เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1791 วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกฎ

บทที่ 1791 วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกฎ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1791 วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกฎ

วิญญาณอมตะลอยอยู่ด้านหน้าฟางหยวนและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา

นี่คือวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกฏ เพิ่มเติม!

มันอยู่ในรูปลักษณ์ของรังไหมสีดําและส่องประกายเงางามเหมือนโลหะ มันกินวารีไหมมุกเป็นอาหาร สิ่งนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด วิญญาณอมตะเพิ่มเติมจะนอนอยู่ในวารีไหมมุกเป็นเวลาแปดวันแปดคืน แต่หลังจากมันดูดซับวารีไหมมุกจนอิ่ม มันจะอยู่ได้อีกแปดสิบปี

เหลือเวลาอีกสามสิบหกปีก่อนจะถึงเวลาให้อาหารครั้งต่อไป ปาซื่อปามีวารีไหมมุกเพียงพอแล้ว ข้าสามารถทําธุรกรรมส่วนที่เหลือกับผู้อมตะของทะเลตะวันออก”

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

เขาได้รับวิญญาณอมตะและดวงวิญญาณของปาซื่อปามาแล้ว

มิติช่องว่างของปาซื่อปามีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่บรรจุแมงมุมน้ําบรรพกาลจํานวนมากเอาไว้ ท่ามกลางพวกมัน มีแมงมุมน้ําแรกกําเนิดสองตัว หนึ่งเพศผู้ หนึ่งเพศเมีย

วารีไหมมุกคือน้ําลายของแมงมุมน้ําแรกกําเนิด

หากบางคนต้องการรวบรวมวารีไหมมุก แมงมุมน้ําแรกกําเนิดจะกลืนกินมันกลับเข้าไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเอง

ปาซื่อปาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างทะเลสาบแห่งนี้ หลังจากทั้งหมดการให้อาหารวิญญาณอมตะเป็นเรื่องที่ยากลําบาก

เพื่อให้อาหารวิญญาณอมตะ ปาซื่อปาต้องสร้างแหล่งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งวารีขึ้นมาในมิติช่องว่างของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ

แต่สําหรับฟางหยวน มันไม่ใช่ปัญหา

ทะเลตะวันออกน้อยของเขากว้างใหญ่มาก หลังจากฝูงแมงมุมน้ําถูกย้ายเข้ามา พวกมันรู้สึกราวกับเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆไปยังเมืองหลวง

ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากกว่า แมงมุมน้ําจะสามารถขยายพันธุ์ได้ดีขึ้น

มิติช่องว่างจักรพรรดิทําให้ฟางหยวนสามารถบ่มเพาะได้หลายเส้นทาง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมากในการเลี้ยงดูวิญญาณอมตะ

วิญญาณอมตะของปาซื่อปาถูกพรากมาหมดแล้ว

เขามีวิญญาณอมตะระดับแปดเพียงดวงเดียว

นอกจากวิญญาณอมตะระดับแปด ปาซื่อปายังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและระดับหกอีกหลายดวง ท่ามกลางพวกมัน มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวงที่เรียกว่า หนึ่ง และ สาม

วิญญาณจํานวนเป็นวิญญาณชุดขนาดใหญ่บนเส้นทางแห่งกฏ ไม่ว่าจะเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าพวกมันไร้ขอบเขต

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะระดับแปดจํานวนมาก แต่ความจริงก็คือมันยาอมตะระดับแปดจะสามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปด

ปาซื่อปาเป็นหนึ่งในนั้น เซี่ยชาก็เช่นกัน นี่เป็นเพราะทั้งสองต่างเป็นผู้นํากองกําลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ พวกเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งและมรดกมากมาย

ผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปดจะไม่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปด ตัวอย่างเช่นปีศาจอมตะเซี่ยหูของภาคเหนือ แม้เขาจะเป็นปีศาจอมตะอันดับหนึ่งของภาคเหนือและมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว แต่เขาไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปดในการครอบครอง

แม้แต่วังสวรรค์ที่มีผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีวิญญาณอมตะระดับแปดในการครอบครอง ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อถ้ําสวรรค์นิรันดรบุกวังสวรค์ มันเกิดสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจขึ้นกับวังสวรรค์ เนื่องจากผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากของพวกเขาตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ แต่พวกเขาไม่มีวิญญาณอมตะเพียงพอที่จะใช้งาน

ท่าไม้ตายอมตะที่มีค่าที่สุดของปาซื่อปาคือวิธีการโจมตีต่อเนื่อง

หากปาซื่อปาสามารถโจมตีศัตรูติดต่อกันสิบแปดครั้ง เขาจะสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดในระดับเดียวกันได้อย่างดายง่าย ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อเขาต่อสู้กับซิงเย่ ฝ่ายหลังต้องระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ชิงเต่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองถูกโจมตีต่อเนื่องสิบแปดครั้ง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เดิมที่เขาคิดว่าตั้งแต่ปาซื่อปาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการโจมตีต่อเนื่อง วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกฎของเขาอาจเป็นวิญญาณอมตะต่อเนื่อง เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นวิญญาณอมตะเพิ่มเติม

วิญญาณอมตะต่อเนื่องมีชื่อเสียงมากกว่าวิญญาณอมตะเพิ่มเติม มันใช้งานได้หลากหลายมากกว่าในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

ด้วยวิญญาณอมตะต่อเนื่อง ฟางหยวนจะสามารถใช้ท่าไม้ตายที่หลากหลายของเขาต่อเนื่องกันเป็นชุด

โดยการเชื่อมต่อท่าไม้ตายตั้งแต่สองท่าเข้าด้วยกัน พวกมันจะสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจได้มากขึ้น วิธีนี้มีเพียงผู้อมตะระดับสูงเท่านั้นที่สามารถทําได้

ย้อนกลับไปนางมารผลาญสวรรค์มีวิธีการลักษณะนี้

นางสามารถสร้างท่าไม้ตายต่อเนื่องระหว่างวิหคเพลิงพิโรษและคุกเพลิง มันมีพลังมหาศาล

มีความสําเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์เอก พวกเขาจึงสามารถออกแบบท่าไม้ ตายต่อเนื่องเช่นนี้

อย่างไรก็ตามนางมารผลาญสวรรค์สามารถใช้การโจมตีต่อเนื่องได้เฉพาะท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟเท่านั้น ในทางตรงข้าม หากคนผู้หนึ่งครอบครองวิญญาณอมตะต่อเนื่อง พวกเขาจะสามารถเชื่อมต่อท่าไม้ตายอมตะหลากหลายเส้นทางเข้าด้วยกัน ความแตกต่างนี้มีความสําคัญมาก

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกรกับท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ หรือท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยกกับท่าไม้ตายอมตะกําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน การผสมผสานท่าไม้ตายลักษณะนี้จะเพิ่มความสามารถและพลังอํานาจให้กับพวกมัน

วิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ และดวงวิญญาณของปาซื่อปาถูกยึดครองโดยฟางหยวน มีเพียงร่างกายและมิติช่องว่างของเขาเท่านั้นที่เหลืออยู่

แม้ฟางหยวนจะสามารถกลืนกินมิติช่องว่างของปาซื่อปาด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกฏในปัจจุบันของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะรอไปก่อน

เหตุผลเป็นเพราะหลังจากกลืนกินมิติช่องว่าง เวลาของภัยพิบัติจะเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

นี่เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่มีความสําคัญมาก

การกลืนกินมิติช่องว่างหยุดชั่วคราว แต่ไปหนิงปิงและคนอื่นๆยังยุ่งมาก

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนกลืนกินมิติช่องว่างจํานวนมาก มันเป็นตัวเลขที่น่าตกตะลึง

แดนศักดิ์สิทธิ์และถ้ําสวรรค์ที่ถูกผนวกเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสร้างความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย

ไปหนิงบิงและคนอื่นๆกําลังยุ่งอยู่กับการจัดการความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเขาปราบปรามมันด้วยกําลัง แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มแก้ไขมันด้วยสติปัญญาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นเขา แม่น้ํา สัตว์ป่า หรือพืชพันธุ์ พวกมันถูกย้ายไปวางในสถานที่ที่เหมาะสม

งานหนักทั้งหมดถูกคํานวณโดยฟางหยวน พวกมันถูกจัดการอย่างเหมาะสมที่สุด

นี่คือข้อดีของเส้นทางแห่งปัญญา

การจัดการทรัพยากรจะทําให้พวกมันเติบโตได้ดีและสนับสนุนกัน ฟางหยวนยังพิจารณาถึงการผนวกมิติช่องว่างของปาซื่อปาในอนาคตและจัดสรรพื้นที่สําหรับพวกมันไว้ล่วงหน้าแล้ว

ผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นจะปวดหัวมากเมื่อต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้ พวกเขาจะไม่สามารถจัดการทรัพยากรทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและมักทําให้พวกมันสูญเสียคุณค่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมักทําให้ผู้อมตะจํานวนมากรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยุ่งกว่าคนอื่นๆ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและร่างหลักของเขากําลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกฎของเขายกระดับขึ้นแล้ว

ด้วยความสําเร็จที่เพิ่มสูงขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางแห่งกฎวิญญาณบนเส้นทางแห่งกฎสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง หลังจากได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฏจํานวนมาก ฟางหยวนต้องคิดค้นท่าไม้ตายอมตะหรือรวมมันเข้าด้วยกัน มิฉะนั้นเขาจะพบกับความยากลําบากในอนาคต

งานเกี่ยวกับการจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิส่วนใหญ่ถูกมอบหมายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ฟางหยวนยังต้องทําบางสิ่งด้วยตนเอง

ตอนนี้การฝึกฝนท่าไม้ตายเป็นสิ่งสําคัญ

วิธีโจมตีต่อเนื่องของปาซื่อปากถูกเก็บไว้ก่อนขณะที่เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะของเซี่ยชาเป็นอย่างดี สิ่งที่เขาให้ความสนใจที่สุดในเวลานี้คือมรดกของเต๋าจู

สําหรับมรดกของผู้อมตะระดับเก้า พวกมันมีความลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ฟางหยวนจะได้รับความเข้าใจมากขึ้นทุกครั้งที่เขาพยายามทําความเข้าใจพวกมัน

ตัวอย่างเช่นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่สามารถอนุมานตัวตนของปาซื่อปาที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ แต่สิ่งที่เตือนเขาคือความจริงที่ว่าโชคของเขาถูกกดดันด้วยเหตุผลบางอย่าง

ระหว่างการต่อสู้ เขาเฝ้าสังเกตสนามรบอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็ค้นพบภัยคุกคามจากปาซื่อปา

รากฐานบนเส้นทางแห่งโชคของฟางหยวนเติบโตขึ้นมาก หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาจะไม่สามา รถสัมผัสถึงมัน

ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากวิธีบนเส้นทางแห่งโชคกับศัตรูและมักได้รับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดเสมอ

เนื่องจากมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดไม่ได้แพร่หลายไปทั่วโลก กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เช่นเดียวกันกับฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นี่ทําให้ฟางหยวนมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่

ตัวอย่างที่สองคือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

หากฟางหยวนไม่ได้รับข้อมูลในเชิงลึกเมื่อเร็วๆนี้ เขาจะไม่สามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะ มือปีศาจปล้นวิญญาณ

ตัวอย่างที่สามคือมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว แม้ฟางหยวนจะเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขายังได้รับประโยชน์ทุกครั้งที่เขาทําความเข้าใจมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด เพียงแนวคิดเรื่องวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้า ฟางหยวนก็มีความคืบหน้าไปมากจากการค้นคว้ามรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว

อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนรู้สึกอิ่ม เขารู้สึกราวกับอาหารไม่ย่อย

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีศักยภาพสูงมาก มันสามารถกลืนกินมิติช่องว่างจํานวนมากได้อย่างไม่มีปัญหา แต่นี่ทําให้ฟางหยวนได้รับมรดกและท่าไม้ตายใหม่ๆมากเกินไป มีหลายสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้

มรดกที่แท้จริงเหล่านี้สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนผู้หนึ่ง มันจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขาและอาจส่งอิทธิพลต่อสมดุลของโลก

แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงมากเกินไป เขามีวิญญาณอมตะระดับแปดในการครอบครองมากจนน่าตกใจ

เขายังมีวิญญาณอมตะระดับเก้า!

และลูกน้องของเขา

ต่างจากชีวิตก่อหน้า ชีวิตนี้เขามีลูกน้องหลายคน ส่วนใหญ่เป็นตัวตนชั้นสูงที่แข็งแกร่งกว่าสมาชิกทั่วไปของกองกําลังใหญ่

รากฐานของฟางหยวนบรรลุระดับที่สามารถทําให้โลกทั้งใบตกตะลึง

ตราบเท่าที่เขามีเวลาประมวลผล ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของระดับแปด!

แต่เขาไม่มีเวลา

ฟางหยวนต้องเผยรอยยิ้มขมขื่นให้กับตนเอง

ชีวิตก่อนหน้าเขารู้สึกว่าตนเองมีเวลาไม่เพียงพอ แต่ชีวิตนี้มันยิ่งเลวร้ายกว่า

ฟางหยวนประมาณการว่าแม้เขาจะใช้แสงแห่งปัญญา ในสถานการณ์นี้เขายังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีเพื่อซึมซับผลประโยชน์ทั้งหมด

ด้านหนึ่ง ข้าสามารถเร่งความเร็วของเวลาในมิติช่องว่างเพื่อมอบเวลาให้ตนเองมากขึ้น”

“ในทางกลับกัน ข้าต้องสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันเพิ่มเติมและยกระดับความสําเร็จของข้า ด้วยความสําเร็จที่เพิ่มสูงขึ้น ข้าจะสามารถทําความเข้าใจมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าได้ดีขึ้น

สุดท้าย ข้าต้องการกําลังคนมากขึ้น ข้าต้องการร่างแยกมากขึ้น!”

ภายใต้ความคาดหวังของฟางหยวน ไม่กี่วันต่อมาภูเขาตงฮันก็กลับคืนสู่สภาพสูงสุดของมัน

สิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าชีวิตก่อนหน้าของเขาเป็นอย่างมาก!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท