เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1701 ฆ่าผู้อมตะระดับแปด

บทที่ 1701 ฆ่าผู้อมตะระดับแปด

บทที่ 1701 ฆ่าผู้อมตะระดับแปด

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกบินไปตามแนวเทือกเขาของภาคกลาง

การยึดครองวังมังกรของราชันมังกรบังคับให้ผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรม ฝ่ายปีศาจ และผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออกทํางานร่วมกัน

“มันควรอยู่ที่นี่” เฉินกงเจิ้งหยุดอย่างกะทันหันและมองภูเขาที่อยู่ด้านล่างด้วยความสงสัย

ภูเขาลูกนี้ดูธรรมดามาก ไม่มีสิ่งใดพิเศษ

“ที่นี่?” ฮัวช่ายหยุนขมวดคิ้ว “ข้าไม่พบสิ่งใดเลย”

“แต่ข้ารู้สึกว่าภูเขาลูกนี้แตกต่างออกไป” ชิงอวั๋อันกล่าว

“มันอยู่ที่นี่” ยายหรงกล่าวด้วยความมั่นใจ

ทุกคนมองนาง

ยายหรงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพิษแต่นางมีวิธีตรวจสอบที่ทรงพลังงั้นหรือ?

“มันเป็นภาพลวงตา” ดวงตาของซ่งฉีหยวนส่องประกายขึ้น

“แต่เราไม่มีสมาชิกบนเส้นทางแห่งค่ายกล” ฮัวช่ายหยุนกล่าว

จางหยินหัวเราะเสียงเย็น “เหตุใดต้องลังเล? เพียงบุกเข้าไปด้วยกําลัง การต่อสู้ที่ทะเลตะวันออก ทุกคนต่างระวังซึ่งกันและกัน นั่นทําให้ราชันมังกรประสบความสําเร็จ ตอนนี้เราเป็นพันธมิตร แม้ราชันมังกรจะมาด้วยตนเองแล้วอย่างไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง เข้าไปกันเถอะ!” ซ่งฉีหยวนหัวเราะเสียงดังก่อนจะลงมือโจมตี

“บึม บึม บึม”

ผู้อมตะระดับแปดล้วนมีทักษะที่น่าทึ่ง

ภายใต้การโจมตีของพวกเขา ภาพลวงตาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเผยให้เห็นทิวทัศน์ที่แท้จริง

บนภูเขามีถ้ําหินขนาดใหญ่ มันยังมีลวดลายเหมือนมังกรกําลังเต้นรําอยู่รอบๆ

กลุ่มผู้อมตะกวาดตามองก่อนจะบินเข้าไปในถ้ํา

พวกเขาบินไปตามเส้นทางที่ลึกลงไปใต้พิภพ

หลังจากผ่านอุโมงค์ยาว แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา

“นี่คือร่องลึกใต้พิภพที่ซ่อนอยู่ในถ้ํา!”

“มันไม่ใช่รอยแยกที่พึ่งเกิดขึ้นแต่คงอยู่มานานแล้ว”

“วังมังกรอยู่ในส่วนลึกของมันงั้นหรือ?”

“เหตุใดราชันมังกรถึงวางวังมังกรไว้ที่นี่?”

เปรียบเทียบกับร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้ กลุ่มผู้อมตะราวกับแมลงวันที่ไร้นัยสําคัญ

“โฮก…”

เป็นเพียงเวลานี้ที่สายลมกรรโชกแรงพัดขึ้นมาจากด้านล่าง

ในเวลาเดียวกันพื้นที่ทั้งหมดก็เกิดการสั่นสะเทือน หินเริ่มร่วงหล่นลงมา

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง

การสั่นสะเทือนเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและจบลงอย่างรวดเร็ว

เพียงสิบกว่าลมหายใจทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ

“ข้างล่างมีสิ่งใด?”

“ไม่ว่าจะมีสิ่งใด มันก็สามารถทําให้พวกเรารู้สึกถึงภัยคุกคาม!”

“ข้าอยากรู้ว่าราชันมังกรกําลังทําสิ่งใดอยู่”

กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกําลังจะสํารวจร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้แต่ค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่กลับถูกกระตุ้นการทํางานและกักขังพวกเขาเอาไว้

“มีศัตรูอยู่ที่นี่!”

“ค่ายกลวิญญาณอมตะที่น่าเกรงขาม!”

“ผู้ใด?”

ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา

คนผู้นี้เป็นชายชราที่อยู่ในชุดคลุมสีเทา กลุ่มผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกจดจําตัวตนของคนผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว

“โอ้ เจ้าคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายเมฆาวายุไป่เฟิงงั้นหรือ?”

ชายชราไปเพิ่งถอนหายใจ “ถูกต้อง พวกเจ้ามาที่นี่และโจมตีถ้ํามังกรเร้น มันไม่ฉลาดเลย มีข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเป้าหมายของพวกเจ้าจะเป็นสิ่งใด พวกเจ้าก็จะไม่ประสบความสําเร็จ”

“ถ้ํามังกรเร้น! ที่นี่คือถ้ํามังกรเร้น!?” กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกใจ

ทุกคนรู้ว่าถ้ํามังกรเร้นเป็นสถานที่กักขังสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานตี้จางเฉิงแต่ตําแหน่งที่ตั้งของมันไม่เคยถูกเปิดเผย

เดิมที่ชายชราไป่เฟิงสามารถเข้าสู่วังสวรรค์ แต่เนื่องจากหลานชายของเขาทําความผิด ชายชราจึงต้องรับโทษร่วมกันกับเขา ทั้งสองได้รับมอบหมายให้ดูแลถ้ํามังกรเร้น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ราชันมังกรวางวังมังกรไว้ที่นี่

ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเริ่มโจมตี

การต่อสู้ระดับแปดเริ่มขึ้น

….

ในเวลาเดียวกัน

หุบเขาเต่าปฐพี

ภายในหุบเขามีกําแพงสูงชันที่เกือบตั้งฉากกับพื้น

ปีศาจอมตะเก้าดัชนีมายาลอบเข้ามาที่นี่

มีเต่าปฐพีจํานวนมาก พวกมันล้วนเป็นสัตว์อสูรที่มีร่างกายใหญ่โต

“เต่าปฐพีหาได้ยากในทะเลตะวันออก มันพบได้ทั่วไปที่ภาคใต้และภาคกลาง หุบเขาเต่าปฐพีเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เต่าปฐพีที่ใหญ่ที่สุดของภาคกลาง ฮ่าฮ่า”

ปีศาจอมตะเก้าดัชนีมายาหัวเราะอย่างพึงพอใจ

เดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งทรัพยากรในการปกครองของนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณ แต่ผู้อมตะที่เคยปกป้องที่นี่ถูกย้ายไปปกป้องการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

“แม้คนจะจากไปแต่พวกเขาย่อมทิ้งวิธีแจ้งเตือนเอาไว้เบื้องหลัง” ปีศาจอมตะเก้าดัชนีมายาไม่ได้เข้ามาอย่างกะทันหัน เขาตรวจสอบมาแล้ว

“ให้ข้าลองดู” ดวงตาของปีศาจเก้าดัชนีมายาส่องประกายขึ้น

นิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็ว มันดูราวกับภาพมายา ในไม่ช้านิ้วของเขาก็เหลือเพียงเก้านิ้ว

มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของปีศาจอมตะเก้าดัชนีมายาพิเศษมาก

นิ้วที่หายไปเปรียบเสมือนความลับสวรรค์

อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเพียงเส้นทางรองของปีศาจอมตะเก้าดัชนีมายา เส้นทางการบ่มเพาะหลักของเขาคือเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

ยิ่งเขาอนุมานมากเท่าใด ดวงตาของเขาก็ยิ่งส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาดมากเท่านั้น

…..

ห่างออกไป การต่อสู้ที่รุนแรงกําลังปะทุขึ้นที่เนินเขาแสงจันทร์

ผู้อมตะระดับเจ็ดเซี่ยเปาซูลอยอยู่บนท้องฟ้า เขากําลังโจมตีเนินเขาแสงจันทร์อย่างดุเดือด

เขาอยู่ในชุดคลุมสีน้ําเงิน เขาดูเหมือนบัณฑิตที่มีใบหน้าหล่อเหลา

คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้อมตะหญิง นางเป็นผู้ดูแลเนินเขาแสงจันทร์ ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ “เซี่ยเปาซู เจ้าไม่คู่ควรเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เจ้าทําตัวราวกับปีศาจและพยายามปล้นทรัพยากรของเนินเขาแสงจันทร์ ไปปล้นทรัพยากรของสิบนิกายโบราณหากมีความกล้า! เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่เจ้ากลับเลือกโจมตีข้า ย้อนกลับไป ข้ายังเคยซื้อวิญญาณปีของเจ้า!”

เซี่ยเปาซูถอนหายใจ “เทพธิดาอวี๋ฮัว หากข้ามีทางเลือกข้าจะไม่ทําสิ่งนี้ ธุรกิจวิญญาณปีของข้าล่มสลาย ข้าต้องการแหล่งรายได้ใหม่ หากเจ้าสามารถมอบเห็ดแสงจันทร์ให้ข้าครึ่งหนึ่ง ข้าจะจากไปทันที”

ผู้อมตะหญิงของภาคกลางแทบกระอักเลือด “ข้าใช้เวลาสามสิบปีในการเพาะเลี้ยงเห็ดแสงจันทร์ แต่ตอนนี้เจ้ากลับต้องการครึ่งหนึ่งของมัน ฝันไปเถอะ! แม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะเจ้า แต่เจ้าก็ไม่มีวันได้รับพวกมัน ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าจะทําลายเนินเขาแสงจันทร์ทั้งหมด!”

“เจ้าสามารถงั้นหรือ?” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูของผู้อมตะหญิง

“ผู้ใด?” ผู้อมตะหญิงตกใจมาก นางเร่งหันหลังกลับ แต่นางกลับหมดสติลงอย่างกะทันหัน

โหยว่เซียนซือยืนอยู่บนเนินเขาแสงจันทร์ เขามองผู้อมตะหญิงก่อนจะหันหน้าไปทางเซี่ยเปาซูและเผยรอยยิ้ม

โหยว่เซียนซือเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรวบรวมน้ํามันดิบของทะเลตะวันออก รูปร่างหน้าตาของเขาดูน่าเกลียด เขาเหมือนขอทาน แต่เขาเป็นสหายที่ดีที่สุดของเซี่ยเปาซู

เซี่ยเปาซูมาแสวงหาทรัพยากรที่ภาคกลาง โหยว่เซียนซือจึงตามมาช่วยเหลือ

….

กรงข่าวลือ

ฟางหยวนปลดปล่อยมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนออกมา

มังกรดาบบรรพกาลต่อสู้กับพยัคฆ์เงินอย่างดุเดือด

ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ฝูงมังกรดาบบรรพกาลก็ลดจํานวนลง พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝูงพยัคฆ์เงิน

แต่ฟางหยวนยังส่งมังกรดาบบรรพกาลออกมาอย่างต่อเนื่อง

“วิธีการของท่านโจวซ่งซินช่างทรงพลังนัก”

“การรวมตัวกันระหว่างกรงข่าวลือ ข่าวลืออันตราย และข่าวลือกลายเป็นพยัคฆ์ทําให้เขาต่อสู้ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย”

“ยิ่งนานเท่าใด ฟางหยวนก็ยิ่งเสียเปรียบเท่านั้น เขาอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาไม่สามารถหลบหนี”

สามผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางเฝ้ามองอยู่ที่มุมหนึ่ง

โจวซ่งซินคนเดียวสามารถกําหราบฟางหยวน!

ผู้อมตะของวังสวรรค์ล้วนเป็นอัจฉริยะที่หายาก

‘ข้ามีพลังการต่อสู้ระดับแปดเท่านั้น ข้ายังด้อยกว่าหลี่ฮวง แต่ด้วยท่าไม้ตายอมตะของเทพอมตะแรกกําเนิดและการหยิบยืมเจตจํานงของมนุษย์จํานวนนับไม่ถ้วนของภาคกลาง มันทําให้พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’

‘ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถสังหารฟางหยวนได้ในที่สุด!’

แม้โจวซ่งซินจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เขาก็ไม่ประมาท

แม้เขาจะพึ่งตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ แต่ข้อมูลจํานวนมหาศาลทําให้เขาเข้าใจฟางหยวนอย่างลึกซึ้ง

‘เส้นทางแห่งข้อมูลและเส้นทางมนุษย์…วังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกล้ําอย่างแท้จริง’

ฟางหยวนมองโจวซ่งซินและลอบถอนหายใจกับตนเอง

ศัตรูไม่เปิดเผยจุดอ่อน พวกเขาระวังตัวเป็นอย่างมาก

ฟางหยวนพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับแปด เขาพึ่งพาเกราะหวนคืนและตราประทับเหล่าโปเป็นหลัก ในการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า เขาอยู่ในกําแพงภูมิภาค เทือกเขาห้าภูมิภาค หรือสายธารแห่งกาลเวลา นั่นทําให้เขาสามารถใช้ประโยชน์สภาพแวดล้อม แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ภาคกลาง เขาถูกกําหราบอย่างสมบูรณ์โดยผู้อมตะระดับแปดชั้นแนวหน้าที่แท้จริง

ในแง่ของเส้นทางแห่งข้อมูล ความสําเร็จของเขาแย่มาก สําหรับเส้นทางมนุษย์ มันยิ่งเลวร้ายกว่า

‘ลืมมันไปซะ การตรวจสอบสิ้นสุดที่นี่ ถึงเวลาใช้ความได้เปรียบของข้าแล้ว’ ริมฝีปากของฟางหยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ในเวลาต่อมาการซุ่มโจมตีก็เริ่มต้นขึ้น

“บึม!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ถูกกระตุ้นใช้งาน

กรงข่าวลือพังทลายลงราวกับไข่ที่ถูกทุบ

“เหตุใดถึงมีค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่!?” สี่ผู้อมตะระดับแปดตกใจและโกรธมาก

“ลองเดาดู” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง เขาเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิดและกระโดดเข้าไปชกโจวซ่งซิน

โจวซ่งซินกระอักเลือดคําโตออกมา

ด้วยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เวลารอบตัวโจวซ่งซินเดินช้าลง เขาไม่สามารถหลบการโจมตีของฟางหยวนและถูกส่งลงสู่พื้น

“เร็ว ช่วยท่านโจวซ่งซิน!”

“โจมตีพร้อมกัน!”

สามผู้อมตะระดับแปดเร่งโจมตีฟางหยวน

ฟางหยวนหัวเราะและกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะอีกครั้ง นั่นทําให้สามผู้อมตะระดับแปดหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน

ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้บินลงไปหาโจวซ่งซิน

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

ลิงยักษ์ถือกรรไกรขนาดใหญ่แทงลงไปบนพื้น

“ฉับ!”

เลือดสาดกระเซ็น

ศีรษะของโจวซ่งซินลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะตกลงบนพื้น

โจวซ่งซินเสียชีวิต!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท