เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1742 จํานนต่อโชคชะตา

บทที่ 1742 จํานนต่อโชคชะตา

บทที่ 1742 จํานนต่อโชคชะตา

ในหอคอยดวงตาสวรรค์

ราชันมังกรลูบไล้วิญญาณชะตากรรมด้วยน้ําตาที่ไหลลงมาจากใบหน้าอย่างเงียบๆ

ตอนนี้บาดแผลบนร่างของวิญญาณชะตากรรมหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันนอนอยู่อย่างเงียบๆ ด้วยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่

ชีวิตและความตายถูกกําหนดโดยชะตากรรม

สรรพสิ่งในโลกจะดําเนินไปตามวิถีของมันและไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

นี่คือชะตากรรม

วิญญาณชะตากรรมเป็นตัวแทนหลายสิ่งหลายอย่างของวังสวรรค์

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม เทพอมตะแรกกําเนิดสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนนำ เผ่ามนุษย์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด และก่อตั้งวงสวรรค์

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม เทพอมตะกลุ่มดาวสามารถรับมือเทพปีศาจสามคนที่บุกวังสวรรค์

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม เทพอมตะบัวสวรรค์สามารถนําวงสวรรค์ครอบครองบัลลังก์กองกําลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้

วิญญาณชะตากรรมคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของสมาชิกวังสวรรค์ทั้งหมด

“หลายปีมาแล้ว นานมากจริงๆ…” ราชันมังกรพึมพํา

ความปั่นป่วนในหัวใจของเขาค่อยๆสงบลง

ตอนนี้เขารู้สึกราวกับสามารถปลดภาระลงจากบ่า

การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมมีความหมายสําหรับราชันมังกรมากกว่าสมาชิกวังสวร รค์คนอื่นๆ เพราะเขาเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทําให้วิญญาณชะตากรรมได้รับบาดเจ็บ

หลายปีที่ผ่านมาราชันมังกรโทษตัวเองมาตลอด เพื่อฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมและลบความผิดบาปในใจของตน เขาไม่ลังเลที่จะสละชีวิตด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์

แม้เขาจะจําศีล เขาก็ยังไม่รู้สึกสบายใจ

“ข้าจะสามารถกู้คืนวิญญาณชะตากรรมได้หรือไม่?

“ข้าต้องทําให้สําเร็จ!”

“มิฉะนั้นข้าจะเผชิญหน้ากับราชันอีกสองคนได้อย่างไร? ข้าจะเผชิญหน้ากับสามัญชนได้อย่างไร? ข้าจะเผชิญหน้ากับสมาชิกวงสวรรค์รุ่นหลังได้อย่างไร? ข้าจะเผชิญหน้ากับมนุษยชาติทั้งหมดได้อย่างไร?

นี่คือความคิดของราชันมังกร

และตอนนี้เขาทําสําเร็จแล้ว

“ไม่ใช่ข้าเพียงผู้เดียวแต่มันเป็นความสําเร็จของทุกคน! การเสียสละทั้งหมดของพวกเราคุ้มค่า!” ราชันมังกรเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้ตาย

แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขายังสามารถผ่อนคลาย

เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อย

ภาระและความยากลําบากตลอดหลายปีที่ผ่านมาทําให้เขารู้สึกเหนื่อยมาก

“ข้าอยากพักผ่อนเหลือเกิน” ดวงตาของราชันมังกรเผยอารมณ์ที่ซับซ้อน

เขามองวิญญาณชะตากรรมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะค่อยๆหันหลังกลับ

สายตาของเขากวาดผ่านสนามรบ

แม้การต่อสู้จะยังดําเนินอยู่แต่แท่นบูชาแห่งโชคถอยห่างออกไปแล้ว

“ถึงเวลายุติทุกสิ่ง” ราชันมังกรสูดหายใจลึกและตะโกนเสียงดัง “ถ้ําสวรรค์นิรันดร อย่าคิดว่าจะสามารถจากไป ฮ่าฮ่าฮ่า”

ราชันมังกรควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์บินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ภายใต้การจ้องมองของกลุ่มผู้อมตะทั้งหมด หอคอยดวงตาสวรรค์ส่องประกายระยิบระยับราวกับเทพเจ้าที่ก้าวเข้าสู่สนามรบ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า หอคอยดวงตาสวรรค์!

“นี่คือหอคอยดวงตาสวรรค์ที่แท้จริง!”

“นานมากแล้ว ในที่สุดมันก็กลับมา…”

“ข้าช่างโชคดีนักที่ได้เห็นฉากนี้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสมาชิกวงสวรรค์

“ถอย!” เสียงของปิงชายฉวนดังขึ้น

พวกเขาต้องล่าถอย

“ไร้สาระ!” ราชันมังกรกล่าวเบาๆ

หอคอยดวงตาสวรรค์ระเบิดแสงสว่างออกมา

ท่าไม้ตายอมตะจํานนต่อโชคชะตา!

แสงสีขาวกลืนกินทุกสิ่ง

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าที่แท้จริง!

การโจมตีของวิญญาณชะตากรรมไม่สามารถหลบเลี่ยง

หากโชคชะตาต้องการให้ผู้ใดพ่ายแพ้ พวกเขาจะพบกับความสูญเสียไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

เมื่อแสงสีขาวจางหาย ร่างของผู้อมตะภาคเหนือที่ถูกอัญเชิญมาจากอดีตก็สลายไป

สายธารแห่งกาลเวลาค่อยๆเลือนหายไปเช่นกัน

แท่นบูชาแห่งโชคอยู่ในสภาพพังยับเยิน มันเหมือนกระท่อมไม้ที่ถูกโจมตีโดยพายุใหญ่

ภายในแท่นบูชาแห่งโชค ชิงช่ายฉวน ปีศาจกระทิง และปรมาจารย์ห้าธาตุกระอักเลือดคําโตออกมา

“ไป!” ปิงช่ายฉวนควบคุมแท่นบูชาแห่งโชคที่เหลืออยู่

แสงสีทองส่องประกายขึ้นกลางอากาศ นี่คือแผนสํารองที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยเทพอมตะตะวันเดือด

แท่นบูชาแห่งโชคบินเข้าไปหาแสงสีทอง

“ต้องการหลบหนึ่งั้นหรือ?”

“พวกเจ้าจะไปที่ใด?”

ผู้อมตะวังสวรรค์ต้องการไล่ล่า

“ไปเร็ว!” เหมาหลี่ชิวปิดกั้นกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

“ทุกคน ถอยออกมา” ราชันมังกรออกคําสั่ง

ผู้อมตะวังสวรรค์รู้สึกประหลาดใจ

ราชันมังกรถอนหายใจ “รักษารากฐานของวังสวรรค์”

กลุ่มผู้อมตะเงียบ

วังสวรรค์ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการต่อสู้ครั้งนี้

ผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากเสียสละตนเองเพื่อปกป้องวังสวรรค์จากการบุกโจมตีของถ้ําสวรรค์นิรันดร

แม้พวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดจําศีลอยู่ในสุสานอมตะจํานวนนับไม่ถ้วน แต่ผู้อมตะระดับแปดที่สามารถใช้งานมีไม่เพียงพอ

ราชันมังกรยังจําคํากล่าวของเทพอมตะกลุ่มดาวได้ดี นางสั่งให้เขาเก็บผู้อมตะระดับแปดเอาไว้ในสุสานอมตะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเหตุผลลึกซึ้งอยู่เบื้องหลังคําสั่งนี้ แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้มีผู้อมตะระดับแปดที่ตื่นขึ้นจากสุสานอมตะมากเกินไปและหลายคนยังถูกสังเวย

แม้วิญญาณชะตากรรมจะได้รับการกู้คืน แต่ราชันมังกรยังรู้สึกไม่สบายใจ

“วิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าสามารถใช้หอคอยดวงตาสวรรค์กําจัดศัตรู ทุกท่าน โปรดกลับไปจําศีลที่สุสานอมตะ ข้าจะเรียกพวกท่านหากมีเหตุจําเป็น” ราชันมังกรกล่าว

“เป็นเช่นนั้น”

“มีวิญญาณชะตากรรมและราชันมังกรอยู่ที่นี่ ผู้ใดจะสามารถหยุดพวกเรา?”

“พวกเรากลับไปจําศีลกันเถอะ”

ผู้อมตะส่วนใหญ่กลับไปที่สุสานอมตะ ผู้อมตะบางคนที่กําลังจะสิ้นอายุขัยเช่นเดียวกับราชันมังกรยังรั้งอยู่ต่อเพราะการจําศีลไม่มีประโยชน์สําหรับพวกเขาอีกต่อไป

ราชันมังกรนํากลุ่มเล็กๆไล่ล่าแท่นบูชาแห่งโชค

ความเร็วของแท่นบูชาแห่งโชคไม่สามารถแข่งขันกับหอคอยดวงตาสวรรค์ นอกจากนั้นพวกเขายังอยู่ในภาคกลาง

ราชันมังกรต้องการจับเป็นคนเหล่านี้เพื่อแสดงพลังอํานาจของวังสวรรค์

“กระไรนะ!? ถ้ําสวรรค์นิรันดรถอยกลับด้วยความพ่ายแพ้ วังสวรรค์ได้รับวิญญาณชะตากรรมที่สมบูรณ์งั้นหรือ?”

“เห้อ…การต่อสู้ครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ของพวกเรา ถอยกันเถอะ”

“หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน!”

“ไม่ว่าจะเป็นราชันมังกรหรือหอคอยดวงตาสวรรค์ เราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา!”

หลังจากได้รับข่าวนี้ สถาการณ์ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้อมตะภาคใต้และภาคเหนือต้องการล่าถอย กระทั่งฟางหยวนก็เช่นกัน

เขารู้สึกหดหูมากแต่เขาไม่สามารถทําสิ่งใด

ทันใดนั้นแท่นบูชาแห่งโชคพลันปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน นอกจากนี้ยังมีหอคอยดวงตาสวรรค์ที่ไล่ล่ามาจากด้านหลัง

ด้วยเหตุผลบางประการ เทพอมตะตะวันเดือดสร้างเส้นทางหลบหนีมายังภูเขาขนดก

ทุกคนมาพบกัน ณ สถานที่แห่งนี้

“ดี เช่นนั้นข้าก็จะนําพวกเจ้าไปทั้งหมด!” ราชันมังกรหัวเราะเสียงดัง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท