เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1763 การไล่ล่าขององค์ชายฟงเซี่ยน

บทที่ 1763 การไล่ล่าขององค์ชายฟงเซี่ยน

บทที่ 1763 การไล่ล่าขององค์ชายฟงเซี่ยน

วังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมีความคืบหน้าในการอนุมานและเกือบจะประสบความสําเร็จ แต่ในช่วงเวลาสำคัญ นางกลับพบสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่

นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงธรรมดา มันเหมือนกับนางกําลังจะผลักประตูไม้เข้าไปแต่ประตูไม้ กลับกลายเป็นประตูเหล็กอย่างกะทันหัน

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ก่อนหน้านี้ฟางหยวนพยายามหยุดข้า วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาด้อยกว่าข้า เขาไม่ประสบความสําเร็จ”

“แต่ตอนนี้เขากลับทําสําเร็จอย่างกะทันหัน เดี๋ยว! ข้าเข้าใจแล้ว เขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา!”

เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับคําตอบในที่สุด

ก่อนหน้านี้นางประสบปัญหาอย่างมากในการอนุมานตําแหน่งของฟางหยวน หลังจากฟางหยวนคิดค้นท่าไม้ตายอมตะราชันภูต นางยิ่งไม่มีความหวัง

ตราบเท่าที่ฟางหยวนกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมิติช่องว่างจักรพรรดิ

หากเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการอนุมานตําแหน่งที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันหมายความว่านางต้องอนุมานตําแหน่งของฟางหยวน

ด้วยเหตุนี้การอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ยจึงถูกหยุดโดยท่าไม้ตายอมตะราชันภูตของฟางหยวน

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตพึ่งพาท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันเป็นอุปสรรคที่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถก้าวข้าม

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยสั่นไหวแต่นางยังไม่หยุด นางพยายามใช้ทุกวิธีเพื่อยืนยันการคาดเดาของนาง

หลังจากตรวจสอบหลายครั้ง นางสามารถยืนยันการคาดเดานี้ “มันเหมือนกับเวลาที่ข้าพยายามอนุมานตําแหน่งของฟางหยวน ดูเหมือนฟางหยวนจะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้าไปจริงๆ!”

“การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต้องมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับปรมาจารย์ ฟางหยวนมีความสําเร็จระดับนี้งั้นหรือ?”

เทพธิดาจื่อเว่ยพบว่านางประเมินฟางหยวนต่ําเกินไป

ใบหน้าของนางกลายเป็นมืดครึ้ม

“มิติช่องว่างสามารถกลืนกินมิติช่องว่างที่เล็กกว่าเท่านั้น มิติช่องว่างของฟางหยวนสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างไร?”

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่รู้ความลับของมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่นางลอบตกใจกับรากฐานของฟางหยวน

“บัดซบ! ฟางหยวนได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา รากฐานของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้อมตะ เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านั้นทําสิ่งใดอยู่? พวกเขาปล่อยให้ฟางหยวนกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจริงๆงั้นหรือ? พวกโง่!”

เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันแน่น

“เดี๋ยว! นี่อาจเป็นแผนการของฟางหยวน!”

“เขาใช้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต่อต้านวังสวรรค์ของข้า ในเวลาเดียวกันเขายังใช้วังสวรรค์เพื่อทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อ่อนแอลง”

“หลังการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต้องประสบความสูญเสียอย่างหนัก นั่นคือวิธีที่ฟางหยวนสามารถใช้ความแข็งแกร่งกําหราบพวกเขา”

“เขาอาจใช้ภัยคุกคามจากข้าเพื่อหลอกล่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้เห็นด้วยกับแผนการของเขา!”

ความเจ้าเล่ห์และไหวพริบของฟางหยวนทําให้เทพธิดา

ระทับใจไม่น้อย

แต่นั่นก็ทําให้นางยิ่งไม่มีความสุข

นางรู้สึกว่าการโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของนางเป็นเพียงการช่วยเหลือและสร้างประโยชน์ให้กับฟางหยวน

“ฟางหยวน ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าประสบความสําเร็จ องค์ชายฟงเซี่ยน!” เทพธิดาจื่อเว่ยติดต่อองค์ชายฟงเซี่ยนทันที

องค์ชายฟงเซี่ยนรอรับคําสั่งอยู่แล้ว แผนเดิมของเขาคือร่วมมือกับผู้อมตะของวังสวรรค์บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หากผู้อมตะภาคเหนือสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาจะปรากฏตัวขึ้นและกีดขวางคนเหล่านั้น

“องค์ชายฟงเซี่ยน ฟางหยวนอาจปรากฏตัวขึ้นแล้ว ตรวจสอบและพยายามขัดขวาง เขา” เทพธิดาจื่อเว่ยออกคําสั่ง

“ทราบแล้ว” องค์ชายฟงเซี่ยนกล่าวก่อนที่เขาจะเปลี่ยนน้ําเสียง “เดี๋ยว! ข้าพบเขาแล้ว!”

“เจ้าอยู่คนเดียว ระวังด้วย!” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งกล่าว “ฟางหยวนเจ้าเล่ห์มาก เขาอาจได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าจะส่งผู้อมตะของวังสวรรค์ไปที่นั่นเพื่อช่วยเจ้าอย่างรวดเร็วที่สุด แต่ในช่วงเวลาสั้นๆนี้เจ้าจะไม่มีกําลังเสริม”

องค์ชายฟงเซี่ยนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “เข้าใจแล้ว”

เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาต้องระวังผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?

แต่เขาไม่รู้สึกว่ามันไร้สาระ

ไม่เพียงองค์ชายฟงเซี่ยนหรือเทพธิดาจื่อเว่ย แต่ผู้อมตะของวังสวรรค์ทั้งหมดต่างรู้สึกเหมือนกัน

การดูแคลนศัตรูก่อนหน้านี้ทําให้พวกเขากลายเป็นตัวโง่เขลา

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเฉินอี้ถูกสังหาร ปีศาจฟางหยวนไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสํานึก

คนอื่นอาจถูกดูแคลน แต่การดูแคลนฟางหยวนถือเป็นเรื่องโง่เขลา

“เขาอยู่ที่นี่จริงๆ” ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและตระหนักว่าองค์ชายฟงเซี่ยนกําลังไล่ล่าเขามาจากด้านหลัง

ความโกลาหลของการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ใช่เล็กน้อย ร่างหลักของฟางหยวนถูกเปิดเผย

องค์ชายฟงเซี่ยนที่อยู่ไม่ไกลตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนไม่ต้องการต่อสู้กับองค์ชายฟงเซี่ยน การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทําให้เขาสูญเสียพลังงานอมตะไปเป็นจํานวนมาก เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด

ในเวลาเดียวกันเขายังต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตเพื่อต่อต้านการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย

“ฟางหยวน เจ้าจะหนีไปที่ใด?”

“หากเป็นบุรุษก็อย่าหนี มาต่อสู้กับข้าสามร้อยรอบ!”

“คนขี้ขลาด เจ้ารู้จักเพียงการหลบหนีงั้นหรือ?”

องค์ชายฟงเซี่ยนยั่วยุต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้น

ขาไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่เขายังสามารถต่อสู้กับองค์ชายฟงเซี่ยนได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่จําเป็นต้องล่าถอย

แต่ประเด็นคือสิ่งใด?

การต่อสู้กับองค์ชายฟงเซี่ยนจะทําให้เกิดปัญหาตามมา

หากฟางหยวนใช้วิธีที่รุนแรง เขาจะเปิดเผยข้อมูลล้ําค่า เขาจะสูญเสียพลังงานอมตะไปอย่างไร้ประโยชน์ หากกําลังเสริมของวังสวรรค์มาถึงสถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย

กษัตริย์ไม่ส่งทหารออกไปตายเพราะความโกรธ!

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ หากผู้ใดไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่เพียงใด พวกเขาก็เป็นได้เพียงตัวตลก

“ข้ามาถึงที่นี่แล้ว” ฟางหยวนเห็นหุบเขาอยู่ข้างหน้าพร้อมกับทะเลสาบที่เย็นยะเยือก

องค์ชายฟงเซี่ยนไล่ล่าและโจมตีฟางหยวนจากด้านหลังตลอดเวลา

เมื่อพวกเขามาถึงทะเลสาบเยือกแข็งและสร้างความปั่นปวนขึ้น มังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดจึงปรากฏตัวขึ้น มันมีเขาอยู่บนศีรษะ ลําตัวยาวกว่าร้อยเมตรและมีเกล็ดหลายชั้นอยู่บนร่างกาย

มังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดคํารามเพื่อเตือนฟางหยวนและองค์ชายฟงเซี่ยนไม่ให้เข้าไปในอาณาเขตของมัน

แต่มังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดคือเป้าหมายของฟางหยวน

หลังจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกเป็นทาสของฟางหยวน เขาได้รับข้อมูลมากมาย รวมถึงทะเลสาบเยือกแข็งและการคงอยู่ของมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิด

คําเตือนของมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดไร้ประโยชน์ ฟางหยวนและองค์ชายฟงเซี่ยนยังพุ่งเข้าไปหามัน

มันพ่นลมหายใจอันเย็นเยียบออกมาด้วยความโกรธ

ลมหายใจของมันราวกับคลื่นน้ําแข็งที่ส่องประกายระยิบระยับ

ฟางหยวนกระตุ้นใช้เกราะหวนคืนและเดินหน้าต่อไป

แม้สถานการณ์จะไม่ปกติแต่องค์ชายฟงเซี่ยนยังไม่หยุดไล่ล่าฟางหยวน

ลมหายใจเยือกแข็งขัดขวางท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบทั้งหมดขององค์ชายฟงเซี่ยน

เกราะหวนคืนทําให้ฟางหยวนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

ร่างขององค์ชายฟงเซี่ยนที่อาบไปด้วยเปลวเพลิงหยุดอยู่กลางอากาศด้วยความโกรธและวิตก

นั่นเป็นเพราะเขาสูญเสียร่องรอยของฟางหยวน

“ฟางหยวนมีใบหน้าที่คุ้นเคย เขาอาจปลอมตัวเป็นเศษน้ําแข็ง!”

องค์ชายฟงเซี่ยนรู้ข้อมูลสําคัญบางอย่าง ด้วยประสบการณ์มากมาย เขาตระหนักถึงสาเหตุที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการหายตัวไปของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันไม่ง่ายที่จะตามหาร่างหลักของฟางหยวน

โดยเฉพาะเมื่อมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดยังโจมตีเขาอย่างไม่หยุดยั้ง

“เดรัจฉาน!” องค์ชายฟงเซี่ยนคํารามด้วยความโกรธ

มังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดมีสติปัญญาจํากัด เมื่อฟางหยวนหายตัวไป มันคิดว่าเขาตายไปแล้ว และเหลือเพียงองค์ชายฟงเซี่ยนเท่านั้น

เปรียบเทียบกับฟางหยวนที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด องค์ชายฟงเซี่ยนในฐานะผู้อมตะระดับแปดเป็นภัยคุกคามของมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดมากกว่า

ในสายตาของมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิด ฟางหยวนไม่สําคัญ ภัยคุกคามที่แท้จริงของมันคือองค์ชายฟงเซี่ยน

“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”

องค์ชายฟงเซี่ยนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดอย่างดุเดือด

ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องตรจวสอบพื้นที่รอบๆเพื่อค้นหาฟางหยวน

ในไม่ช้าเขาก็พบเศษน้ําแข็งที่จมลงสู่ทะเลสาบ และกลายเป็นมังกรน้ําแข็งบรรพกาลว่ายลงไปใต้น้ํา

“ฟางหยวน อย่าคิดว่าสามารถหลบหนี!” องค์ชายฟงเซี่ยนหลบหนีจากมังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดและเร่งไล่ล่าฟางหยวนลงไปใต้น้ํา

ฟางหยวนดําดิ่งลงไปใต้ทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง

ในไม่ช้าเขาก็พบกับฝูงมังกรน้ําแข็ง พวกมันเป็นมังกรน้ําแข็งเดียวดายและมังกรน้ําแข็งบรรพกาล

นี่คือครอบครัวมังกรน้ําแข็งฝูงใหญ่!

มังกรน้ําแข็งเหล่านี้มองฟางหยวนด้วยความสงสัย แต่พวกมันไม่มีความคิดที่จะโจมตี

แต่การโจมตีขององค์ชายฟงเซี่ยนในทะเลสาบเยือกแข็ง เป็นปัญหาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

มังกรน้ําแข็งจํานวนนับไม่ถ้วนเริ่มโจมตีองค์ชายฟงเซี่ยน แต่พวกมันถูกเผาทําลายทั้งหมด

ฝูงมังกรน้ําแข็งตกสู่ความโกลาหล บางตัวยิ่งดุร้ายและรบกวนการไล่ล่าขององค์ชายฟงเซี่ยนมากขึ้น

ฟางหยวนมีความสุขมาก

“ฟางหยวน ออกมาหากมีความกล้า!” องค์ชายฟงเซี่ยนสูญเสียร่องรอยของฟางหยวนอีกครั้ง เขากรีดร้องด้วยความโกรธอยู่ในทะเลสาบเยือกแข็ง เสียงของเขาสร้างระลอกคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นทันที

มังกรน้ําแข็งแรกกําเนิดกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง ครอบครัวของมันถูกสังหารอย่างไร้ปรานี้โดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ เลือดย้อมสีทะเลสาบเยือกแข็งและทําให้ความโกรธของมันพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับใหม่

มันโจมตีองค์ชายฟงเซี่ยนด้วยความโกรธและเกลียดชังอย่างที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท