เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1740 เคลื่อนกรรม

บทที่ 1740 เคลื่อนกรรม

บทที่ 1740 เคลื่อนกรรม

“ท่านหลี่ฮวง!”

“โอ้ สวรรค์ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“ทําได้ดีมาก!”

ศพของหลี่ฮวงร่วงหล่นลงจากอากาศและทําให้ทุกคนตกตะลึง

ฟางหยวนหัวเราะและเคลื่อนที่ต่อไป “ผู้ใดกล้าขวางทางข้าต้องพบจุดจบเดียวกันนี้”

การปรากฏตัวขึ้นของปีศาจที่น่าเกรงขามทําให้ขวัญกําลังใจของผู้อมตะภาคกลางลดลงเป็นอย่างมาก ดวงตาของวุหยงส่องประกายเย็นเยียบ ขณะที่กลุ่มของเหยากวงตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

การแสดงออกของชูค่อนข้างซับซ้อน ย้อนกลับไปฟางหยวนระดับหกยังพบกับความยากลําบากในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ชูตู๋ต้องช่วยฟางหยวน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเพียงไม่กี่ปีฟางหยวนจะกลายเป็นบุคคลที่ชต์ต้องจับตามอง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกรจนถึงครั้งนี้รวมกับท่าไม้ตายอมตะดาบภูต มังกรหมื่นตัวตน ข้าใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไปแล้วประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอย!”

ฟางหยวนประเมินอยู่ในใจ

การกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกร แต่ละครั้งทําให้ฟางหยวนสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสี่พันร่องรอย หลังจากสังหารหลี่ฮวง เขาเสียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไปแล้วหนึ่งหมื่นร่องรอย

ฟางหยวนสามารถทําลายเสื้อคลุมเพลิงสุริยันและสังหารหลี่ฮวง แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็ไม่น้อย

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต่มีความสําคัญกับผู้อมตะ

การใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเป็นการลดรากฐานของพวกเขาโดยตรง

นอกจากนี้ท่าไม้ตายอมตะดาบภูตมังกรหมื่นตัวตนก็ยังมีข้อบกพร่อง มันมีความเร็วไม่มาก และสามารถหลบได้ง่าย

ฟางหยวนรู้ว่าหลี่ฮวงต้องการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ เขาจะไม่หลบการโจมตี ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้

“ภูเขาขนดก

มองไปยังภูเขาขนดก ฟางหยวนต้องถอนหายใจออกมา ผู้ใดจะคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติจะอยู่บนภูเขาขนดก มองจากภายนอก ภูเขาขนดกไม่มีสิ่งใดโดดเด่น

แต่ความจริงก็คือมันเป็นสถานที่สําคัญที่สุดสําหรับวังสวรรค์ในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม และตอนนี้มันกลายเป็นสถานที่ตัดสินการต่อสู้ที่ยากลําบากครั้งนี้

“ฟางหยวน!” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกีดขวางเส้นทางของฟางหยวน

เขาคือเฉินอี้

“วหยงไม่ได้ฆ่าเจ้า เช่นนั้นให้ข้าจบชีวิตของเจ้า!” ฟางหยวนเตรียมดาบภูตมังกรอีกครั้ง

ใบหน้าของเฉินอี้กลายเป็นเคร่งขรึม

กระทั่งหลี่ฮวงยังเสียชีวิต เฉินอี้ไม่มีความมั่นใจที่จะต่อต้านดาบภูตมังกรของฟางหยวน

“หือ? นี่คือ?” ในช่วงเวลาสําคัญ เฉินอี้รู้สึกราวกับหน้าอกถูกเหล็กร้อนกดดับ

พลังงานลึกลับไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา

หลังจากนั้นภาพวาดของต้นไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นก็บนหน้าอกของเขา

“อา…” เฉินอี้ตกใจ “มันเป็นภาพวาดที่สลักอยู่บนร่างกายของข้าเมื่อข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์

ในเวลาเดียวกันข้อมูลบางอย่างก็ถูกส่งเข้าสู่จิตใจของเขา

“นี่คือการจัดเตรียมของเทพอมตะบัวสวรรค์!”

เฉินอี้ประหลาดใจและมีความสุขมาก เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะตามคําแนะนําจากข้อมูลดังกล่าวทันที

ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!

ควันสีเขียวลอยขึ้นเหนือศีรษะของเฉินอี้และกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีผลไม้รูปร่างแปลกประหลาดหลายสิบลูกอยู่บนกิ่งไม้

พลังงานลึกลับจากภาพวาดบนหน้าอกของเขาถูกถ่านโอนไปยังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แแห่งชะตากรรม

เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉินอี้ได้ยินเสียงของเทพอมตะบัวสวรรค์ “ดูให้ดี นี่คือท่าไม้ตายต่อเนื่องจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรม ชื่อของมันคือท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรม!”

เมื่อท่าไม้ตายถูกใช้งาน สายลมกรรโชกแรงพัดมาทําให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมสั่นไหว

ดาบภูตมังกรที่พุ่งมาหาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งโชะตากรรมกหายไปอย่างกะทันหัน

“หือ!?” ฟางหยวนตะลึง

เขาตระหนักว่าการเชื่อมต่อระหว่างเขากับดาบภูตมังกรอ่อนแอลง มันเหมือนดาบภูตมังกรอยู่ห่างจากเขาคนละซีกโลก

“ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีขนส่งบางอย่าง” ฟางหยวนหรี่ตามอง

ความสามารถในการขนส่งของมันทรงพลังมาก

เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะดาบภูตมังกรหมื่นตัวตนของฟางหยวนใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถรักษาการเชื่อมต่อเอาไว้แม้มันจะอยู่ไกลกว่าหมื่นลี้

อย่างไรก็ตามหากเกินระยะนี้อีกเพียงเล็กน้อย ท่าไม้ตายของเขาจะพังทลายลง

หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ฟางหยวนจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ อย่างน้อยเขาก็จะกระอักเลือดออกมา

“มันสามารถเคลื่อนย้ายท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ?” วูหยงได้รับข้อมูลจากฟางหยวน “เช่นนั้น ข้าจะดูว่าเจ้าจะกําจัดท่าไม้ตายอมตะอําลาสหายของข้าได้หรือไม่?”

รูหยงเย้ยหยัน

ร่างของเขาปรากฏขึ้นด้านหลังเฉินอี้

ท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย!

แต่เพียงเมื่อวหยงสัมผัสไหล่ของเฉินอี้ วิสัยทัศน์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป

ในเสี้ยวพริบตา เขาถูกเคลื่อนย้ายกลับไปยังภาคใต้

“นี่!?” จูหยงตกตะลึงขณะยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง

ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครึ้ม เขารีบส่งข้อมูลกลับไป

“กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังถูกเคลื่อนย้ายงั้นหรือ?”

“มันเป็นท่าไม้ตายชนิดใด?”

“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมมีความสามารถลึกลับเช่นนี้อยู่จริงๆ”

หัวใจของผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือสั่นสะท้านขณะที่ขวัญกําลังใจของผู้อมตะภาคกลางพึ่งสูงขึ้น

“สู้ต่อไป!” เฉินอี้รู้สึกยินดีแต่เสียงของฟางหยวนทําให้การแสดงออกของเขากลายเป็นมืดครึมอีกครั้ง

ฟางหยวนตะโกน “ข้าพบแล้ว ความสามารถในการเคลื่อนย้ายของมันอาจดูอัศจรรย์ แต่มันมีขีดจํากัดด้านจํานวนครั้งในการใช้งาน หลังจากเคลื่อนย้ายสองครั้ง ผลไม้สองลูกหายไป”

“มันถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว” เฉินอี้รู้สึกขมขื่น “ให้ข้าลองดู!” จักรพรรดิสวรรค์ไปส่งร่างแยกจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป นี่คือกลยุทธ์พื้นฐานที่สุดบนเส้นทางแห่งทาส

ผลไม้ลูกหนึ่งหายไปขณะที่ร่างหลักของจักรพรรดิสวรรค์ไปซูถูกส่งไปยังทะเลตะวันออก

ฟางหยวนคิด “ร่างหลักของจักรพรรดิสวรรค์ไปซูถูกส่งออกไปโดยตรง กลยุทธ์บนเส้นทางแห่งทาสล้มเหลว ตามตรรกะไม่ใช่ว่ามันควรจะเคลื่อนย้ายร่างแยกงั้นหรือ?”

กลุ่มของเหยากวงบุกเข้าไป

“ช้าก่อน! พี่ชู ท่านโจมตีเป็นคนแรก” ฟางหยวนออกคําสั่ง

ชต์โจมตีจากระยะไกลแต่เขายังหายตัวไปเช่นกัน

เขาถูกส่งกลับไปที่แดนน้ําแข็งของภาคเหนือ

หลังจากนั้นผู้อมตะคนอื่นๆก็ถูกส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนตระหนักถึงบางสิ่ง ดูเหมือนข้าจะไม่ได้รับอิทธิพลจากท่าไม้ตายนี้เพราะข้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์?”

แม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมจะไม่ส่งอิทธิพลต่อเขาแต่มันสามารถขนส่งท่าไม้ตายของเขา

ท่าไม้ตายของฟางหยวนถูกส่งออกไปทั้งหมด บางครั้งถูกส่งไปมุมหนึ่งของภาคกลาง บางครั้งถูกส่งไปยังภูมิภาคอื่นหรือกระทั่งสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดํา

แต่เฉินอี้ก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก

เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว

ชัดเจนว่าเขาต้องแบกรับภาระในการรักษาท่าไม้ตายนี้เอาไว้

“บัดซบ! แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติอยู่ตรงหน้าแต่เราไม่สามารถเข้าไปเพราะเฉินอี้ เพียงคนเดียว…” เหยากวงกัดฟันแน่น

กลุ่มของชิงเย่เริ่มต่อสู้กับผู้อมตะภาคเหนือและภาคใต้

ฟางหยวนส่งหมื่นภูตมังกรออกไปโจมตีเฉินอี้

พวกมันถูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนรู้สึกถึงปัญหา

“ท่าไม้ตายอมตะที่อ่อนแอไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ผลไม้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม มีเพียงท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังเท่านั้นจึงจะทําให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมสูญเสียผลไม้หนึ่งลูก นอกจากนั้นข้ายังมีโอกาสได้รับผลกระทบย้อนกลับหากข้าโชคร้าย”

ฟางหยวนไม่กล้าใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบภูตมังกรหมื่นตัวตน

ปัจจุบันเขาไม่สามารถใช้เสื้อคลุมฤดูหนาวและเกราะหวนคืน วิธีป้องกันอื่นๆของเขาด้อยกว่าหลีฮวง หากท่าไม้ตายอมตะดาบภูตมังกรหมื่นตัวตนล้มเหลว เขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง โชคดีที่ดาบภูตมังกรก่อนหน้านี้ถูกส่งออกไปไม่ไกลนักทําให้เขาไม่พบกับฟันเฟืองของความล้มเหลว

“ข้าควรทําอย่างไร?” ฟางหยวนรู้สึกกังวล

ปิงชายฉวนส่งข่าวมาหาฟางหยวน เขาบอกว่าการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งไม้ ข้าไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางสายนี้และไม่สามารถถอดรหัสมันได้ในระยะเวลาอันสั้น

“ดูเหมือนข้าต้องต่อสู้กับมันโดยตรงเท่านั้น ข้าต้องส่งกลุ่มของไปหนิงปิงออกไป!”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

ไปหนิงปิงและคนอื่นๆถูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมส่งออกไปแต่มันก็สูญเสียผลไม้ไปเช่นกัน

“ฟางหยวนพบวิธีรับมือที่ดีที่สุดรวดเร็วจริงๆ” ดวงตาของเฉินอี้เต็มไปด้วยเลือด เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

ผู้อมตะระดับเจ็ดจํานวนมากถูกเคลื่อนย้ายสถานที่ขณะที่ผลไม้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมก็เลือนหายไปตามสายลม

เฉินอี้ก้มศีรษะลง ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

“เจ้ากล้าขวางทางข้า ตายซะ!” ฟางหยวนพุ่งเข้าไปอย่างดุเดือด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท