เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1704 ความโกลาหลในภาคกลาง

บทที่ 1704 ความโกลาหลในภาคกลาง

บทที่ 1704 ความโกลาหลในภาคกลาง

ภาคกลาง

เกาะลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ มันคืออาณาเขตของนิกายวิหารหลวง

การแข่งขันรอบนี้กําลังจะจบ

ผู้อมตะสามคนที่ปกป้องเกาะลอยฟ้ารู้สึกผ่อนคลายลง

หนึ่งในสามกล่าว “ในที่สุดมันก็จบ นี่เป็นการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด”

“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเรื่องจริง แต่มันช่วยไม่ได้ ปีศาจฟางหยวนดุร้ายเกินไป ผู้คนจากภูมิภาคอื่นก็มีเจตนาร้ายเช่นกัน”

“หลังจากจบภารกิจนี้ข้าจะเลี้ยงสุราพวกเจ้า!”

“โอ้ สุราเก้าแม่น้ําของเจ้ามีชื่อเสียงมาก ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมีโอกาสลิ้มลอง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยกย่องมากไปแล้ว” ผู้อมตะที่ได้รับการยกย่องเร่งโบกมือแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของเขากลับหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน

ร่างกายของเขาแข็งที่อก่อนจะล้มลงบนพื้นและเสียชีวิต

“ระวัง!”

“ศัตรูโจมตี! ดวงวิญญาณของเขาแตกสลาย!”

สองผู้อมตะที่เหลือตกใจมาก พวกเขาใช้วิธีป้องกันตัวอย่างเต็มที่

หลังจากนั้นพวกเขาเห็นผู้ใช้วิญญาณล้มลงเสียชีวิตที่ละคน

สองผู้อมตะเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขากําลังจะเสร็จสิ้นภารกิจแต่พวกเขากลับถูกโจมตีในช่วงเวลาสุดท้าย

“ช่างชั่วร้ายนัก พวกเขาโจมตีผู้ใช้วิญญาณ!”

“ปีศาจขี้ขลาด หากมีความกล้าก็ออกมา!”

สองผู้อมตะตะโกน

สนามแข่งขันตกสู่ความโกลาหล

“พวกเจ้าต้องการพบข้างั้นหรือ?” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ข้าจะให้พวกเจ้าสมปรารถนา”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ อิงอู่เซี่ยปรากฏตัวขึ้น

“ปีศาจ ตายซะ!” สองผู้อมตะกัดฟันแน่นและเริ่มโจมตี

อิงอู่เซียยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน เขามองคนทั้งสองด้วยสายตาเย้ยหยัน

การแสดงออกของสองผู้อมตะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความเร็วของพวกเขาลดลงอย่างมาก

“เราเราถูกโจมตี้งั้นหรือ?”

“แต่ก่อนหน้านี้”

“มันคือสิ่งใด?”

สองผู้อมตะระดับเจ็ดล้มลงบนพื้นและเสียชีวิต

อิงเซี่ยยิ้มและเก็บศพของสามผู้อมตะเอาไว้

“ท่านผู้นําต้องการมิติช่องว่างของพวกเจ้า”

เขาชําเลืองมองสนามรบที่ไม่มีผู้ใดยืนอยู่อีกต่อไป มันกลายเป็นทุ่งซากศพ

ครู่ต่อมาอิงอู่เซียก็บินออกจากเกาะลอยฟ้าที่เงียบงัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่

ในเวลาเดียวกัน ณ แม่น้ําเกล็ดแสง

ไหลั่วหลันตะโกน “ต่อต้านข้าด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

ก่อนที่นางจะกล่าวจบ กลิ่นอายที่ทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างของนาง

“บึม!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลาย

“พรวด!”

กลุ่มผู้อมตะที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้กระอักเลือดออกมาเพราะผลกระทบย้อนกลับ

ไหลั่วหลันหัวเราะขณะที่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีศัตรู

ปาร้อยสวน

ไปหนิงปิงเหยียบหิมะและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

ป่าไผ่เขียวกลายเป็นโลกน้ําแข็ง แมลงติดอยู่ในก้อนน้ําแข็งและไม่สามารถเคลื่อนไหว

ทุ่งหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ

บนสนามแข่งขันกลางป่าไผ่ ผู้ใช้วิญญาณหลายร้อยคนถูกแช่แข็งทั้งหมด ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต

ก่อนหน้านี้ไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และอิงอู่เชี่ยฝึกท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตอยู่ที่เกาะบัวหินตอนนี้พวกเขากลายเป็นตัวตันชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด ตัวละครทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก ด้วยความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตทั้งสามเติบโตขึ้นอยางรวดเร็วและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้

ทั้งสามเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่น เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้น ผู้คนในระดับเดียวกันจะกลายเป็นอ่อนแอทันที ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับการตอบสนองของวังสวรรค์วังสวรรค์

หลังจากได้รับข้อมูลใหม่ การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นมืดครื้ม

นางพยายามซื้อทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาโดยไม่สนใจค่าใช้จ่าย แต่นางกลับไม่สามารถหยุดการเติบโตของฟางหยวน กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายังแข็งแกร่งขึ้นมาก

เมื่อเห็นฉากการต่อสู้ของพวกเขา ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาเริ่มสั่นไหว

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของราชันมังกรแต่นางไม่รู้ว่าเขากําลังคิดสิ่งใด

เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน! ข้าประเมินเจ้าต่ําเกินไป!”

เทพธิดาจื่อเว่ยสับสน “ท่านราชันมังกร ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

“เหตุผลที่คนทั้งสามได้รับพลังมหาศาลมาอย่างรวดเร็วเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต” ราชันมังกรกล่าว

“ตัวตนในอนาคต?”

“มันเป็นท่าไม้ตายที่ถูกสร้างขึ้นโดยศิษย์คนแรกของข้า ย้อนกลับไปเขาใช้วิญญาณกาลเวลากำเนิดใหม่และสูญเสียระดับการบ่มเพาะ เพื่อแก้ปัญหานี้ เขาจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต” ราชันมังกรตอบ

เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจมาก

คิ้วของนางขมวดแน่น “ข้าตรวจสอบความทรงจําของเทพปีศาจจิตวิญญาณแล้ว มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงที่เขาได้รับไม่มีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต นั่นหมายความว่าฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงแล้วงั้นหรือ? มันเป็นไปได้อย่างไร? พวกเราปกป้องสายธารแห่งกาลเวลาอย่างแน่นหนา”

ราชันมังกรสายศีรษะ “ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ตอนนี้เราต้องเฝ้ามองฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

ราชันมังกรไม่ดูถูกฟางหยวนอีกต่อไป

กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือเขาไม่กล้าดูถูกเทพปีศาจบัวแดง!

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเจิ้งหยวนรู้สึกหนักใจมาก

แต่ตอนนี้ฟางหยวนหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และอิงอู่เชี่ยเท่านั้นที่โจมตีการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและสร้างความโกลาหลขึ้นในภาคกลาง

“ฟางหยวนกําลังทําสิ่งใด?”

“เขาเก็บพลังไว้เพื่อสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่งั้นหรือ?”

ฟางหยวนไม่ได้ทําสิ่งใดในเวลานี้ นั่นทําให้วังสวรรค์รู้สึกกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีเข้ามาเมื่อใด

ฟางหยวนซุ่มรออยู่ แต่ราชันมังกรก็ยังไม่เคลื่อนไหว

“สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ” ฟางหยวนกัดฟันแน่น

ราชันมังกรไม่เคลื่อนไหว แม้การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะพบอุปสรรคมากมาย แต่การแข่งขันนี้ยังดําเนินต่อไปโดยไม่คํานึงถึงการเสียสละใดๆ

ผู้ใช้วิญญาณที่เข้าร่วมการแข่งขันลดลง สถานที่จัดการแข่งขันลดลง ผู้อมตะภาคกลางสามารถรวมกลุ่ม ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และคนอื่นๆต้องทํางานร่วมกัน หากพวกเขาทํางานเพียงลําพัง พวกเขาจะไม่สามารถทําลายสถานที่จัดการแข่งขันได้อีก

ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่ปรากฏตัว

ก่อนหน้านี้ปิงช่ายฉวนติดต่อฟางหยวนและต้องการสร้างความร่วมมือเพื่อขัดขวางแผนการของวังสวรรค์

แต่จนถึงตอนนี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรก็ยังไม่เคลื่อนไหว

“นิกายเงาและข้าไม่สามารถหยุดการแข่งขันนี้ เว้นเพียงกองกําลังอื่นจะร่วมมือกับเรา!”

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

แม้นิกายเงาจะเข่นฆ่าผู้คนจํานวนมากและพยายามขัดขวางการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่ตราบเท่าที่ราชันมังกรยังไม่เคลื่อนไหว การแข่งขันนี้ก็จะดําเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

หากราชันมังกรไม่เคลื่อนไหว ผู้อมตะอีกสี่ภูมิภาคจะไม่รู้สึกถึงภัยคุกคาม พวกเขาจะไม่ลงมือทําสิ่งใด

นี่คือภูมิปัญญาของราชันมังกร

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องเป็นแนวหน้า แม้เขาจะทําผลงานได้ดี แต่ความจริงก็คือสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชันมังกร

จากมุมมองของฟางหยวน สถานการณ์ของภาคกลางยังไม่เปลี่ยน

เขาควรทําอย่างไร?

หลังจากคิดทบทวน ฟางหยวนตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาหยุดไปหนิงปิงและคนอื่นๆจากการโจมตีสถานที่จัดการแข่งขันและเริ่มปล้นสะดมแหล่งทรัพยากร

ฟางหยวนแสดงภาพเหตุการณ์ที่ไปหนิงปิงและคนอื่นๆปล้นสะดมแหล่งทรัพยากรของภาคกลางในสวรรค์สีเหลืองเพื่อให้ผู้อมตะคนอื่นเห็น

กลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้ผลในช่วงสองสามวันแรก แม้ไปหนิงปิงและคนอื่นๆจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลแต่ฟางหยวนยังไม่มีความสุข

แต่วันต่อมาความโกลาหลเริ่มปะทุขึ้น

เจ้าหญิงนิทราของภาคเหนือบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะของนิกายเทพยุทธ์อมตะและปล้นสะดมทรัพยากรทั้งหมด

ผู้อมตะเซียวหงื่อและเซียวชื่อหรงโจมตีเทือกเขากระจกและสังหารสามผู้อมตะที่ประจําการอยู่ที่นั่น

แหล่งทรัพยากรของนิกายกระเรียนอมตะถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะลึกลับและถูกขโมยทรัพยากรอมตะจํานวนมาก

หลายวันผ่านไปมันกลายเป็นฉากแห่งความปั่นป่วน

แหล่งทรัพยากรที่มีชื่อเสียงทุกประเภทถูกปล้นสะดม ภาคกลางตกสู่ความโกลาหลทุกหนทุกแห่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดจิตใจของผู้คนก็สั่นไหว!” ฟางหยวนหัวเราะ

กลยุทธ์ของเขาคือกระตุ้นความโลภในจิตใจของผู้คน หากเขาปลุกระดมกลุ่มผู้อมตะให้โจมตีการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมโดยตรง ผู้อมตะเหล่านี้จะรู้สึกลังเลแต่หากเขาโน้มน้าวจิตใจของผู้คนด้วยความโลภ พวกเขาจะถูกล่อลวง

ทรัพยากรถึงดูดผู้อมตะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะที่ยืนอยู่ข้างสนามและมองคนอื่นๆปล้นสะดมทรัพยากรจะไม่รู้สึกกระวนกระวายใจได้อย่างไร? ท้ายที่สุดทรัพยากรก็มีจํากัด หากผู้อื่นฉกชิงไป พวกเขาจะไม่ได้รับสิ่งใดในภายหลัง

กลยุทธ์ใหม่ของฟางหยวนได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

ผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะยังพยายามเสี่ยงโชค

“ฟางหยวนข้าจะทําให้เจ้าตายอย่างทุกข์ทรมาน!” เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

ราชันมังกรถอนหายใจ “จิตใจของผู้คนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ถึงกระนั้นราชันมังกรก็ไม่ล้มเลิกแผนการของเขา เขายังผลักดันการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมต่อไป

สถานที่จัดการแข่งขันได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาโดยผู้อมตะจํานวนมาก

ด้วยเหตุนี้แหล่งทรัพยากรของพวกเขาจึงถูกปล้นสะดมอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของราชันมังกรยังไม่สั่นคลอน แม้ภาคกลางจะตกสู่ความโกลาหลแต่เขายังปกป้องการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

การตอบสนองของราชันมังกรทําให้ฟางหยวนต้องกัดฟันแน่น ไม่มีสิ่งใดที่เขาทําได้

ราชันมังกรปฏิเสธที่จะเข้าแทรกแซงและบังคับให้ฟางหยวนโจมตี แต่ฟางหยวนจะไม่เคลื่อนไหว เนื่องจากกองกําลังอื่นยังไม่เข้าสู่การต่อสู้ หากเขาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เขาจะกลายเป็นหินรองเท้าของคนอื่นๆ

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องรออยู่อย่างเงียบๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท