เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1768 ความโกรธและความขมขื่น

บทที่ 1768 ความโกรธและความขมขื่น

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1768 ความโกรธและความขมขื่น

แนวป้องกันของรอยแยกปล้นเงาถูกทําลาย

ในไม่ช้ากองกําลังใหญ่ของภาคใต้ก็ค้นพบความจริงข้อนี้

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตกสู่ความโกลาหล

อาณาจักรแห่งความฝันของรอยแยกปล้นเงาเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ใหญ่ที่สุดนอกเหนือจากอาณาจักรแห่งความฝันบนภูเขาอี้เทียน

“ค่ายกลวิญญาณอมตะที่รอยแยกปล้นเงาถูกทําลายอย่างรวดเร็ว คนร้ายคือผู้ใด?”

“ตามข้อมูล คนร้ายมาเพียงผู้เดียว เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด”

“ผู้อมตะระดับเจ็ดสามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะด้วยความเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“สถานการณ์ค่อนข้างแปลก เจ้าคิดว่าเขาคือฟางหยวนหรือไม่?”

“ไม่น่าจะเป็นไปได้ หากเป็นฟางหยวน เหตุใดเขาจึงปล่อยอาณาจักรแห่งความฝันไว้ที่นั่นโดยไม่แตะต้อง? เขามีวิธีทําให้พวกมันเปลี่ยนเป็นร่างกาย”

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่ได้ขโมยอาณาจักรแห่งความฝันของรอยแยกปล้นเงา

สิ่งนี้ทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่สามารถเชื่อมโยงฟางหยวนและทําได้เพียงคาดเดาแบบสุ่มเท่านั้น

ท่ามกลางกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ บุคคลที่ไม่พอใจที่สุดคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยู

ค่ายกลวิญญาณอมตะที่รอยแยกปล้นเงามีประตูลับที่จื่อชิวหยูทิ้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อาณาจักรแห่งความฝันถูกขโมย

เมื่อฟางหยวนโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะ จื่อชิวหยูค้นพบอย่างรวดเร็ว แต่เขายังลังเลที่จะใช้ประตูลับ หากเขาเปิดเผยมันออกมา ชื่อเสียงของเขาจะถูกทําลาย

เมื่อถึงเวลาที่เขารู้สึกผิดปกติและต้องการใช้ประตูลับ ฟางหยวนก็ทําลายมันไปแล้ว

จื่อชิวหยูรู้สึกหงุดหงิดมาก

ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากฟางหยวนเปิดเผยตัวตนและไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ จื่อชิวหยูตัดสินใจใช้ประตูลับส่งตนเองไปที่นั่น

แต่ในชีวิตนี้ฟางหยวนแข็งแกร่งกว่าช่วงเวลาเดียวกันในชีวิตก่อนหน้าเป็นอย่างมาก จื่อชิวหยูไม่มีเวลามากพอที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์

ความจริงก็คือเขามีโอกาสแต่เขาลังเล เขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน

เมื่อข่าวลือแพร่กระจายออกไป ความขุ่นเคืองของจื่อชิวหยูยิ่งพุ่งสูงขึ้น

ผู้คนกล่าวว่าค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลายง่ายเกินไปเพราะตระกูลจื่อมีคนทรยศ

เนื่องจากคนทรยศผู้นี้เปิดเผยความลับของค่ายกลวิญญาณอมตะ มันจึงถูกทําลายลงอย่างง่ายดาย

“นี่คือการใส่ร้าย ข่าวลือไม่มีมูล! ตระกูลจื่อของข้าจะทําการตรวจสอบอย่างถูกต้อง คนเหล่านี้จะต้องถูกตัดสิน!” จื่อชิวหยูตอบสนองอย่างรวดเร็วและประกาศทัศนคติของเขาออกไปทันที

แต่ข่าวลือแพร่สะพัดไปเร็วเกินไป บางข่าวค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่บางข่าวก็เป็นข่าวปลอมอย่างชัดเจน นั่นทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ค่อนข้างสงสัย

จื่อชิวหยู่โกรธมาก ข่าวลือกําลังโจมตีเขา ชื่อเสียงที่เขาสะสมมาอย่างยาวนานเริ่มพังทลาย

“ตระกูลจื่อของข้าจะเปิดเผยข้อมูลได้อย่างไร? ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ช่างชั่วร้ายนัก!” จื่อชิวหยูไม่สามารถอดทน

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจ หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะเสี่ยงใช้ประตูลับและส่งตัวเองเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ

“แม้ประตูลับจะถูกเปิดเผยและข้าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่อย่างน้อยข้าก็จะสามารถจับตัวคนร้าย!” จื่อชิวหยูมั่นใจในตัวเองมากเพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด

ในเวลาเดียวกันตระกูลหยางก็อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

“ตระกูลหยางของเราพบความสูญเสียครั้งใหญ่! หยางซานมู่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่โดดเด่น เขาแพ้เร็วเกินไป เห็นได้ชัดว่ามีคนปล่อยข้อมูลของเขา!”

ตระกูลหยางกล่าวโทษจื่อชิวหยูโดยตรง “เมื่อท่านจื่อชิวหยูกล่าวว่าตระกูลจื่อบริสุทธิ์ ท่านจะอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่รั่วไหลออกไปอย่างไร?”

จื่อซิวหยูรู้สึกหมดคําพูด เขากังวลเรื่องนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามเขายังต้องแสดงทัศนคติที่มั่นคง “ไม่จําเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ ข้อมูลของค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ได้ถูกเก็บไว้กับตระกูลจื่อของข้าเท่านั้น กองกําลังใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสามารถตกเป็นผู้ต้องสงสัย

“หากมีคนทรยศจริง ข้าจะดึงเส้นเอ็น ฉีกผิวหนัง และทุบกระดูกทุกส่วนในร่างกายของพวกมัน!” จื่อชิวหยูสาปแช่ง

เขารู้สึกเกลียดชังศัตรูลึกลับผู้นี้แต่เขารู้สึกขุ่นเคืองต่อคนทรยศตระกูลจื่อมากกว่า

สิ่งที่น่าหัวเราะที่สุดก็คือคนทรยศของตระกูลจื่อไม่ใช่ผู้ใดนอกจากตัวเขาเอง

แต่ไม่ว่าจื่อชิวหยูจะปกป้องตนเองอย่างไร ข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลจื่อก็ยังแพร่กระจายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

“พิจารณาจากสถานการณ์ นอกจากศัตรูที่บุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะที่รอยแยกปล้นเงา กองกําลังอื่นๆของภาคใต้ก็กําลังเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟเช่นกัน ตระกูลหยางต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

จื่อชิวหยูโกรธมาก แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปดและเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่เขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใดในสถานการณ์นี้

สําหรับฝ่ายธรรมะ ระดับการบ่มเพาะไม่ใช่ทุกสิ่ง

“ตอนนี้มีทางเดียวเท่านั้น ข้าต้องหาตัวกระตุ้น!”

“ถูกต้อง ตราบเท่าที่ข้าสามารถจับพวกเขาและเปิดเผยความจริง ข้าจะสามารถปิดปากทุกคน!”

จื่อชิวหยูอยากตะโกนเสียงดังว่า “คืนความบริสุทธ์ให้ข้า คืนชื่อเสียงให้ข้า!”

แต่หากเขาพบคนร้ายจริงๆ ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะกล่าวหรือคิดอย่างไร

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท