เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1675 กําเนิดบัวแดง

บทที่ 1675 กําเนิดบัวแดง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1675 กําเนิดบัวแดง

เมฆสีดําปกคลุมท้องฟ้าพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

“เปรี้ยง!”

เสียงฟ้าร้องดังอย่างต่อเนื่อง

ภาคกลาง ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองใบไม้แดง เจ้าเมืองเดินไปมาอยู่หน้าห้อง

เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยมและดูสง่างาม อย่างไรก็ตามตอนนี้คิ้วของเขาขมวดแน่น อารมณ์ของเขาเหมือนสภาพอากาศในเวลานี้ ไม่แน่นอนและไม่สบายใจ

ทันใดนั้นเขากลับหยุดเดินและใช้หูแนบไปที่บานประตู

นอกจากเสียงพายุฝนฟ้าคะนอง เขายังได้ยินเสียงคร่ําครวญของภรรยาและเสียงนางผดุงครรภ์อีกหลายคน “ท่านหญิง ออกแรงอีก!”

เจ้าเมืองใบไม้แดงอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว เขารักภรรยาของเขาอย่างมาก เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ เขามีอํานาจสูงสุดและมีความเป็นผู้นํา เขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั้งหมด ความไม่สมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียวของเขาคือเขาไม่มีลูก

เก้าเดือนก่อน เขารู้สึกมีความสุขมากเมื่อทราบว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์

เขากําลังจะมีลูกในวัยชรา ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาได้รับการแก้ไข

แต่กระทั่งเขาจะนํานางผดุงครรภ์ที่มีชื่อเสียงมาสามคน สองคนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม และอีกหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ แต่ภรยยาของเขาก็ยังพบกับความยากลําบากในการคลอด

บุตร

“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?” เจ้าเมืองไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถระบายออกมา

เขากําหมัดแน่น พลังการต่อสู้ที่เขาภาคภูมิใจในอดีตกลับไร้ประโยชน์ในเวลานี้

เขามีวิญญาณสายรักษาหลายดวง แต่ไม่มีวิญญาณดวงใดที่สามารถช่วยเหลือการคลอดบุตร

เขาทําได้เพียงควบคุมอารมณ์ ก้มศีรษะลงและเดินไปมาอีกครั้ง

“อุแว้” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงร้องของทารก

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของนางผดุงครรภ์ “เด็กเกิดแล้ว เป็นเด็กชาย! ท่านหญิง ท่านทําสําเร็จ!”

“ข้าข้ามีลูกแล้ว! ลูกชายของข้า!” เจ้าเมืองใบไม้แดงตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะแสดงออกด้วยความดีใจและเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่สามารถอดทน

กลิ่นหอมแปลกประหลาดกระจายไปทั่วห้อง

นี่เป็นกลิ่นหอมที่ทําให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย กลิ่นหอมเริ่มหนาแน่นขึ้นและควบรวมเป็นแสงหลากหลายสีสันลอยอยู่ในอากาศ มันขยายออกไปปกคลุมทั้งคฤหาสน์และลอยไปไกลหลายร้อย

“มันคือสิ่งใด?” เจ้าเมืองหยุดเท้าลงด้วยความประหลาดใจ

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่ากลับเป็นหลังจากนั้น แสงหลากหลายสีสันและกลิ่นหอมกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง

พายุฝนหยุดลงอย่างกะทันหัน เมฆสีดําลอยจากไป แสงแดงสาดส่องลงมายังห้องคลอดของภรรยาเจ้าเมือง

ต่อมาแสงเหล่านั้นก็ควบรวมเป็นดอกบัวแสงสีแดงขนาดเท่ากับคฤหาสน์เจ้าเมืองลอยอยู่กลางอากาศ มันสดใสและไม่สลายไปเป็นเวลานาน

“เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นหรือ?” เจ้าเมืองใบไม้แดงตกตะลึง

ภรรยาของเขาและนางผดุงครรภ์ทั้งสามตกใจมาก

ในเวลาเดียวกันผู้อมตะระดับแปดสามคนยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงมายังคฤหาสน์ของเจ้า เมืองใบไม้แดงรวมถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

“ในที่สุดเขาก็ถือกําเนิด” ผู้อมตะที่อยู่ตรงกลาง ราชันเหม่ยถอนหายใจ เขาเป็นชายชราที่ดูใจดี คิ้วของเขาค่อนข้างพิเศษ มันเหมือนรากไม้สีน้ําตาลเข้มที่งดงามสองเส้นทิ้งตัวลงมาจากหน้าผากของเขาจนจึงถึงหน้าอก

“เด็กผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาได้รับโชคของมนุษย์ทั้งหมด โชคของเขาหนาแน่นมากจนควบรวมเป็นดอกบัวสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า! เขาเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะที่แท้จริง! มันคุ้มค่าที่วังสวรรค์ของเราจะใช้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ถึงสามคนเพื่ออนุมานเกี่ยวกับเขา” ผู้อมตะด้านซ้าย ราชันตงถอนหายใจ

เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง ใบหน้าและมัดกล้ามเนื้อของเขาดูราวกับทํามาจากทองเหลือง เขายืนอยู่บนก้อนเมฆและดูสูงส่งราวกับหอคอยที่จะไม่สั่นไหวแม้โลกหล้าจะสั่นสะเทือน

ราชันเหม่ยพยักหน้า “ท่ามกลางเทพอมตะและเทพปีศาจในประวัติศาสตร์ พวกเขามีลักษณะร่วมอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือพวกเขาได้รับโชคของมนุษย์ทั้งหมด มันเป็นเพียงว่าโชคของพวกเขาไม่ปรากฏอย่างเด่นชัดในช่วงต้น แต่เด็กผู้นี้ทําให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ตั้งแต่เกิด ไม่แปลกใจเลยที่สวรรค์จะส่งภัยพิบัติลงมาเพื่อจัดการเขา เรื่องนี้หาได้ยากมาก หากเด็กผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม เขาจะกลายเป็นเทพอมตะในอนาคต!”

ทันใดนั้นร่างของราชันเหม่ยพลันสั่นสะท้านขึ้นขณะที่เขากระอักเลือดคําโตออกมา

“ราชันเหม่ย!” ราชันตงขมวดคิ้ว “เราได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อต้านภัยพิบัติของเขา”

“ราชันเหม่ย!” ผู้อมตะที่ยืนอยู่ด้านขวาแสดงออกด้วยความเป็นห่วง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเส้นผมสีม่วงและปราณมังกรลอยอยู่รอบๆตัวเขา

ราชันเหม่ยมองผู้อมตะหนุ่มผู้นี้ “ราชันมังกร วิญญาณชะตากรรมเปิดเผยความลับแก่พวกเรา เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเด็กผู้นี้ เขาจะกลายเป็นเทพอมตะและเจ้าจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเขา! รับเขาเป็นศิษย์ของเจ้า เลี้ยงดูและนําทางเขา เจ้าจะเป็นต้นกําเนิดของความสําเร็จของเขา เขาจะเป็นความสําเร็จของเจ้า พวกเจ้าทั้งสองถูกลิขิตให้นํามนุษยชาติสู่ความรุ่งโรจน์ชั่วนิรันดร์!”

“ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”

“ไป!” คิ้วของราชันตงขมวดแน่น “เมื่อเรากลับวังสวรรค์ ราชันเหม่ยและข้าจะเข้าสู่การจําศีลที่ยาวนานมากเพื่อพักฟื้น ยุคของสามราชันแห่งวังสวรรค์จบลงแล้ว ราชันมังกร เจ้าจะเป็นผู้นําวงสวรรค์และนําความเจริญรุ่งเรืองมาสู่โลกใบนี้!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” ราชันมังกรยับยั้งความตื่นเต้นของตนและค่อยๆบินลงไป

เสียงคํารามของมังกรดึงดูดความสนใจและความตกใจจากทุกคน

ราชันมังกรบินลงมาที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองใบไม้แดง

เจ้าเมืองใบไม้แดงและทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น ร่างกายของหลายคนสั่นสะท้านราวกับใบไม้

เจ้าเมืองใบไม้แดงเป็นผู้รอบรู้ เขารู้ถึงการดํารงอยู่ของผู้อมตะและรู้ว่าความแข็งแกร่งของตน ไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะ เขาต้องบังคับให้ตนเองสงบลงและแสดงความเคารพ “ข้า หงจู คารวะท่านผู้อมตะ ข้าสงสัยว่าสิ่งใดนําท่านมายังโลกมนุษย์แห่งนี้?”

ราชันมังกรยิ้ม “หงจู บุตรชายของเจ้าเป็นเด็กที่ได้รับพรจากโลกใบนี้ อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบล้านปีถือกําเนิดแล้ว หากเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เขาจะกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่หากเขาขาดการชี้นําที่เหมาะสม มันจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ความโกลาหลจะเกิดขึ้น ข้ามีความสุขที่เห็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่หายากเช่นนี้ เพื่อเห็นแก่มนุษยชาติ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อรับเด็กผู้นี้เป็นศิษย์ ข้าจะเลี้ยงดูและนําทางเขาอย่างระมัดระวัง เขาจะกลายเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่แสวงหาผลประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์!”

“อา…” เจ้าเมืองใบไม้แดงตกตะลึงและรู้สึกยินดีที่ได้ยินถ้อยคําเหล่านี้

เขาเห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นและเตรียมใจมาบ้างแล้ว

เขารู้สึกว่าบุตรชายของเขามีอนาคตอันไร้ขอบเขต

แม้เขาจะเป็นเจ้าเมืองที่ทรงอํานาจ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะ

อย่างไรก็ตามหงจูยังรู้สึกหดหูใจเล็กน้อย เขาพึ่งมีบุตรในวัยชรา แต่ผู้ใดจะคิดว่าบุตรของเขาจะถูกรับไปเป็นศิษย์ของผู้อมตะทันที่ที่ถือกําเนิด พวกเขามีโอกาสที่จะได้พบกันน้อยมากในอนาคต

ราชันมังกรรู้ความคิดของหงจู เขาปลอบโยน “วางใจเถอะ ข้ามาวันนี้เพียงเพื่ออธิบายเรื่องนี้ ข้าจะไม่พาเขาไปทันที เมื่อเขาอายุสิบขวบ มันจะเป็นเวลาที่เหมาะสม

หงจูรู้สึกตื่นเต้นและยินดีมาก เขาเร่งขอบคุณซ้ําๆ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ภรรยาของเจ้าเมืองอุ้มทารกที่พึ่งคลอดออกมาและคุกเข่าลงต่อหน้าราชันมังกร

ราชันมังกรมองทารกและเดินเข้าไปหาภรรยาของเจ้าเมือง

เขาอุ้มทารกขึ้นมาอย่างระมัดระวังและตรวจสอบ

ทารกผู้นี้ไม่มีความอัปลักษณ์ใดๆเหมือนเด็กแรกเกิดทั่วไป ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเส้นผมสีเข้ม ใบหน้ากระจ่างสดใสและดูน่ารัก ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับดวงดาว ผิวของเขาขาวและอ่อนโยน

ทันใดนั้นแสงที่ควบรวมเป็นรูปดอกบัวสีแดงพลันลอยลงมาจากอากาศ ก่อนจะกลายเป็นปานรูปดอกบัวสีแดงอยู่กลางหน้าผากของทารก

ร่องรอยของความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของราชันมังกร เขาคิด โชคควบแน่นเป็นปานประทับอยู่กลางหน้าผากของเขา นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเทพอมตะคนใดมาก่อน เมื่อศิษย์ของข้ากลายเป็นเทพอมตะ เขาจะเป็นคนที่พิเศษที่สุด!

ขณะที่ราชันมังกรคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกราวกับกําลังแบกภูเขาเอาไว้ทั้งลูก ความรู้สึกรับผิดชอบอันแรงกล้าทําให้ราชันมังกรรู้สึกถึงความหนักหน่วง

“พวกเจ้าไม่จําเป็นต้องคุกเข่า ลุกขึ้น” หลังจากตรวจสอบทารกเรียบร้อยแล้ว ราชันมังกรส่งทารกคืนให้กับภรรยาของเจ้าเมือง

ราชันมังกรพ่นลมหายใจออกมาสามครั้ง หนึ่งตกลงบนตัวทารก อีกสองมุ่งไปที่เจ้าเมืองและภรรยาของเขา

ทารกผล็อยหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

เจ้าเมืองและภรรยารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่พ์เมสูงขึ้นของตน

ภรรยาของเจ้าเมืองอุทานด้วยความตกใจ ความอ่อนล้าจากการคลอดบุตรหายไปในพริบตา ตอนนี้นางเต็มไปด้วยพลังงานราวกับร่างกายของนางกลับคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง

เจ้าเมืองหงจูค้นพบว่าอาการบาดเจ็บเก่าๆของเขาหายไปหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นถึงจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

โดยไม่ต้องตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หงจูและภรรยาเร่งขอบคุณราชันมังกรทันที

ราชันมังกรโบกมือ “พวกเจ้าไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้าเพราะข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า บิดามารดาและอาจารย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรักและดูแลบุตรชายผู้นี้เป็นอย่างดี ให้เขาสัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นของโลกใบนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเขา สิบปีหลังจากนี้ข้าจะกลับมาอีกครั้ง”

ราชันมังกรค่อยๆบินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคํารามของมังกรที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนมองราชันมังกรบินหายเข้าไปในกลุ่มเมฆ

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน ความโกลาหลก็ปะทุขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท