ถูกกระแสน้ําพัดพาไป

ผู้คนหัวเราะ ปราศจากความเหงา

แต่จิตวิญญาณที่เด็ดเดี่ยวในตัวข้าจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ฟื้นคืนสู่ชีวิต หลอมรวมกับโลก ใช้ชีวิต ทําตามความรู้สึกของตนเอง

แม้คลื่นชีวิตจะพัดข้าขึ้นและลง ส่งข้าไปแดนมรณะ ข้าก็จะไม่มีวันโศกเศร้า คร่ําครวญ หวาดกลัว หรือกังวล

ข้าจะลิ้มลองรสชาติทั้งหมด ข้าจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปจนสุดทาง

ข้าซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติของข้า

ข้าคือตัวของข้าเอง

บนเวที ฟางหยวนปิดเปลือกตาบรรเลงวิญญาณพิณ

ผู้นําเผ่าคลื่นน้ําแข็งมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า เขาพึมพําออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “นี่ ปีศาจตนนี้”

เซียฮันโม่รู้สึกประทับใจมาก นางมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกายและคิด ชีวิตที่อิสระและไร้ขอบเขต นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการมิใช่หรือ? ฟางหยวนสามารถแต่งเพลงเช่นนี้ เขามีทัศนคติของผู้อมตะ!”

กลับสู่ปัจจุบัน

ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เมืองทะเลศักดิ์สิทธิ์

พิธีบูชาเทพสมุทร

เซี่ยหลินขึ้นเวทีและร้องเพลงที่สาม

ทะเลสีครามกําลังหัวเราะ คลื่นยักษ์กําลังพลุ่งพล่าน

ล่องลอยไปตามกระแส ให้ความสําคัญเพียงวันนี้

สวรรค์หัวเราะโลกมนุษย์ที่วุ่นวาย

ผู้ใดชนะหรือพ่ายแพ้ มีเพียงสวรรค์ที่รู้

ทุกคนตะลึง ซูอี้หน้าซีดเผือด ผลลัพธ์ชัดเจนมาก

เซี่ยหลินจมกับอยู่กับบทเพลง

ท่วงทํานองที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของฟางหยวนและเชื่อมโยงกับความทรงจําของเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนอยู่บนเวทีในฐานะนักดนตรี บิดเปลือกตา และเผยรอยยิ้มบาง

ตอนนี้เขายืนอยู่นอกเวทีในฐานะผู้ชมและซ่อนดวงตาที่มีดมิดเอาไว้

หลังจากมีชีวิตอยู่มานานหลายร้อยปี สิ่งต่างๆอาจเปลี่ยนไป แต่ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง

เขายังเป็นฟางหยวนมาตลอด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท