เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1774 แสงสีดําในดวงตา

บทที่ 1774 แสงสีดําในดวงตา

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1774 แสงสีดําในดวงตา

ภูเขานิรนาม ร่างหลักของฟางหยวนนั่งอยู่บนกิ่งสนบนหน้าผาน้ําตก

แรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางหยวนให้ความสําคัญกับมันมาก ร่างหลักและร่างแยกของเขาหยุดทําทุกสิ่งเพื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกัน

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

กองทัพภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งนับแสนยืนอยู่บนพื้นหญ้าราวกับรูปปั้น

ทั้งหมดมีใบหน้าคล้ายกับร่างหลักของฟางหยวน พวกมันยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบโดยมีระยะห่างระหว่างแต่ละคนเท่าๆกัน

นี่คือกองทัพภูตมนุษย์ที่ฟางหยวนสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเพื่อสร้างกองทัพภูตมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง

ฟางหยวนคิดก่อนจะสร้างกองทัพภูตมนุษย์ขึ้นมาเป็นครั้งที่สามด้วยท่าไม้ตายระดับมนุษย์

เนื่องจากพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยท่าไม้ตายระดับมนุษย์ พวกมันจึงอ่อนแอกว่า กองทัพภูตมนุษย์ก่อนหน้า

ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงต้องการตรวจสอบแหล่งที่มาและแก้ไขรากฐานของท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนอนุมานพร้อมกัน

ในไม่ช้าท่าไม้ตายก็ถูกแก้ไข ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนระดับมนุษย์เป็นครั้งที่สี่

เขาสร้างกองทัพภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง แตกต่างจากสามกลุ่มแรกแม้พวกมันจะยืนอยู่อย่างเงียบๆ แต่พวกมันก็มีการแสดงออกที่หลากหลาย

บางคนกําลังร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนขมวดคิ้ว บางคนยิ้ม บางคนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร บางคนไม่แสดงอารมณ์ บางคนปิดเปลือกตา บางคนสงบนิ่ง บางคนอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งรอบตัวบางคนถอนหายใจ บางคนคําราม และบางคนแสดงออกด้วยความเบื่อหน่าย

เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความคิดนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

หลังจากไม่นาน ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนก็เลิกสนใจกองทัพภูตเหล่านี้และใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาสรุปผล

กระบวนการนี้ใช้เวลาหกชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้น ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายหมื่นตัวตนระดับมนุษย์ที่ซับซ้อนขึ้นหลายเท่า

เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายใหม่

ครั้งนี้กองทัพภูตมนุษย์มีจํานวนน้อยกว่าเดิม แต่ทั้งหมดมีลักษณะเฉพาะตัว

ภูตมนุษย์บางคนกําลังวิ่ง บางคนกระโดด บางคนนั่ง บางคนเล่นไปรอบๆ บางคน โกรธ บางคนโจมตีคนอื่นๆ

ความโกลาหลท่ามกลางกองทัพภูตมนุษย์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากไม่นาน กองทัพภูตมนุษย์กลุ่มนี้ก็เข้าสู่การทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ แม้บางคนจะไม่ต้องการเข้าร่วมแต่พวกมันก็ไม่มีทางเลือก

ภูตมนุษย์เหล่านี้มีความแข็งแกร่งไม่เท่ากัน บางคนแข็งแกร่ง บางคนอ่อนแอ

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาพบว่าในการต่อสู้ที่วุ่นวาย ภูตมนุษย์ที่ได้รับชัยชนะจะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ผู้แพ้จะอ่อนแอลงหรือกระทั่งถูกทําลาย

จํานวนภูตมนุษย์ลดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมันเหลือภูตมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวยืนอยู่ในสนามรบ

ภูตมนุษย์ตนนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายสิบเท่าแต่มันยังอยู่ในระดับมนุษย์

รูปลักษณ์ของภูตมนุษย์ตนนี้เหมือนร่างหลักของฟางหยวนแต่มันเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง มันคํารามไปที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนด้วยเจตนาสังหาร อย่างไรก็ตามมันไม่กล้าโจมตี มันพุ่งเข้าหากองทัพภูตมนุษย์ดั่งเดิมที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ

โดยไม่ได้รับคําสั่งจากฟางหยวน กองทัพภูตมนุษย์เหล่านั้นก็ไม่เคลื่อนไหว พวกมันปล่อยให้ตมนุษย์ที่ดุร้ายโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากสังหารภูตมนุษย์ทั้งหมด ภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งทําลายขีดจํากัดระดับมนุษย์และกลายเป็นผู้อมตะระดับหก

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนต่างแสดงออกอย่างมีความสุข

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสะบัดมือส่งกองทัพภูตมนุษย์ออกไปปิดล้อมภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งอีกครั้ง

มันต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดมันก็ทะลวงเข้าสู่ระดับเจ็ด ร่างหลักของฟางหยวนต้องเคลื่อนไหวในที่สุด เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อสังหารภูตมนุษย์ระดับเจ็ดตนนี้ด้วยตนเอง

ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนครั้งที่สี่ของฟางหยวนสามารถสร้างภูตมนุษย์ที่มีความคิดและบุคลิกเป็นของตนเองกระทั่งร่างหลักของเขาก็ไม่สามารถควบคุม

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือพวกมันมีศักยภาพในการเติบโตที่น่าสะพรึงกลัว

ภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งเริ่มต้นจากระดับสี่ สุดท้ายมันก้าวไปถึงระดับเจ็ด

เนื่องจากมันเป็นเพียงภาพมายา มันจึงมีสติปัญญาที่จํากัดและไม่สามารถใช้วิญญาณ มันใช้เพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนหรือท่าไม้ตายหมื่นตัวตน พวกมันล้วนพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า มันมีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถแก้ไข

“เนื่องจากภูตมนุษย์เหล่านี้มีต้นกําเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน พวกมันจึงสามารถหลอมรวมกันและแข็งแกร่งขึ้นด้วยการกลืนกินกัน

“ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนครั้งสุดท้ายที่ข้าใช้งานไม่ได้เป็นเพียงการบรรจบกันของเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางความแข็งแกร่งอีกต่อไป แต่มันก้าวเข้าสู่เส้นทางมนุษย์

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอาบแสงแห่งปัญญาและวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อถึงจุดนี้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนกลายเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์ไปแล้ว วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนได้รับการยืนยันว่าเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนรู้สึกเสียใจที่เขาขาดวิธีการและรากฐานบนเส้นทางมนุษย์

แต่ความจริงก็คือเขาครอบครองมันมาตลอด เขาเพียงไม่มีเวลาที่จะพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น

ดังคํากล่าวที่ว่าเส้นผมบังภูเขา ในความเป็นจริงการสํารวจเส้นทางมนุษย์ของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ห้าร้อยปีในชีวิตแรก มันเป็นเพียงว่าเขาไม่ตระหนักถึงเท่านั้น

ชีวิตของคนผู้หนึ่งคือการสํารวจเส้นทางมนุษย์ของพวกเขาเอง”

“นอกจากวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ข้ายังมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์อีกหน งดวงนั่นคือวิญญาณอมตะความพยายาม

“เดี๋ยว! ไม่เพียงเท่านั้นแต่วิญญาณทารกอมตะที่ข้าขโมยมาก็เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์เช่นกัน!”

หากพิจารณาจากตํานานมนุษย์คนแรก บางที่วิญญาณแห่งความหวัง วิญญาณตัว ตน วิญญาณความเด็ดเดี่ยววิญญาณความหวาดกลัว และอื่นๆก็อาจเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์เช่นกัน

“ไม่แปลกใจเลยที่ตํานานมนุษย์คนแรกได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางมนุษย์มันมีความลึกซึ้งของเส้นทางมนุษย์ซ่อนอยู่ภายใน” ฟางหยวนถอนหายใจ

ฟางหยวนได้รับข้อสรุปนี้หลังจากมีชีวิตอยู่มาเกือบหกร้อยปี

แรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์ไม่ได้มาจากการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์แต่มันเป็นความก้าวหน้าเชิงคุณภาพของประสบการณ์ชีวิตที่เขาสะสมมาตลอด

นี่ทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของเขายกระดับขึ้น

มันคือความก้าวหน้าหลังจากฝึกฝนมาอย่างยาวนาน

ภาคกลาง วังสวรรค์

ในห้องโถงใหญ่

แสงสีม่วงค่อยๆเลือนหายไป

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วบาง “ปีศาจฟางหยวนกําลังวางแผนใดอยู่?”

หลังความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเผยข้อมูลของฟางหยวนออกไป แต่ฟางหยวนกลับไม่มีการตอบสนอง มันค่อนข้างแปลก

ตามตรรกะ ฟางหยวนควรเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดารารวมถึงความตายของเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเพื่อโจมตีชื่อเสียงของวังสวรรค์และทําให้อีกสี่ภูมิภาคตื่นตัวต่อภัยคุกคามของวังสวรรค์

แต่ฟางหยวนไม่ได้ทําเช่นนั้น

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด หลายวันที่ผ่านมานางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของฟางหยวนอย่างใกล้ชิด แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้น นางก็จะอนุมานอย่างเต็มที่

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้การเคลื่อนไหวที่ภาคใต้ของฟางหยวนแล้ว แต่เหตุใดฟางหยวนถึงเล็งเป้าไปที่ตระกูลจือ เขามีแรงจูงใจใด เขาเพียงต้องการปล้นสะดมทรัพยากรของตระกูลจืองั้นหรือ?

ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณอมตะของรอยแยกปล้นเงาถูกทําลาย ผู้อมตะลึกลับผู้นั้นคือฟางหยวนหรือไม่?

“บางทีเขาอาจต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะหลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและได้รับรากฐานที่ยิ่งใหญ่

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่แล้ว เขากําลังใช้ข้อได้เปรียบจากการกําเนิดใหม่เพื่อรับผลประโยชน์ทั้งหมด!”

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่แน่ใจ

หลังจากวิญญาณกาลเวลาถูกเปิดเผย ศัตรูทั้งหมดของฟางหยวนต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้

“หากฟางหยวนกําเนิดใหม่ วิญญาณกาลเวลาต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา”

“ในขณะเดียวกันฟางหยวนจะรู้แผนการที่ข้าเคยใช้ ดังนั้นข้าต้องเปลี่ยนกลยุทธ์”

ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญมาก

หากเขาทําเช่นนั้น เทพธิดาจื่อเว่ยต้องหยุดแผนการทั้งหมดของนางและเริ่มต้นจากศูนย์

อย่างไรก็ตามแม้นางจะใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบและไม่เปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนช่วยได้มากในเรื่องนี้

การเกิดใหม่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ฟางหยวนต้องคํานึงถึงผลกระทบหยดน้ําหมึกตลอดเวลา

“ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาทิ้งข้อมูลที่มีค่าไว้น้อยเกินไป!”

เทพธิดาจื่อเว่ยครุ่นคิดด้วยความโกรธ หลังจากนั้นนางก็เดินทางไปพบเทพปีศาจจิตวิญญาณค้นวิญญาณ!

ความทรงจําของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกดึงออกมา

“ความลับของการเลี้ยงปลามังกรทอง?” เทพธิดาจอเว่ยตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกผิดหวัง

หากเป็นก่อนหน้า เทพธิดาจื่อเว่ยจะมีความสุขมากที่สามารถทําลายธุรกิจของฟางหยวนแต่ตอนนี้เขาได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ธุรกิจทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกยึดครองโดยเขา

แผนการทําลายธุรกิจของเทพธิดาจอเว่ยไม่มีประโยชน์มากนัก

“ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถละทิ้งโอกาสที่จะปราบปรามฟางหยวน” เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันและตัดสินใจ

แต่นางไม่รู้ว่าขณะที่นางกําลังคิดเรื่องเหล่านี้ ดวงตาของนางกลับส่องแสงสีดําที่น่าขนลุกออกมาเล็กน้อย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท