เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1688 สิ่งกีดขวาง

บทที่ 1688 สิ่งกีดขวาง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1688 สิ่งกีดขวาง

“โฮก…”

สัตว์ประหลาดยักษ์ฟางหยวนคําราม

“ถอย!” นักรบกวางถือหอกยาวกระอักเลือดออกมาหลังจากต่อสู้กับฟางหยวนเพื่อปกป้องผู้คนของป่าจิตวิญญาณธรรมชาติ

สุดท้ายนักรบกวางถูกหักคอและตกตายอย่างน่าอนาถ

ภาพจบลงที่นี่และทําให้เกิดควมโกลาหลขึ้นในห้องโถงใหญ่ นักรบอสูรหลายคนแสดงออกด้วยความตกใจและความโกรธ

ชายชราร่างผอมไอสองครั้ง

ห้องโถงเงียบลงทันที นักรบอสูรทั้งหมดมองชายชราด้วยความเคารพ

ชายชรากล่าว “พวกเจ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ปีศาจหัววัวปรากฏตัวขึ้น มันทําลายเมืองอินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์ หุบเขาทมิฬ และป่าจิตวิญญาณธรรมชาติ”

ชายผมแดงตะโกน “ท่านราชาอสูร พวกเรายังต้องรอสิ่งใดอีก? นักรบอสูรทั้งหมดกําลังรอคําสั่งกําจัดปีศาจหัววัวจากท่าน!”

“ถูกต้อง โปรดออกคําสั่ง!”

“เรารอไม่ไหวแล้ว!”

“เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจหัววัวมาแล้ว นักรบอินทรีย์และนักรบกวางตายอย่างน่าสังเวช เราต้องล้างแค้นให้พวกเขา!”

นักรบอสูรหลายคนกล่าว บรรยากาศในห้องโถงถูกปลุกปั่น

ชายชราถอนหายใจ “เห้อ…ดูเหมือนพวกเจ้าจะยังไม่รู้ถึงความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ ข้ารู้ว่าทุกคนต้องการต่อสู้ แต่สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้แตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไป หากเราไม่สามารถจัดการอย่างเหมาะสม มันอาจเป็นจุดจบของโลก!”

“ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

“สัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีสัตว์ประหลาดยักษ์ที่สามารถสังหารนักรบอสูรมาก่อน”

“สัตว์ประหลาดตัวนี้มีร่างกายใหญ่โตและมีทักษะการต่อสู้สองรูปแบบ ทักษะการชะลอเวล รับมือได้ยากแต่เรายังสามารถตอบโต้”

ชายชราส่ายศีรษะและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ปีศาจหัววัวน่ากลัวกว่านั้น มันคือสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังที่สุด พวกเจ้าควรรู้ว่าราชาอสูรรุ่นแรกเสียชีวิตอย่างไร”

นักรบอสูรทั้งหมดตกตะลึง

“ท่านราชาอสูรหมายถึง…”

“ไม่มีทาง สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้อยู่ในระดับนั้นงั้นหรือ?”

ชายชราพยักหน้าอย่างช้าๆ “ห้องโถงหอยทากดาราที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือศพของหอยทากดารา ท่านราชาอสูรรุ่นแรกเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เพื่อสังหารหอยทากดารา ท่านต้องสละชีวิตของท่าน ปีศาจหัววัวตัวนี้อยู่ในระดับเดียวกับหอยทากดารา”

คําตอบของชายชราทําให้ห้องโถงกลายเป็นเงียบงัน

ชายชรามองไปรอบๆก่อนกล่าวต่อ “ข้ารวบรวมทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนกําจัดปีศาจหัววัว แต่เรามีโอกาสชนะไม่มากนัก พวกเจ้าต้องใช้กําลังทั้งหมดเพื่อทําให้เรามีโอกาสชนะ จงต่อสู้ด้วยความคิดที่จะหลบหนีจากความตาย!”

“ต่อสู้เพื่อหลบหนีจากความตาย…” บางคนพึมพํา

“ฮ่าฮ่าฮ่า” บางคนหัวเราะ

บรรยากาศกลับมาเบิกบานอีกครั้ง ดวงตาของนักรบอสูรทั้งหมดส่องประกายขึ้น

เจตจํานงแห่งการต่อสู้ของทุกคนพุ่งสูงขึ้น

“ข้ามีความคิดที่จะเสียลสะเพื่อบ้านเกิดมานานแล้ว!”

“ถูกต้อง ข้าจะเสียสละชีวิตเพื่อครอบครัวและสหายของข้า”

“เราไม่สามารถปล่อยให้ปีศาจหัววัวสร้างหายนะต่อไป แม้มันจะอยู่ในระดับเดียวกับหอยทากดาราแล้วอย่างไร? ข้าเชื่อหมัดของข้าและเชื่อในทุกคน!”

“ถูกต้อง ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของสหายทุกคน ราชาอสูรรุ่นแรกต่อสู้เพียงลําพัง แต่พวกเราแตกต่าง พวกเรามีกันและกัน!”

ขวัญกําลังใจของทุกคนพุ่งสูงขึ้น

ชายชรายิ้มด้วยความพึงพอใจ “ดี ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป เราจะปิดล้อมปีศาจหัววัวและกําหราบมัน! จําไว้ อนาคตของโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า!”

“เข้าใจแล้ว!”

เปลือกหอยทากดาราเริ่มสั่นสะเทือน

ฟางหยวนกําลังเดินอยู่บนพื้นที่รกร้าง ทุกย่างก้าวของเขาทําให้แผ่นดินสั่นไหว

“ราชาอสูรรุ่นแรกควรจะเป็นเจ้าของถ้ําสวรรค์แห่งนี้

ฟางหยวนมั่นใจเรื่องนี้

เขาทําลายสถานที่สามแห่งและยึดครองมรดกของเมืองเหล่านั้น พวกมันต่างเป็นมรดกของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

วิธีการบ่มเพาะของนักรบอสูรค่อนข้างสะดวก น่าเสียดายที่มันไม่ใช่วิธีการบ่มเพาะที่เหมาะสมสําหรับผู้ใช้วิญญาณ ทางเดินสายนี้จะแคบลงเรื่อยๆ คนเหล่านี้ไม่ตระหนักถึงมรดกที่แท้จริงของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรแม้แต่น้อย

“คือ ผู้ใด?” ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

ในเวลาต่อมาแสงระยิบระยับก็ส่องประกายขึ้นก่อนที่นักรบอสูรจะปรากฏตัวขึ้นทีละคนและปิดล้อมฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน

“สัตว์ประหลาด ตายไปซะ!”

“เพื่อความสงบสุขของโลก ข้าจะไม่เสียใจแม้ต้องสละทุกสิ่ง!”

“ทุกคน โจมตีพร้อมกัน เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นในสหาย แม้สัตว์ประหลาดจะแข็งแกร่ง แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา”

การต่อสู้ปะทุขึ้นทันที

ในเวลาเดียวกัน ณ ก้นทะเลแห่งหนึ่งของทะเลตะวันออก

“ท่านอาจารย์ สําเร็จแล้ว ไม่มีอาณาจักรแห่งความฝันออกมาอีก!” ฟงจินฮวงมองวังมังกรด้วยความตื่นเต้น

ราชันมังกรพยักหน้า

“ความพยายามตลอดหลายวันที่ผ่านมาของเราไม่สูญเปล่า อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหมดไปแล้ว ตอนนี้วังมังกรหยุดทํางาน มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะคว้ามันมา”

ความทรงจําของราชันมังกรผุดขึ้นในใจของเขา

ตัวอักษรสีแดงคําว่า อายุยืน ถูกเขียนไว้ในห้องโถงของวังมังกร

ราชันมังกรนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลักและรายล้อมไปด้วยผู้คน

“ท่านปู ข้ามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิด ขอให้ท่านปู่อายุยืนยาว นี่คือสัตว์อสูรเดียวดายที่ข้าล่ามาด้วยตนเอง หวังว่าท่านปูจะชอบ” มนุษย์มังกรหนุ่มคุกเข่าอยู่ด้านหน้าราชันมังกรและถือจานที่มีม้าน้ําตัวเล็กวางเอาไว้

“นี่คือม้าน้ําแห่งความสุข มันรวดเร็วและยากที่จะสังหาร”

“นายน้อยที่เจ็ดเป็นผู้อมตะระดับหก มันยากมากสําหรับเขาที่จะจับมัน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะจับมันมาได้จริงๆ”

“ข้าได้ยินมาว่าเพื่อจับม้าน้ําแห่งความสุข นายน้อยที่เจ็ดใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ที่ก้นทะเลโดยไม่เคลื่อนไหว ความกตัญญูของเขาช่างน่าประทับใจนัก”

ผู้คนลอบพูดคุย มีผู้อมตะเผ่ามนุษย์เล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์มังกร

ท่ามกลางมนุษย์มังกรเหล่านี้มีทั้งผู้อมตะและผู้ใช้วิญญาณ พวกเขาต่างเป็นทายาทของราชันมังกรทั้งสิ้น

ราชันมังกรเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์มังกรทั้งหมด เขาเป็นผู้สร้างเผ่ามนุษย์มังกรขึ้น มาบนโลกใบนี้ นายน้อยที่เจ็ดเป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์มังกรและเป็นหลานชายสุดที่รักของราชันมังกร

“ดี ดี ปู่จะรับของขวัญจากเจ้า” ราชันมังกรยิ้ม

ราชันมังกรเต็มไปด้วยความสุขกับบุตรหลานและแขกผู้มีเกียรติจํานวนมากที่อยู่ในห้องโถงแต่ตอนนี้

ราชันมังกรกลับสู่โลกแห่งความจริง

มีเพียงน้ําทะเลที่มืดมิดและความหนาวเย็นที่อยู่รอบตัวเขา วังมังกรเงียบสงัด

ความอบอุ่นที่เคยเติมเต็มหัวใจของเขาถูกฝังไว้ในอดีต มันไม่มีอีกแล้ว

“ผู้ใด? ออกมา!” ราชันมังกรตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน

“ดังคาด ราชันมังกรแห่งวังสวรรค์ เจ้ามีการรับรู้ที่เฉียบแหลม” หญิงชราหลังค่อมปรากฏตัวขึ้น รอยเหี่ยวย่นเหมือนอสรพิษสีม่วงที่เลื้อยคลานไปทั่วใบหน้าและเรือนร่างของนาง

“ราชันมังกร คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เป็นของเรา” ผู้อมตะอีกคนปรากฏตัวขึ้น เขาอยู่ในชุดคลุมขาวและดูเยาว์วัย

“คนภาคกลางต้องการขโมยสมบัติของทะเลตะวันออกงั้นหรือ? ฮีม ช่างกล้าหาญนัก!” ผู้อมตะคนที่สามก่นเสียงเย็น เขามีดวงตาสามเหลี่ยมและดูแข็งแกร่ง

ผู้อมตะคนสุดท้ายปรากฏตัวขึ้นด้านหลังราชันมังกร เขาสวมเสื้อคลุมสีดํา ปิดบังใบหน้า เงียบเชียบราวกับภูผี และเต็มไปด้วยพลังงานแห่งความมืด

“ยายหรง หยางจื่ออี้ ซือเมี่ยว และจางหยิน พวกเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะของทะเลตะวันออก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเจ้าจะก้าวเข้าสู่ระดับแปด เหตุใดพวกเจ้าต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่?” ราชันมังกรกล่าวด้วยความผ่อนคลาย

“ไร้สาระ!” ซือเมี่ยวตะโกน

การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท