เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1727 สังหารฟางหยวนเพื่อช่วยโลก

บทที่ 1727 สังหารฟางหยวนเพื่อช่วยโลก

บทที่ 1727 สังหารฟางหยวนเพื่อช่วยโลก

ความสําเร็จของฟางหยวนเกิดจากการทํางานหนักของเขาและความช่วยเหลือจากคนรุ่นก่อน

แต่วังสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของฟางหยวน และผู้อมตะจากภูมิภาคอื่น นี่คือรากฐานและความแข็งแกร่งของพวกเขา

“ไม่มีทางเลือก ข้าต้องถอยเท่านั้น” ฟางหยวนคิด

เขาไม่มีความคิดที่จะทําลายเมืองจักรพรรดิอีกต่อไป

มันไม่มีประโยชน์ที่จะทําลายเมืองจักรพรรดิ

แต่ในจังหวะนี้แผ่นดินกลับแยกออกและกลืนกินภูเขาทั้งหมดเข้าไปด้วยความเร็วสูง

ด้วยความบังเอิญ เมืองจักรพรรดิอยู่ในเส้นทางของรอยแยกดังกล่าว

“โอ้ ไม่!”

“ปกป้องเมืองจักรพรรดิ!”

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน

ผู้อมตะภาคกลางพยายามปกป้องเมืองจักรพรรดิ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านพลังอํานาจอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์พิภพ

ทุกคนทําได้เพียงเฝ้ามองรอยแยกกลืนกินเมืองจักรพรรดิเข้าไปเท่านั้น

เมืองจักรพรรดิจมลงสู่ร่องลึกใต้พิภพและสลายตัวอย่างต่อเนื่อง

ในเมืองแห่งนี้มีประชากรนับล้านคน มีผู้ใช้วิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วน พวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อต่อต้านฟางหยวน มีคนโชคดีจํานวนมากมารวมตัวกันที่นี่

เย่ฟานและหงอี้เป็นส่วนหนึ่งของคนกลุ่มนี้

“ช่วยพวกเขา!” หลี่ฮวงตะโกน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา!” ฟางหยวนโจมตี

ตอนนี้เขาอยู่ในร่างราชันภูต เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณได้อย่างง่ายดาย

ฟางหยวนเห็นหงอี้กับเยู่ฟานที่มีโชคเชื่อมต่อกับเขาและรู้สึกไม่แปลกใจที่โชคของเขาถูกระงับมาตลอด

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป!

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีวอกแรกกําเนิด และใช้อีกสองท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

“บัดซบ!” หลี่ฮวงไม่สามารถหยุดฟางหยวน เขาตะโกนด้วยความโกรธและทําได้เพียงเฝ้ามอง ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนตกตายเท่านั้น

ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้มีชนชั้นสูงที่เข้าร่วมในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรวมอยู่ด้วย

หงอี้และเยฟานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“ฟางหยวน เจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เจ้ากลับสังหารมนุษย์ เจ้าช่างชั่วร้ายนัก เจ้าสมควรตาย เจ้าต้องตาย!” ดวงตาของชิงเต่กลายเป็นแดง… เขาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความโกรธ

การโจมตีของฟางหยวนทําให้ภาคกลางพบความสูญเสียครั้งใหญ่

เมืองจักรพรรดิเป็นสถานที่สําคัญของภาคกลาง มันมีการจัดเตรียมบนเส้นทางมนุษย์ที่สามารถสนับสนุนผู้อมตะของภาคกลางทั้งหมด

ภาคกลางใช้ระบบนิกาย เมืองจักรพรรดิเป็นสถานที่ผลิตอัจฉริยะที่มีโชคมากมาย หากผู้คนเหล่านี้สามารถเติบโต มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะในอนาคต

ในสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะจํานวนมากจะตกตาย ผู้คนเหล่านี้เป็นเมล็ดพันธุ์อมตะและเป็นกําลังรบของภาคกลาง

การสูญเสียนี้ทําให้หลี่ฮวงและชิงเยโกรธมาก พวกเขาต้องการฉีกร่างของฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ

ด้านฟางหยวน เขารู้สึกโล่งใจ หลังจากกําจัดผู้คนเหล่านั้น เขาจะมีความได้เปรียบด้านโชคมากขึ้น

ฟางหยวนกวาดตามองซากเมืองจักรพรรดิก่อนจะล่าถอย

หลี่ฮวงและชิงเย่ไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ

“ปีศาจ!”

“เขาฆ่าทุกคนในเมือง ครอบครัวของข้าอยู่ที่นั่น!”

“ฆ่าเขา กําจัดภัยพิบัติของโลกใบนี้!

ผู้อมตะภาคกลางเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ฟางหยวนหัวเราะ “ผู้ใดจะสามารถหยุดข้า?”

แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดทําได้

ฟางหยวนไม่สามารถทําสิ่งใดกับผู้อมตะภาคกลางและคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจับตัวฟางหยวนเช่นกัน

เว้นเพียงพวกเขาจะมีค่ายกลวิญญาณอมตะหรือเขตแดนอมตะ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาไม่สามารถจัดตั้งพวกมัน

นอกจากนั้นแม้พวกเขาจะสามารถขังฟางหยวนไว้ในค่ายกลวิญญาณอมตะหรือเขตแดนอมตะ ฟางหยวนก็ยังมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลัง เขาจะสามารถหลบหนีออกไปได้ในที่สุด

การเสียชีวิตของโจวซ่งซินเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด

“บึม!”

ด้วยการโจมตีที่รุนแรงของฟางหยวน คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งของภาคกลางเกือบพังทลายลง

ฟางเจิ้งอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของเขา ด้วยความหวาดกลัว เขารีบซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณอมตะขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นๆเคลื่อนที่เข้ามาสนับสนุน

ฟางหยวนไม่รู้ว่าฟางเจิ้งอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่า เขาจะได้รับประโยชน์มากหากเขาสามารถทําลายมัน

การดํารงอยู่ของฟางเจิ้งเป็นภัยคุกคามของเขา

“ฟางหยวน ฟางหยวน!” แต่ในจังหวะนี้ปิงช่ายฉวนกลับติดต่อเขาอีกครั้ง

“บิงชายฉวน เจ้ายังกล้าติดต่อข้าอีกงั้นหรือ? ความล้มเหลวทั้งหมดในวันนี้เป็นเพราะเจ้า!” ฟางหยวนโกรธมาก

แม้วังสวรรค์จะมีรากฐานที่ลึกล้ําแต่พวกเขาก็ยังเสียเปรียบการร่วมมือกันของสี่ภูมิภาค

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่งทําให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่อีกสี่ภูมิภาคไม่สามารถทํางานร่วมกัน

ในความเป็นจริงกองกําลังของทั้งสี่ภูมิภาคยังเก็บรักษาความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของพวกเขาเอาไว้ ตัวอย่างเช่นทะเลทรายตะวันตกที่ไม่ได้นําผู้อมตะระดับแปดและคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลต่างๆไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขายังอยู่ที่ทะเลทรายตะวันตก

ปิงชายฉวนถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เราพบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เรายังมีโอกาส นั่นคือแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ!”

วังสวรรค์จัดการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมขึ้นมาเพราะพวกเขาต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ความสําเร็จ

ตอนนี้การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมยังไม่ประสบความสําเร็จ มันยังขาดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสําเร็จ

แม้การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะจบลงแล้ว แต่มันยังต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติจะผลิตร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสําเร็จขึ้นมาและถูกส่งไปยังวังสวรรค์

แม้ค่ายกลวิญญาณอมตะจะสามารถหยุดการโจมตีของกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ แต่มันยังมีปั ญหาในการขนส่งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ความสําเร็จ

หลังจากได้ยินคําอธิบายของปิงช่ายฉวน ฟางหยวนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น “ดูเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติจะเป็นความหวังสุดท้ายของเรา”

ฟางหยวนเร่งเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติโดยไม่ลังเล

สมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

วายุไร้ขอบเขตพยายามทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์ ขณะเดียวกันค่ายกลวิญญาณอมตะก็พยายามต่อต้านอย่างสุดกําลัง

วูหยงและคนอื่นๆแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

จื่อชิวหยูกล่าวเสียงต่ํา “ไม่น่าเชื่อ พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน วิธีบนเส้นทางมนุษย์ของภาคกลางช่างอัศจรรย์นัก!”

วูหยงเสียสละร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เพื่อปลดปล่อยวายุไร้ขอบเขต แม้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กําไรของพวกเขายังน้อยกว่าก่อนหน้า

“ดูเหมือนเราต้องโจมตีจากภายนอกและภายในพร้อมกัน” อี้ห่าวฟางกล่าว

ปาซื่อปาคิดก่อนกล่าว “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้เราลอบโจมตีโดยไม่ให้เวลาพวกเขาเตรียมตัว แต่ตอนนี้เราต้องระวังกําลังเสริมจากวังสวรรค์ เราต้องการความช่วยเหลือจากคนนอก”

ทุกคนเห็นด้วยกับคํากล่าวของปาซื่อปา

แม้วายุไร้ขอบเขตจะทรงพลัง แต่มันก็เป็นเพียงท่าไม้ตาย เมื่อมันถูกใช้งานไปแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถตอบโต้มันได้ในที่สุด

วูหยงรู้สึกหนักใจ

การลอบโจมตีล้มเหลว เขาไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว

วูหยงตระหนักว่ายิ่งสถานการณ์นี้ดําเนินต่อไปนานเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากเท่านั้น พวกเขาต้องแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปข้างในขณะที่อีกกลุ่มอยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาทําเช่นนั้น เมื่อกําลังเสริมของวังสวรรค์มาถึง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากขึ้นเช่นกัน

วูหยงถอนหายใจ แม้การแยกกลุ่มจะนําไปสู่ปัญหา แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก

“แม้ข้าจะเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ แต่ข้าก็ไม่สามารถระดมคนมามากกว่านี้ ผู้อมตะระดับแปดสามคนคือขีดจํากัด” วูหยงสูดหายใจลึกและเริ่มเตรียมการ

จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาต้องเข้าไปภายใน วูหยงมีพลังการต่อสู้สูงที่สุด เขาต้องเข้าไปปกป้องจื่อชิวหยูและต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ภายใน

ในเวลาเดียวกันกําลังเสริมของวังสวรรค์อาจแข็งแกร่งมาก มันจะปลอดภัยกว่าหากทิ้งปาซื่อปาและอี้ห่าวฟางที่เป็นผู้อมตะระดับแปดไว้ด้านนอก

ขณะที่กลุ่มผู้อมตะภาคใต้กําลังพูดคุยเกี่ยวกับแผนการของพวกเขา การแสดงออกของวูหยงพลันเปลี่ยนแปลงไป เขามองไปทางทิศเหนือและกล่าวเบาๆ “บางคนกําลังมา”

กองกําลังที่นําโดยสามผู้อมตะระดับแปดเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

ผู้อมตะระดับแปดคนแรกคือชายชราถือไม้เท้าที่ดูใจดี เขาเป็นอดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่าเหยาและเป็นราชันใต้คนปัจจุบันของถ้ําสวรรค์นิรันดร เหยากวง!

ผู้อมตะระดับแปดคนที่สองอยู่ในชุดคลุมขาว ร่างกายสูงใหญ่ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู!

ผู้อมตะระดับแปดคนที่สามสวมมงกุฎทรงสูงและสวมชุดคลุมสีทอง เขาก็คือองค์ชายฟังเซียน!

กลุ่มผู้อมตะที่ติดตามมาด้านหลังพวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูงของภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะชูตู๋ เหนียงเอ๋อเฉียน หยวนหรางซุน เหนียงเอ๋อฝู และคนอื่นๆ

“สหายจากภาคเหนือ พวกเจ้าต้องการสิ่งใด?” วูหยงถามเสียงดัง

เหยากวงหัวเราะก่อนกล่าว “ศัตรูอยู่เบื้องหน้า พวกเราจะร่วมมือกับพวกเจ้าโจมตีวังสวรรค์!”

วูหยงหัวเราะเสียงดัง กําลังเสริมของวังสวรรค์ยังไม่มา แต่เขากลับได้พันธมิตรใหม่มาแทน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท