เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1677 ข้าเสียใจ

บทที่ 1677 ข้าเสียใจ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1677 ข้าเสียใจ

“โชคชะตา” ราชันมังกรถอนหายใจด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน เขาเดินไปนั่งบนก้อนหินและตบด้านข้างเพื่อบอกให้หงถิงมานัง

หงถิงเดินเข้าไปนั่งด้านข้างราชันมังกร

“ดู” ราชันมังกรชี้นิ้วไปที่หินที่พวกเขานั่งอยู่

หงถิงมองและเห็นมดกลุ่มเล็กๆเคลื่อนไหวอยู่ที่นั่น พวกมันเคลื่อนที่อย่างเป็นระเบียบเพื่อนําอาหารกลับรัง

“นี่คือโชคชะตา” ราชันมังกรกล่าว

“อันใด!?”

“ดูอีกที” ราชันมังกรชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

หงถิงเงยหน้าและเห็นเมฆรูปทรงต่างๆ เคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้า

“นี่คือโชคชะตาเช่นกัน” ราชันมังกรกล่าว

หงถิงครุ่นคิด “ท่านอาจารย์ ท่านต้องการกล่าวว่า…”

เขาเข้าใจบางอย่างแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคําพูดในเวลานี้

“มดขนอาหาร ผึ้งเก็บน้ำหวาน ลมพัด เมฆลอย ทุกสิ่งในโลกนี้มีวิถีของมัน เราอาจรู้สึกว่าพวกมันไม่อยู่ในกฎเกณฆ์ใดๆ แต่แท้จริงแล้วพวกมันเคลื่อนไหวไปตามกฏแห่งเต๋ที่ยิ่งใหญ่”

“ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ขึ้นและตก มนุษย์เกิดและตาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะ ทุกคนล้วนต้องตายในที่สุด”

“ทุกสิ่งคือโชคชะตา”

“มนุษย์ทุกคน สิ่งมีชีวิตทุกชนิด แม้แต่หินทุกก้อน น้ำทุกหยด ทุกสิ่งล้วนมีความหมายในการดํารงอยู่ ความดีและความชั่วก็เช่นกัน ไม่มีความดี ความชั่วจะเกิดได้อย่างไร หากไม่มีความชั่ว ความดีจะไม่ถูกกล่าวถึง”

“เจ้ารีบร้อนมาฆ่าเซี่ยตู๋เต๋าและไม่เห็นคุณค่าของเขา ตั้งแต่สวรรค์พิภพปล่อยให้เขาดํารงอยู่ นั่นย่อมมีเหตุผล นี่คือชะตากรรม ชะตากรรมจัดเตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว เราสามารถสัมผัสถึงการจัดเตรียมนี้ได้เพียงเล็กน้อยและไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน”

“การมองเห็นไม่ชัดเป็นเรื่องปกติ กฏแห่งสวรรค์พิภพ เต๋าแห่งเอกภพ กระทั่งผู้อมตะก็ไม่สามารถเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราอ่อนแอเกินไป เล็กเกินไป ขณะที่สวรรค์พิภพใหญ่โตเกินไป เราควรเคารพสวรรค์พิภพ ปฏิบัติตามลิขิตสวรรค์และนําพรมาสู่โลกใบนี้”

“การแต่งงานของบิดามารดาเจ้าคือการจัดเตรียมของโชคชะตา นั่นคือคุณค่าสูงสุดที่พวกเขาถูกส่งลงมาบนโลกใบนี้”

“เจ้าจะกลายเป็นเทพอมตะในอนาคต นี่คือโชคชะตาเช่นกัน เจ้าต้องยอมรับมัน ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดทีละขั้น นําวงสวรรค์ และอุทิศชีวิตของเจ้าเพื่อฝ่ายธรรมะ”

“คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือการนําทางเจ้า”

“จงเชื่อในโชคชะตา ยอมรับชะตากรรม ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเอง หากเราฝืนโชคชะตา มันจะนําไปสู่โศกนาฏกรรมและความเสียใจ เช่นเดียวกับที่เจ้าพยายามสังหารเซี่ยตู๋เต๋าก่อนเวลาอันควร” ราชันมังกรส่ายศีรษะ

“แม้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเขา แต่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดทุกประเภท ท้ายที่สุดเจ้าไม่เพียงจะล้มเหลวแต่เจ้ายังดึงผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง”

“ย้อนกลับไปหากเจ้าฟังแผนการของโชคชะตาและโจมตีเซี่ยตู๋เต๋าในช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้หรือไม่?

“ข้าจะบอกเจ้า คุณค่าของการดํารงอยู่ของเซี่ยตู๋เต๋าคือการนํามรดกอมตะนี้ออกมาเพื่อมอบให้เจ้า”

หงถิงมึนงง เขานิ่งราวกับรูปปั้น

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา “ท่านอาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว”

“เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้ข้อผิดพลาดและคิดที่จะเปลี่ยนแปลง แท้จริงแล้วทางเลือกที่ผิดพลาดของเจ้าก็คือการจัดเตรียมของโชคชะตาเช่นกัน” ราชันมังกรกล่าว

“ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“เราทุกคนอยู่ภายใต้การจัดเตรียมของชะตากรรม เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถท้าทายชะตากรรม แต่ความคิดของเจ้าก็ถูกจัดการโดยชะตากรรมเช่นกัน เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้สึกผิด เจ้าควรเข้าใจเจตนาของชะตากรรม เจ้าคิดว่าทางเลือกของเจ้าไม่มีค่างั้นหรือ? ผิด!”

“ความผิดพลาดทุกอย่างมีค่าสําหรับการเติบโตของผู้เยาว์ หากเจ้าสามารถซึมซับบทเรียนจากความผิดพลาดและยอมรับการมีอยู่ของโชคชะตา ความผิดพลาดนี้จะแสดงคุณค่าของมันออกมา”

ราชันมังกรมองหงถิงอย่างลึกซึ้ง “ศิษย์ของข้า เจ้าเป็นเด็กที่มีความสามารถและฉลาด เจ้าเป็นเด็กดี แต่ข้ายังกังวลเพราะเจ้าให้ความสําคัญกับความรู้สึกมากเกินไป ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เจ้าคงเลือกเส้นทางแห่งปัญญาใช่หรือไม่?”

“ท่านอาจารย์ วิสัยทัศน์ของท่านไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบ ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ ข้ารู้สึกว่าเส้นทางแห่งปัญญาเหมาะสมกับข้ามากที่สุด” หงถิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ราชันมังกรสายศีรษะ “เส้นทางแห่งปัญญามุ่งเน้นไปที่ความคิด เจตจํานง และอารมณ์ความรู้สึก เจ้าให้ความสําคัญกับความรู้สึกมากเกินไป ดังนั้นการเรียนรู้ด้านอารมณ์ความรู้สึกจะส่งผลเสียต่อเจ้ามากกว่า เชื่ออาจารย์ เลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา เมื่อเจ้าสามารถมองอดีตและปัจจุบัน สังเกตการเกิดและการจบสิ้นของเหตุการณ์ต่างๆ เรียนรู้เกียรติยศและความอัปยศทุกประเภท เจ้าจะเข้าใจทุกสิ่ง ความรู้สึกของเจ้าจะถูกชําระล้าง ข้าได้รับการเปิดเผยจากวิญญาณชะตากรรม มันบอกว่าเส้นทางแห่งกาลเวลาเหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด”

หงถิงอ้าปากค้างเล็กน้อย เขาต้องการกล่าวบางสิ่งแต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ศิษย์จะปฏิบัติตามคําแนะนําของท่านอาจารย์และเลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา”

ราชันมังกรพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดี อาจารย์เป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเจ้า การชี้ทางที่ถูกต้องให้เจ้าคือความหมายในการดํารงอยู่ของข้า”

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

หงถิงเลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา ภายใต้การคุ้มครองจากราชันมังกร เขาประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

“ผู้อมตะหงถิง ปีศาจตนนั้นประกาศว่าเขาจะสังหารผู้คนทั้งเมือง เว้นเพียงข้าจะมอบบุตรสาวของข้าให้เป็นนางบําเรอของเขา ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ เราเป็นเพียงมนุษย์ เราไม่สามารถทําสิ่งใด โปรดพิจารณาถึงมิตรภาพระหว่างข้ากับบิดาของท่านและกําจัดปีศาจตนนี้!” เจ้าเมืองชรามาหาหงถิงและคุกเข่าลงบนพื้น

หงถิงจําคนผู้นี้ได้ เขาเป็นเจ้าเมืองของเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองใบไม้แดง พวกเขาพบกันบ่อยครั้ง เจ้าเมืองผู้นี้และบิดาของเขาเป็นสหายสนิท

เขาเคยเห็นบุตรสาวของเจ้าเมืองผู้นี้มาก่อนและยังเคยเล่นกับนางเมื่อยังเยาว์

“ผู้อาวุโสโปรดลุกขึ้น ข้าต้องช่วยอย่างแน่นอน มันเป็นเพียงว่า…” หงถิงหยุดก่อนกล่าวต่อ “โอกาสยังมาไม่ถึง”

เจ้าเมืองชรารู้สึกยินดี “เมื่อท่านผู้อมตะตอบรับคําขอของข้า ชายชราผู้นี้ก็รู้สึกวางใจ ข้าเชื่อว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่จะไม่กลับคําพูดของท่าน”

หงถิงรอกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะสังหารปีศาจอมตะตนนี้

เขาโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยวและฆ่าปิศาจตนนี้ได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองกลับคุกเข่าลงบนพื้นมองเมืองที่กลายเป็นซากปรักหักพังและกองซากศพ เขาร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า “ในที่สุดปีศาจก็ถูกกําจัด บุตรสาวของข้า ชาว เมืองของข้านอนหลับให้สบาย ความแค้นในใจของพวกเจ้าได้รับการชําระแล้ว!”

“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์ ข้าสงสัยว่าท่านอาจารย์เรียกข้ามาเพราะเหตุใด?” หงถิงไปหาราชันมังกร

“ศิษย์ข้า อาจารย์สัมผัสได้ถึงชะตากรรม แม่น้ำบุปผาล่องกําลังอ่อล้น ข้าต้องการให้เจ้าไปช่วยชีวิตผู้คน จําไว้อย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เจ้าสามารถทําได้หลังจากสามวันสามคืน” ราชันมังกรกล่าวอย่างระมัดระวัง

“ทราบแล้ว”

หงถิงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำบุปผาล่องและมองน้ำท่วม สิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วนถูกบังคับให้ไร้ที่อยู่อาศัย ศพจํานวนมากลอยไปตามกระแสน้ำ

เขาพยายามระงับอารมณ์และรอเป็นเวลาสามวันสามคืน เมื่อถึงเวลาเขาพบว่าเขาไม่จําเป็นต้องเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย น้ำในแม่น้ำลดระดับลงด้วยตัวมันเองและเกิดหนองน้ำปรากฏขึ้นในหลายพื้นที่

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นและอยู่ไม่ไกลจากหงถิง

หงถิงกําหราบวิญญาณอมตะปาดวงนี้ได้อย่างง่ายดาย “วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่เหมาะสมกับข้าเป็นอย่างมาก”

“โฮก…”

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปาดึงดูดสัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวเข้ามา

การแสดงออกของหงถิงกลายเป็นเคร่งขรึม เขาปกปิดตนเองและรอให้สัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองเข่นฆ่ากันเอง หลังจากนั้นตัวหนึ่งเสียชีวิต อีกตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด หงถิงเคลื่อนไหวและสามารถเก็บซากศพของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองมาได้อย่างง่ายดาย

“ยอดเยี่ยม” หงถิงมองสนามรบและเข้าใจบางสิ่ง

“ปรากฏว่านี่คือการจัดเตรียมของโชคชะตา ด้วยการต่อสู้ของสองสัตว์อสูรบรรพกาล แม่น้ำบุปผาล่องจึงอ่อล้น”

“นอกจากนี้พื้นที่รอบๆแม่น้ำบุปผาล่องยังอุดมสมบูรณ์มากขึ้นด้วยเลือดและซากศพของสิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วน ในอนาคตมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะโชคดีมาก”

“ปีศาจวัว ปล่อยท่านพ่อท่านแม่ของข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะทําให้เจ้าพบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” หงถิงมองปีศาจอมตะหัววัวด้วยความโกรธ

ปีศาจวัวถือร่างของบิดามารดาของหงถิงไว้ในมือทั้งสองข้างและหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าหยิ่งยโสเกินไป เจ้าต้องการกําจัดข้างั้นหรือ? เมื่อข้าเป็นผู้อมตะ เจ้ายังดูดนมมารดก! แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้าข่มขู่ข้างั้นหรือ?”

หงถิงพยายามระงับความโกรธ

ปีศาจวัวตะโกน “อย่าหุนหัน เจ้าไม่ต้องการชีวิตของพ่อแม่เจ้าแล้วงั้นหรือ? หากเจ้าเข้ามา ข้าจะทุบศีรษะพ่อแม่ของเจ้าทันที!

“เจ้าต้องการสิ่งใด?” หงถิงถาม

ปีศาจวัวเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ตราบเท่าที่เจ้ามองวิญญาณอายุยืนให้ข้า ข้าจะคืนพ่อแม่ของเจ้า มิฉะนั้นพ่อแม่ของเจ้าจะตายภายในไม่กี่วัน”

หงถิงตะลึง

ตามแผนเดิมของโชคชะตา วิญญาณอายุยืนปาจะถูกส่งมอบให้ปีศาจวัว แต่หงถิงเห็นว่าบิดามารดาของตนแก่ชรามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงมอบวิญญาณอายุยืนให้คนทั้งสองโดยไม่บอกราชันมังกร แต่ผู้ใดจะคิดว่าปีศาจวัวจะนําหายนะมาสู่บิดามารดาของเขา

ใบหน้าของหงถิงกลายเป็นซีดเผือด หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “ข้าใช้วิญญาณอายุยืนไปแล้ว”

“ข้ารู้เจ้าใช้มันกับพ่อแม่ของเจ้า!” ปีศาจวัวไม่แปลกใจ “แต่เจ้าเป็นศิษย์ของราชันมังกร เจ้าจะเป็นผู้นําวงสวรรค์ในอนาคต ข้าไม่เชื่อว่าคลังสมบัติของวังสวรรค์จะไม่มีวิญญาณอายุยืน นําวิญญาณอายุยืนสามร้อยปี ไม่ สามพันปีมาให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยพ่อแม่ของเจ้า!”

“นี่” หงถิงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ในที่สุดเขาก็บังคับให้ปีศาจวัวล่าถอย แต่พ่อแม่ของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถรักษา กระทั่งวิธีรักษาระดับอมตะก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าทําร้ายพวกท่าน! หากข้าไม่มอบวิญญาณอายุยืนให้พวกท่าน พวกท่านคงเหลือเวลาอีกหลายปี!” หงถิงคุกเข่าลงและร้องไห้

อย่างไรก็ตามหงลูกลับเผยรอยยิ้ม “บุตรชายของข้า ชีวิตและความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา โชคลาภขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์ มนุษย์ต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ผู้ใดจะสามารถมีชีวิตอยู่ตลอดไป พวกเราถูกลิขิตให้ตาย อย่าเสียใจ ตรงข้าม เจ้าต้องยินดีกับพวกเรา เราสองคนได้บุตรชายเช่นเจ้าถือเป็นเกียรติสูงสุดของพวกเราแล้ว ชื่อของเราจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เพราะเจ้า”

มารดาของหงถิงกล่าว “บุตรชายของข้า ฟังบิดาของเจ้า จงเป็นคนดี”

คู่สามีภรรยาสูงอายุจับมือกันและเสียชีวิตพร้อมกัน

“ท่านพ่อ ท่านแม่!” หงถิงคําราม

เมื่อเวลาผ่านไปประสบการณ์และวุฒิภาวะของหงถิงก็เพิ่มมากขึ้น

ภายใต้อาทิตย์อัสดง หงถิงพบหลิวซูเชี่ยนเป็นครั้งแรก

ทั้งคู่สบตา หัวใจเต้นแรง บรรยากาศที่ยากจะอธิบายแพร่กระจายออกไป

มันคือรักแรกพบ

หลิวซูเซียนถามเบาๆ “ท่านคือผู้ใด?”

หงถิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าคือสามีแห่งโชคชะตาของเจ้า ข้าชื่อหงถิง”

หลิวซูเซียนประหลาดใจ “เจ้าคือเทพอมตะในอนาคตั้งั้นหรือ?”

“ไม่จําเป็นต้องแปลกใจ การพบกันของเราถูกกําหนดโดยโชคชะตา”

ความรักทําให้หงถิงรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาและหลิวซูเซียนมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกัน พวกเขาราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน

ทั้งสองท่องเที่ยวไปทั่วโลก พูดคุยภายใต้แสงจันทร์ เพียงมองหน้าก็สามารถมองเห็นหัวใจ พวกเขาเป็นคู่รักอมตะที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหลายร้อยปี พวกเขาสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีการพลัดพรากที่รบกวนใจพวกเขา

หลิวซูเซียนก้าวเข้าสู่ระดับแปดไปพร้อมกับหงถิง

สุดท้ายหงถิงก็ประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติและกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า

ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ ผู้อมตะของวังสวรรค์หลายคนเสียชีวิต หงถิงจับร่างที่ค่อยๆเย็นลงของหลิวซูเซียนด้วยน้ำตานองหน้า

เขากอดหลิวซูเซียนเอาไว้อย่างแน่นหนา “อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งข้า ได้โปรด โปรดมีชีวิตอยู่!”

“ไม่มีประโยชน์ สามารถมองเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายถือเป็นโชคลาภของข้าแล้ว ข้าจะไม่ขอสิ่งใดอีก” หลิวซูเซียนยิ้ม

“ข้าช่างไร้ประโยชน์นัก ไร้ประโยชน์จริงๆ! ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติ แต่กลับทําร้ายเจ้า!” หงถิงก้มศีรษะลงพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหล

“ไม่ หงถิง ทั้งหมดเป็นชะตากรรม ความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือการปกป้องเจ้าจากภัยพิบัติและช่วยเจ้าก้าวเข้าสู่ตําแหน่งเทพอมตะ! ตอนนี้ข้าทําสําเร็จแล้ว”

“ไม่ ไม่ ไม่! เซียนเอ๋อ ข้าไม่ต้องการเป็นเทพอมตะ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่!” หงถิงคํารามด้วยร่างกายสั่นเทา

“ทุกสิ่งถูกกําหนดไว้แล้วโดยชะตากรรม หงถิง อย่าคิดเช่นนั้น เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ชะตากรรมของเจ้าคือการเป็นเทพอมตะ เป็นผู้นําวงสวรรค์ และน้ำมนุษยชาติสู่ความรุ่งโรจน์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยากเห็นฉากนั้นมาตลอด ยืนเคียงข้างเจ้าและติดตามเจ้าขณะที่เจ้านําโชคลาภมาสู่โลกใบนี้ด้วยพลังอํานาจที่ไร้เทียมทาน โชคร้ายที่ข้าไม่สามารถอยู่ดูมัน…”

หลิวซูเชียนเสียชีวิตไปอย่างช้าๆ

ศีรษะของหงถิงก้มลง แผ่นหลังของเขาโค้งงอราวกับคนแก่ เขาดูราวกับสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมด

เขาหยุดนิ่งเหมือนรูปปั้น

ในมิติช่องว่างของเขา ปราณสวรรค์พิภพรวมตัวกันและหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดขึ้นมาตามสภาพจิตใจของเขา

มันลอยอยู่กลางอากาศและรายล้อมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า

วิญญาณอมตะความเสียใจระดับแปด!

“แค่ก แค่ก” ราชันมังกรกระอักเลือดออกมาหลายคํา เขาบังคับตนเองให้ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาหงถิง

“การตายของหลิวซูเซียนไม่ได้ไร้ความหมาย มันมีค่า ไม่จําเป็นต้องโศกเศร้า ศิษย์รักของข้า นี่คือชะตากรรม ตอนนี้เจ้ากลายเป็นเทพอมตะแล้ว ผู้อมตะระดับเก้าหายากมาก เจ้ายังมีชีวิตอีกยาวนาน ภารกิจของเจ้าเพิ่งเริ่มต้น ข้าจะสละตําแหน่งของข้า วังสวรรค์ ห้าภูมิภาค และสองสวรรค์ต้องการเจ้า หงถิง หงถิง?” ราชันมังกรเรียกเบาๆ

หงถิงค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาไม่ได้มองราชันมังกร สายตาของเขายังติดอยู่กับศพที่เย็นเยียบของหลิวซูเซียน

เขาตอบเบาๆ “ข้าเสียใจ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท