เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1796 ร่างแยกกายาแห่งความฝัน

บทที่ 1796 ร่างแยกกายาแห่งความฝัน

บทที่ 1796 ร่างแยกกายาแห่งความฝัน

ฟางหยวนตรวจสอบจิตวิญญาณของเขา

หลังจากบ่มเพาะจิตวิญญาณในช่วงเวลาที่ผ่านมา จิตวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับหกสิบล้านคนเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาเต็มไปด้วยพลังงานและมีชีวิตชีวาซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกภูตผีเหมือนชุดชั้นในไหมที่เกาะติดอยู่กับดวงวิญญาณของเขา นอกจากนั้นยังมีชุดคลุมยาวซ้อนทับอยู่ด้านนอกซึ่งเกิดจากท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดอาภรณ์วิญญาณ

ด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนในปัจจุบัน เขาพร้อมที่จะแยกดวงวิญญาณแล้ว

ท่าไม้ตายอมตะแยกวิญญาณ!

ดวงวิญญาณของฟางหยวนบินออกมากจากร่างก่อนที่มันจะแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นดวงวิญญาณหลักก็กลับเข้าสู่ร่างกายของฟางหยวน

นี่ทําให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับสามสิบล้านคน

ดวงวิญญาณแยกมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสามสิบล้านคนเช่นกัน

ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อนเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เขายังรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแยกดวงวิญญาณ วิธีนี้มีความเสี่ยงสูงและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ฟางหยวนฝึกฝนมาอย่างเพียงพอ ด้วยความพยายามทั้งหมด มันทําให้เขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งด้วยจิตใจที่แจ่มใส

เขาเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิและส่งดวงวิญญาณแยกเข้าไปภายใน

มีร่างกายรอมันอยู่แล้ว

ร่างนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากกายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบ!

หลังจากดวงวิญญาณแยกเข้าสู่กายาแห่งความฝัน กลิ่นอายของมันเกิดความผันผวนขณะที่กายาแห่งความฝันยังนิ่งเงียบราวกับซากศพ

ฟางหยวนไม่กังวล

กายาแห่งความฝันแบ่งออกเป็นสามประเภท

ประเภทแรกคือกายาแห่งความฝันที่แข็งแกร่งที่สุด มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนชื่อของนิกายเงา กายาแห่งความฝันประเภทนี้มีอายุเพียงสิบแปดชั่วโมงแต่การบ่มเพาะของมันจะเพิ่มขึ้นทุกๆสองชั่วโมงและจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าก่อนจะสิ้นอายุขัย

ประเภทที่สองคือกายาแห่งความฝันที่ฟางหยวนใช้งานอยู่เป็นประจํา มันถูกเปลี่ยนมาจากอาณาจักรแห่งความฝันโดยท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝัน กายาแห่งความฝันประเภทนี้มีข้อบกพร่องสําคัญคือมันมีเวลาจํากัด เมื่อถึงกําหนดเวลา มันจะระเบิดตัวเองและกลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน

ประเภทที่สามคือกายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบ ฟางหยวนเรียนรู้สิ่งนี้มาจากกายาแห่งความฝันที่ฟงจินฮวงสร้างขึ้น กายาแห่งความฝันประเภทนี้จะไม่กลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน มันมีอายุขัยที่ยาวนานและถูกพิจารณาว่าเป็นสุดยอดกายาลําดับที่สิบเอ็ด

กายาแห่งความฝันที่ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวน

มาแห่งความฝันประเภทที่สาม

หลังจากไม่นานกายาแห่งความฝันก็เปิดเปลือกตาขึ้น

ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนสามารถปรับตัวให้เข้ากับกายาแห่งความฝันได้ในที่สุด แต่ร่างแยกกายาแห่งความฝันยังอ่อนแอมาก ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและไม่สามารถรองรับรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับสามสิบล้านคน ฟางหยวนต้องสะกดข่มมันเอาไว้ นี่เหมือนกับยักษ์ที่ขดตัวนอนอยู่ในบ้านกระดาษหลังเล็กๆ

แต่เรื่องนี้ไม่สําคัญ

ฟางหยวนเตรียมวิญญาณรากพฤกษาไว้แล้ว

วิญญาณรากพฤกษาระดับมนุษย์สามารถยกระดับทะลวิญญาณของผู้ใช้วิญญาณ มันมีตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับห้า มันถือเป็นสมบัติล้ําค่าสําหรับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์

วิญญาณรากพฤกษาระดับสูงมักถูกควบคุมและหายาก มันจะอยู่ในมือของชนชั้นสูงเท่านั้น

สวรรค์สีเหลืองมีวิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่งถึงสามถูกวางขายเป็นชุด วิญญาณรากพฤกษาระดับสี่มีไม่มาก ขณะที่วิญญาณรากพฤกษาระดับห้ายิ่งมีน้อยกว่า

สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพราะผู้อมตะไม่ต้องการขายพวกมันออกไป แต่มันเป็นเพราะ วิญญาณรากพฤกษาเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้อมตะก็ไม่สามารถใช้งาน

กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหรือวังสวรรค์ก็ไม่สามารถผลิตมันออกมาได้

เพราะเหตุใด?

ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดและความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ระดับผู้เชี่ยวชาญ มันทําให้ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

มันเป็นเพราะวิญญาณรากพฤกษาเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์

มันจะถือกําเนิดขึ้นในสถานที่ที่มีมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นเท่านั้น

สิ่งนี้เหมือนกับวิญญาณอายุยืน

ร่างแยกกายาแห่งความฝันของฟางหยวนเริ่มใช้วิญญาณรากพฤกษา

หลังจากใช้วิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่ง ทะเลวิญญาณของร่างแยกกายาแห่งความฝันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

กําแพงแสงกลายเป็นกําแพงวารีก่อนจะเปลี่ยนเป็นกําแพงหินและกําแพงคริสตัล

เมื่อกําแพงคริสตัลแตกออก ร่างแยกกายาแห่งความฝันก็ก้าวเข้าสู่ระดับสองทันที

ฟางหยวนอุทานออกมาเบาๆ “กายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบสมกับเป็นสุดยอดกายาลําดับที่สิบเอ็ดอย่างแท้จริง การบ่มเพาะของมันก้าวหน้าไปได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากอุปสรรค”

การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องการเวลาและความอดทนที่ เพียงพอยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากที่จะก้าวข้าม

ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดของเขาเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกกายแห่งความฝัน แต่เขาไม่คิดว่าร่างแยกกายาแห่งความฝันจะสามารถทะลวงผ่านอุปสรรคตามธรรมชาติได้อย่างราบรื่นและสะดวกกว่าที่เขาคาดไว้มากมายนัก

วิญญาณรากพฤกษาถูกใช้งานทีละดวง การบ่มเพาะของร่างแยกกายาแห่งความฝันยกระดับขึ้นทีละขั้นตอน

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณรากพฤกษาระดับหนึ่งหรือระดับห้า มันก็มีอยู่มากมายในคลังสมบัติของนิกายหลางหยา เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา

ดังนั้นในเวลาไม่นาน ร่างแยกกายาแห่งความฝันของฟางหยวนก็กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

“เตรียมพร้อมสําหรับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ!” ฟางหยวนส่งร่ายแยกกายาแห่งความฝันออกจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่สามารถเผชิญหน้าภัยพิบัติในมิติช่องว่างจักรพรรดิเพราะสิ่งนี้จะทําให้ปราณสวรรค์พิภพปั่นปวน

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องนําร่างแยกกายาแห่งความฝันออกมาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่โลกภายนอก

ฟางหยวนตั้งใจสร้างร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะในครั้งเดียว

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากําลังจะดําเนินการขั้นตอนต่อไป เขากลับรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง

“หือ? รอเดี๋ยว!” ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียด

ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความรู้สึกอันตรายอันแรงกล้าที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ที่มาหรือเหตุผลมักเป็นการแจ้งเตือนบางอย่าง

ฟางหยวนไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกนี้

“ดูเหมือนมันจะเป็นคําใบ้ว่าหากข้าปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ มันจะเกิดอันตรายที่ร้ายแรง” ฟางหยวนขมวดคิ้ว

ผู้ใช้วิญญาณจําเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อบรรลุเป็นผู้อมตะ

ตามตรรกะทั่วไป ไม่ว่าเจตจํานงสวรรค์จะเพิ่มพลังอํานาจให้กับภับพิบัติมากเท่าใด มันก็ยังมีขีดจํากัด ไม่ว่าภัยพิบัติของผู้อมตะระดับหกจะรุนแรงเพียงใด แต่มันจะไม่รุนแรงไปกว่าภัยพิบัติของผู้อมตะระดับเจ็ด

“แต่หากมันเป็นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน…” สายตาของฟางหยวนกลายเป็นแหลมคม

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของร่างแยกกายาแห่งความฝันควรจะเป็นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก

ในยุคปัจจุบัน กระทั่งราชันมังกรก็ยังไม่มีวิธีต่อต้านวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน

ฟางหยวนแข็งแกร่งกว่าราชันมังกรในด้านนี้เพราะเขามีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันไม่สามารถทําทุกสิ่ง

นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันยังแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆได้แก่ อาณาจักรแห่งความฝันที่มาจากประสบการณ์จริง อาณาจักรแห่งความฝันที่ฟางหยวนสํารวจส่วนใหญ่เป็นอาณาจักรแห่งความฝันประเภทนี้ สําหรับอาณาจักรแห่งความฝันประเภทที่สอง มันเป็นอาณาจักรแห่ง ความฝันในจินตนาการ มันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะทั่วไป กระทั่งฟางหยวนก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมัน

“หากข้าปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอมตะ บางทีเจตจํานงสวรรค์อาจใช้โอกาสนี้โจมตีข้า”

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าควรปล่อยให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะในมิติช่องว่างของข้าหรือไม่?”

“ไม่มีเจตจํานงสวรรค์อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แม้วิธีนี้จะทําให้ปราณสวรรค์พิภพปั่นป่วน และทําให้รากฐานของข้าได้รับความเสียหาย แต่ร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะจะมีประโยชน์กับข้ามากกว่า”

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนนําร่างแยกกายาแห่งความฝันกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาก็ยังรู้สึกถึงอันตรายแม้มันจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม

ฟางหยวนไตร่ตรอง “นี่หมายความว่าแม้จะไม่มีเจตจํานงสวรรค์ แต่ภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝันก็ยังเป็นหายนะสําหรับข้า?”

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีความเสี่ยง

แต่ความเสี่ยงนี้คุ้มค่าหรือไม่?

ฟางหยวนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจและเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

สําหรับปัจจุบัน ความเสี่ยงนี้ไม่คุ้มค่า

เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน

ฟางหยวนส่ายศีรษะ

เขารู้สึกเสียดายมาก

หากร่างแยกกายาแห่งความฝันสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นอกจากฟางหยวนจะได้รับร่างแยกกายาแห่งความฝันระดับอมตะ เขายังจะได้รับความเข้าใจบนเส้นทางแห่งความฝันระหว่างกระบวนการนี้และมีโอกาสยกระดับวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันให้เป็นวิญญาณอมตะ

แต่ฟางหยวนรู้สึกเสียใจที่ค้นพบว่าการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของร่างแยกกายาแห่ง ความฝันอันตรายเกินไป

“หากเกิดเหตุร้าย ข้าก็ไม่สามารถใช้วิญญาณกาลเวลา”

ฟางหยวนมีความก้าวหน้าอย่างมากในชีวิตนี้ มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

การเสี่ยงที่แทบไม่มีโอกาสประสบความสําเร็จไม่ใช่ความกล้าแต่เป็นความโง่เขลา

“ลืมมันไปซะ ข้าจะปล่อยมันไปชั่วคราว” ฟางหยวนกันเสียงเย็น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท